พบผลลัพธ์ทั้งหมด 88 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงรับกันต่อหน้าศาลมีผลผูกพัน ไม่ต้องสืบพยานเพิ่มเติม หากข้อเท็จจริงเพียงพอแก่การวินิจฉัย
ข้อเท็จจริงใดซึ่งคู่ความรับกันและศาลจดไว้แล้ว. คู่ความไม่ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงนั้นอีก.
เมื่อข้อเท็จจริงที่รับกันเพียงพอแก่การวินิจฉัยชี้ขาดคดีแล้ว. ศาลย่อมมีอำนาจงดสืบพยาน และพิพากษาคดีไปโดยไม่จำต้องสืบพยานหลักฐานอื่นใดอีก.
คู่ความท้ากันสืบพยานเพียงประเด็นข้อเดียว ส่วนประเด็นข้ออื่นไม่ติดใจว่ากล่าวย่อมถือว่าสละข้อต่อสู้อื่น. และไม่มีประเด็นข้อพิพาทที่ศาลจะต้องวินิจฉัยนอกเหนือไปจากที่ท้ากัน.
เมื่อข้อเท็จจริงที่รับกันเพียงพอแก่การวินิจฉัยชี้ขาดคดีแล้ว. ศาลย่อมมีอำนาจงดสืบพยาน และพิพากษาคดีไปโดยไม่จำต้องสืบพยานหลักฐานอื่นใดอีก.
คู่ความท้ากันสืบพยานเพียงประเด็นข้อเดียว ส่วนประเด็นข้ออื่นไม่ติดใจว่ากล่าวย่อมถือว่าสละข้อต่อสู้อื่น. และไม่มีประเด็นข้อพิพาทที่ศาลจะต้องวินิจฉัยนอกเหนือไปจากที่ท้ากัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 761/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารสัญญากู้ยืมเงินหลังทำสัญญาแล้ว ไม่ทำให้สัญญาเป็นโมฆะ หากจำเลยได้รับเงินกู้จริง
เดิมจำเลยทำสัญญากู้เงินไว้ให้โจทก์จำนวนหนึ่ง ต่อมาโจทก์ลอบเติมเลข 1 ลงหน้าจำนวนเงินในเอกสารนั้น ทำให้จำนวนเงินกู้มากขึ้นแล้วเอาเอกสารนั้นมาฟ้องเรียกเงินจากจำเลย ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวนเดิม คือจำนวนที่จำเลยยืมไปได้ การเติมเลข 1 ลงเพื่อเพิ่มจำนวนเงินกู้เดิมไม่ทำให้หลักฐานการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือเดิมเสียไป.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2508)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2508)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 761/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขจำนวนเงินในหลักฐานกู้ยืม ไม่ทำให้สัญญาเป็นโมฆะ แม้จะเพิ่มจำนวนเงินภายหลัง
เดิมจำเลยทำสัญญากู้เงินไว้ให้โจทก์จำนวนหนึ่งต่อมาโจทก์ลอบเติมเลข 1 ลงหน้าจำนวนเงินในเอกสารนั้นทำให้จำนวนเงินกู้มากขึ้นแล้วเอาเอกสารนั้นมาฟ้องเรียกเงินจากจำเลยศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวนเดิมคือ จำนวนที่จำเลยยืมไปได้ การเติมเลข 1 ลงเพื่อเพิ่มจำนวนเงินกู้เดิมไม่ทำให้หลักฐานการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือเดิมเสียไป(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2508)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเรือยนต์หางยาวที่ใช้ในการขนของหลีกเลี่ยงภาษี ศาลรับฟังได้แม้ไม่ได้ระบุระวางบรรทุก
เฉพาะเรือยนต์หางยาวเช่นเรือยนต์หางยาวของกลางคดีนี้เป็นเรือที่รู้จักกันอยู่ทั่วไปว่าเป็นเรือเล็ก ๆ ไม่ใหญ่โตชนิดหนึ่งใช้วิ่งรับส่งในแม่น้ำลำคลอง โดยข้อเท็จจริงไม่มีทางจะฟังว่าเป็นเรือมีระวางบรรทุกเกิน 250 ตันได้เลย ฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงเป็นที่รับรู้กันอยู่ทั่วไปดังกล่าว ถึงแม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องว่า มีระวางบรรทุกเท่าใด ศาลย่อมรับฟังข้อเท็จจริงได้ว่าเรือยนต์หางยาวพร้อมด้วยเครื่องของกลางคดีนี้ มีระวางบรรทุกไม่เกิน 250 ตัน เมื่อจำเลยนำไปใช้ในการขนของที่ยังมิได้เสียภาษี จึงต้องริบตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 32
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2509).
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2509).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเรือยนต์หางยาวที่ใช้ขนของหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร โดยไม่จำเป็นต้องระบุระวางบรรทุกในคำฟ้อง
เฉพาะเรือยนต์หางยาวเช่นเรือยนต์หางยาวของกลางคดีนี้เป็นเรือที่รู้จักกันอยู่ทั่วไปว่าเป็นเรือเล็กๆ ไม่ใหญ่โตชนิดหนึ่งใช้วิ่งรับส่งในแม่น้ำลำคลองโดยข้อเท็จจริงไม่มีทางจะฟังว่าเป็นเรือมีระวางบรรทุกเกิน 250 ตัน ได้เลยฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงเป็นที่รับรู้กันอยู่ทั่วไปดังกล่าว ถึงแม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องว่ามีระวางบรรทุกเท่าใดศาลย่อมรับฟังข้อเท็จจริงได้ว่าเรือยนต์หางยาวพร้อมด้วยเครื่องของกลางคดีนี้ มีระวางบรรทุกไม่เกิน 250 ตัน เมื่อจำเลยนำไปใช้ในการขนของที่ยังมิได้เสียภาษี จึงต้องริบตามพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ.2469 มาตรา 32 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1230/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีโดยผู้แทน, ความถูกต้องของเอกสารท้ายฟ้อง, และการคิดดอกเบี้ยสัญญา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 63 ให้อำนาจศาลที่จะทำการสอบสวนเรื่องผู้แทนนิติบุคคลจนเป็นที่พอใจได้
ผู้แทนนิติบุคคลมอบอำนาจให้ฟ้องความแล้ว แม้ผู้มอบอำนาจจะตายลง ก็ไม่ทำให้ใบมอบอำนาจในนามของนิติบุคคลนั้นเสียไป
สำเนาเอกสารท้ายฟ้องเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง เมื่อจำเลยไม่ปฏิเสธ ต้องถือว่าจำเลยรับอยู่ในตัว โจทก์ไม่จำต้องส่งต้นฉบับ
ผู้แทนนิติบุคคลมอบอำนาจให้ฟ้องความแล้ว แม้ผู้มอบอำนาจจะตายลง ก็ไม่ทำให้ใบมอบอำนาจในนามของนิติบุคคลนั้นเสียไป
สำเนาเอกสารท้ายฟ้องเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง เมื่อจำเลยไม่ปฏิเสธ ต้องถือว่าจำเลยรับอยู่ในตัว โจทก์ไม่จำต้องส่งต้นฉบับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1230/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีของนิติบุคคล, การส่งเอกสารประกอบฟ้อง, และการคิดดอกเบี้ยบัญชีเดินสะพัด
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 63 ให้อำนาจศาลที่จะทำการสอบสวนเรื่องผู้แทนนิติบุคคลจนเป็นที่พอใจได้
ผู้แทนนิติบุคคลมอบอำนาจให้ฟ้องความแล้ว แม้ผู้มอบอำนาจจะตายลง ก็ไม่ทำให้ใบมอบอำนาจในนามของนิติบุคคลนั้นเสียไป
สำเนาเอกสารท้ายฟ้องเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง เมื่อจำเลยไม่ปฏิเสธ ต้องถือว่าจำเลยรับอยู่ในตัว โจทก์ไม่จำต้องส่งต้นฉบับ
ผู้แทนนิติบุคคลมอบอำนาจให้ฟ้องความแล้ว แม้ผู้มอบอำนาจจะตายลง ก็ไม่ทำให้ใบมอบอำนาจในนามของนิติบุคคลนั้นเสียไป
สำเนาเอกสารท้ายฟ้องเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง เมื่อจำเลยไม่ปฏิเสธ ต้องถือว่าจำเลยรับอยู่ในตัว โจทก์ไม่จำต้องส่งต้นฉบับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินมือเปล่าและการละเมิดสิทธิในที่ดิน การพิสูจน์การครอบครองและอายุความ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ครอบครองที่ดินมือเปล่าไว้แปลงหนึ่งสำหรับทำนาและบำรุงต้นไม้ไว้เผาถ่าน ได้ทำประโยชน์ในที่ดินนี้ตลอดมาจนทุกวันนี้ จำเลยได้บุกรุกเข้าตัดฟันต้นไม้ในที่ดินของโจทก์เพื่อทำฟืนหรือเผาถ่าน ขอให้ใช้ค่าเสียหายและห้ามเข้าเกี่ยวข้อง แล้วโจทก์แถลงรับสมดังคำให้การของจำเลยว่า เมื่อ 5-6 ปีมานี้จำเลยเข้าไปตัดฟันไม้ในที่พิพาทนี้ ฝ่ายโจทก์ไปแจ้งความ จำเลยต่อสู้ว่าที่ดินเป็นของจำเลยแล้วเรื่องก็เงียบไป คำแถลงของโจทก์ดังนี้ ไม่เป็นการตัดคำฟ้องของโจทก์ในข้อที่ว่าโจทก์เป็นผู้ครอบครองที่พิพาทมายังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ครอบครองมาในระหว่าง 5-6 ปีมานี้ ต้องสืบพยานกันในข้อนี้ต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1989/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำด่าที่มีความหมายดูหมิ่นชัดเจน ไม่จำเป็นต้องสืบอธิบายความหมาย การแก้ไขคำในฟ้องเล็กน้อยไม่ทำให้คดีเสีย
คำกล่าวดูหมิ่นว่า "กูไม่เอามึงให้เสียน้ำ อีหน้าหัวควยพรรค์นี้"เป็นถ้อยคำที่มีความหมายดูหมิ่นผู้อื่นอยู่ในตัวแล้ว เพราะเป็นถ้อยคำที่สามัญชนเข้าใจได้ชัดอยู่ในตัวเองไม่ใช่ถ้อยคำพิเศษ ส่วนถ้อยคำพิเศษนั้นเป็นถ้อยคำที่สามัญชนฟังแล้วไม่เข้าใจ หรือฟังแล้วแปลเป็น 2 แง่ได้โจทก์ไม่ต้องนำสืบอธิบาย
ฟ้องว่า จำเลยดูหมิ่นผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงว่า "กูไม่เอามึงให้เสียน้ำ อีหน้าหัวควยพรรค์นี้ฯลฯ" แต่ชั้นพิจารณา ผู้เสียหายให้การว่าจำเลยดูหมิ่นผู้เสียหายว่า "กูไม่เอามึงให้เสียน้ำ ไอ้หน้าควยพรรค์นี้อีเฮงซวย" เป็นการแตกต่างกันแต่เพียงพลความไม่ใช่แตกต่างกันในข้อสารสำคัญ
ฟ้องว่า จำเลยดูหมิ่นผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงว่า "กูไม่เอามึงให้เสียน้ำ อีหน้าหัวควยพรรค์นี้ฯลฯ" แต่ชั้นพิจารณา ผู้เสียหายให้การว่าจำเลยดูหมิ่นผู้เสียหายว่า "กูไม่เอามึงให้เสียน้ำ ไอ้หน้าควยพรรค์นี้อีเฮงซวย" เป็นการแตกต่างกันแต่เพียงพลความไม่ใช่แตกต่างกันในข้อสารสำคัญ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1989/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำด่าที่มีความหมายดูหมิ่นชัดเจน ไม่จำเป็นต้องสืบความหมายเพิ่มเติม แม้ข้อเท็จจริงบางส่วนต่างจากฟ้อง ก็ไม่ถึงขนาดทำให้คดีเสีย
คำกล่าวดูหมิ่นว่า "กูไม่เอามึงให้เสียน้ำ อีหน้าหัวควยพรรค์นี้" เป็นถ้อยคำที่มีความหมายดูหมิ่นผู้อื่นอยู่ในตัวแล้ว เพราะเป็นถ้อยคำที่สามัญชนเข้าใจได้ชัดอยู่ในตัวเอง ไม่ใช่ถ้อยคำพิเศษ ส่วนถ้อยคำพิเศษนั้น เป็นถ้อยคำที่สามัญชนฟังแล้วไม่เข้าใจ หรือฟังแล้วแปลเป็น 2 แง่ได้ โจทก์ไม่ต้องนำสืบอธิบาย
ฟ้องว่า จำเลยดูหมิ่นผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงว่า "กูไม่เอามึงให้เสียน้ำ อีหน้าหัวควยพรรค์นี้ฯลฯ" แต่ชั้นพิจารณา ผู้เสียหายให้การว่าจำเลยดูหมิ่นผู้เสียหายว่า "กูไม่เอากับมึงให้เสียน้ำ ไอ้หน้าควยพรรค์นี้ อีเฮงซวย" เป็นการแตกต่างกันแต่เพียงพอความ ไม่ใช่แตกต่างกันในข้อสารสำคัญ
ฟ้องว่า จำเลยดูหมิ่นผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงว่า "กูไม่เอามึงให้เสียน้ำ อีหน้าหัวควยพรรค์นี้ฯลฯ" แต่ชั้นพิจารณา ผู้เสียหายให้การว่าจำเลยดูหมิ่นผู้เสียหายว่า "กูไม่เอากับมึงให้เสียน้ำ ไอ้หน้าควยพรรค์นี้ อีเฮงซวย" เป็นการแตกต่างกันแต่เพียงพอความ ไม่ใช่แตกต่างกันในข้อสารสำคัญ