พบผลลัพธ์ทั้งหมด 88 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1700/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีประกันภัยที่ยังไม่ชอบ เนื่องจากศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้พิจารณาพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายอย่างครบถ้วน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับประกันพลอยของโจทก์ซึ่งประสงค์จะส่งไปยังธนาคาร บ.เพื่อส่งต่อและเรียกเก็บเงินจากห้าง จ. โดยโจทก์ได้ส่งพลอยนั้นทางพัสดุไปรษณีย์ในวันเดียวกันนั้น ปรากฎว่าไปรษณีย์ส่งพลอยนั้นให้แก่ห้าง จ. โดยตรง ไม่ส่งให้ธนาคารดังที่โจทก์จ่าหน้า ขอให้จำเลยใช้เงินตามมูลค่าแห่งกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยให้การว่าโจทก์ขอประกันภัยต่อจำเลยโดยระบุนามผู้รับไปรษณีย์ภัณฑ์ที่ 2357 ว่า บริษัท จ.พัสดุภัณฑ์นี้ได้ส่งไปถึงบริษัท จ. ผู้รับถูกต้องแล้ว และโจทก์แปลคำว่า Non Delivery ในสัญญากรมธรรม์ผิด ที่ถูกต้องแปลว่า "ไม่มีการส่งของ" ไม่ใช่ส่งไม่ถึงที่หรือส่งผิด แม้ส่งผิด จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดบริษัท จ.ก็ได้ยินยันมายังโจทก์ว่าได้รับไปรษณีย์นั้นแล้ว โจทก์จะมาฟ้องให้จำเลยใช้หนี้แทนลูกหนี้ของโจทก์ไม่ได้ ดังนี้ ปัญหาสำคัญอยู่ที่ว่า พัสดุภัณฑ์ที่โจทก์ส่งไปนั้นจ่าหน้าถึงใครเป็นผู้รับกันแน่ คู่ความยังโต้แย้งกันอยู่ และต่างมีเอกสารหลักฐานมาสนับสนุนข้ออ้างของตน และยังโต้เถียงการแปลคำว่า Non Delivery ในกรมธรรม์กันด้วย ต่างยังมิได้รับรองเอกสารหลักฐานของอีกฝ่ายหนึ่ง เมื่อสืบพยานโจทก์ได้เพียงคนเดียวแล้วศาลจะสั่งงดสืบพยาน โจทก์จำเลยต่อไปแล้วฟังว่าไปรษณีย์ส่งพัสดุภัณฑ์นั้นให้บริษัท จ. ผิดไปจากจ่าหน้า แต่บริษัท จ.ได้แจ้งมายังโจทก์ว่าได้รับของแล้ว ชอบที่โจทก์จะเรียกร้องเอาแก่บริษัท จ.ผู้ซื้อโดยตรงให้ชำระราคาได้ก็ดี ศาลแปลคำว่า Non Delivery ดังที่จำเลยให้การ แล้วเห็นว่าเมื่อของนี้ได้ส่งถึงมือผู้ซื้อแล้ว ความรับผิดของจำเลยจึงหมดไปก็ดี หรือฟังว่า ในกรมธรรม์ไม่ได้ระบุให้ชัดแจ้งและหลักฐานเท่าที่มีในสำนวนก็ไม่มีว่าจำเลยทราบหรือมีข้อตกลงกันว่าจะต้องส่งพัสดุภัณฑ์นั้นแก่ธนาคาร บ.จึงพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีก็ดี ดังนี้ ยังไม่เป็นการที่ชอบ สมควรฟังพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยให้สิ้นกระแสความเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1700/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดประกันภัย: การพิสูจน์ผู้รับพัสดุและข้อตกลงการส่งมอบสินค้า
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับประกันพลอยของโจทก์ซึ่งประสงค์จะส่งไปยังธนาคาร น. เพื่อส่งต่อ และเรียกเก็บเงินจากห้าง จ. โดยโจทก์ได้ส่งพลอยนั้นทางพัสดุไปรษณีย์ในวันเดียวกันนั้น ปรากฏว่าไปรษณีย์ส่งพลอยนั้นให้แก่ห้างจ. โดยตรง ไม่ส่งให้ธนาคารดังที่โจทก์จ่าหน้า ขอให้จำเลยใช้เงินตามมูลค่าแห่งกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยให้การว่าโจทก์ขอประกันภัยต่อจำเลยโดยระบุนามผู้รับไปรษณีย์ภัณฑ์ที่ 2357 ว่าบริษัท จ. พัสดุภัณฑ์นี้ได้ส่งไปถึงบริษัท จ. ผู้รับถูกต้องแล้ว และโจทก์แปลคำว่า NON-DELIVERY ในสัญญากรมธรรม์ผิด ที่ถูกต้องแปลว่า "ไม่มีการส่งของ" ไม่ใช่ส่งไม่ถึงที่หรือส่งผิด แม้ส่งผิดจำเลยก็ไม่ต้องรับผิด บริษัท จ. ก็ได้ยืนยันมายังโจทก์ว่าได้รับไปรษณีย์ภัณฑ์นั้นแล้ว โจทก์จะมาฟ้องให้จำเลยใช้หนี้แทนลูกหนี้ของโจทก์ไม่ได้ดังนี้ ปัญหาสำคัญอยู่ที่ว่าพัสดุภัณฑ์ที่โจทก์ส่งไปนั้นจ่าหน้าถึงใครเป็นผู้รับกันแน่ คู่ความยังโต้แย้งกันอยู่ และต่างมีเอกสารหลักฐานมาสนับสนุนข้ออ้างของตน และยังโต้เถียงการแปลคำว่า NON-DELIVERY ในกรมธรรม์กันด้วย ต่างยังมิได้รับรองเอกสารหลักฐานของอีกฝ่ายหนึ่ง เมื่อสืบพยานโจทก์ได้เพียงคนเดียวแล้วศาลจะสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไปแล้วฟังว่าไปรษณีย์ส่งพัสดุภัณฑ์นั้นให้บริษัท จ. ผิดไปจากจ่าหน้า แต่บริษัท จ. ได้แจ้งมายังโจทก์ว่าได้รับของแล้ว ชอบที่โจทก์จะเรียกร้องเอาแก่บริษัท จ. ผู้ซื้อโดยตรงให้ชำระราคาได้ก็ดี ศาลแปลคำว่า NON-DELIVERY ดังที่จำเลยให้การ แล้วเห็นว่าเมื่อของนี้ได้ส่งถึงมือผู้ซื้อแล้ว ความรับผิดของจำเลยจึงหมดไปก็ดี หรือฟังว่าในกรมธรรม์ไม่ได้ระบุให้ชัดแจ้งและหลักฐานเท่าที่มีในสำนวนก็ไม่มีว่าจำเลยทราบหรือมีข้อตกลงกันว่าจะต้องส่งพัสดุภัณฑ์นั้นแก่ธนาคารน. จึงพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีก็ดี ดังนี้ ยังไม่เป็นการที่ชอบ สมควรฟังพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยให้สิ้นกระแสความเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิเรียกร้องค่าเช่าและการชำระค่าเช่าให้แก่บุคคลที่ไม่มีสิทธิ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าโกดังของโจทก์แล้วไม่ชำระค่าเช่าให้โจทก์ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2501 ถึง พฤษภาคม 2502 รวม 14 เดือน โดยจำเลยกลับไปชำระให้นางเยี่ยมศรีซึ่งไม่มีสิทธิ จำเลยให้การต่อสู้ด้วยว่า เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2502 จำเลยได้รับหนังสือจากทนายของโจทก์แจ้งให้ชำระค่าเช่าแก่โจทก์ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2502 เป็นต้นไป และห้ามชำระแก่นางเยี่ยมศรี ที่ชำระไปแล้วโจทก์จะเรียกจากนางเยี่ยมศรีเอง โจทก์มิได้แถลงรับในข้อนี้ เมื่อศาลนัดพร้อม และคู่ความไม่สืบพยาน แต่ตามคำแถลงการณ์ของโจทก์ก่อนศาลพิพากษาคดีโจทก์กล่าวถึงหนังสือของทนายโจทก์ดังที่จำเลยกล่าวอ้างนี้ด้วย ดังนี้ เป็นการรับข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้ของจำเลยแล้ว และโจทก์จะอ้างว่าตามหนังสือดังกล่าว โจทก์เสนอให้จำเลยชำระค่าเช่าตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2502 ให้โจทก์ แล้วโจทก์จะไม่เรียกร้องค่าเช่าก่อนนั้น (ค่าเช่า 14 เดือนที่ฟ้อง) จากจำเลย หาได้ไม่ เพราะไม่อาจถือว่าโจทก์สละสิทธิไม่เรียกร้องค่าเช่าเดือนก่อน ๆ นั้นจากจำเลยอีก โดยจะเรียเอาจากนางเยี่ยมศรีแทน เมื่อปรากฏตามหนังสือดังกล่าวโจทก์สละสิทธิไม่เรียกร้องเอากับจำเลยโดยจะเรียกคืนจากนางเยี่ยมศรีเองแล้ว
โจทก์จะอ้างว่าจำเลยมีหน้าที่ชำระค่าเช่านั้นแก่โจทก์ผู้ให้เช่า ที่จำเลยชำระให้แก่ผู้ไม่มีสิทธิรับชำระไม่เป็นเหตุให้จำเลยพ้นความรับผิดต่อโจทก์ แล้วจะกลับมารื้อฟื้นเรียกร้องเอาจากจำเลยอีกย่อมไม่ได้
โจทก์จะอ้างว่าจำเลยมีหน้าที่ชำระค่าเช่านั้นแก่โจทก์ผู้ให้เช่า ที่จำเลยชำระให้แก่ผู้ไม่มีสิทธิรับชำระไม่เป็นเหตุให้จำเลยพ้นความรับผิดต่อโจทก์ แล้วจะกลับมารื้อฟื้นเรียกร้องเอาจากจำเลยอีกย่อมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิเรียกร้องค่าเช่าและการชำระค่าเช่าให้แก่ผู้ไม่มีสิทธิส่งผลให้โจทก์หมดสิทธิเรียกร้องจากจำเลย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าโกดังของโจทก์แล้วไม่ชำระค่าเช่าให้โจทก์ตั้งแต่เดือนเมษายน 2501 ถึง พฤษภาคม 2502 รวม18 เดือน โดยจำเลยกลับไปชำระให้นางเยี่ยมศรีซึ่งไม่มีสิทธิ จำเลยให้การต่อสู้ด้วยว่า เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2502 จำเลยได้รับหนังสือจากทนายของโจทก์แจ้งให้ชำระค่าเช่าแก่โจทก์แต่เดือนมิถุนายน 2502 เป็นต้น และห้ามชำระแก่นางเยี่ยมศรีที่ชำระไปแล้วโจทก์จะเรียกจากนางเยี่ยมศรีเอง โจทก์มิได้แถลงรับในข้อนี้เมื่อศาลนัดพร้อม และคู่ความไม่สืบพยาน แต่ตามคำแถลงการณ์ของโจทก์ก่อนศาลพิพากษาคดีโจทก์กล่าวถึงหนังสือของทนายโจทก์ดังที่จำเลยกล่าวอ้างด้วย ดังนี้ เป็นการรับข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้ของจำเลยแล้ว และโจทก์จะอ้างว่าตามหนังสือดังกล่าวนี้ โจทก์เสนอให้จำเลยชำระค่าเช่าตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2502 ให้โจทก์ แล้วโจทก์จะไม่เรียกร้องค่าเช่าก่อนนั้น (ค่าเช่า 14 เดือนที่ฟ้อง) จากจำเลย หาได้ไม่ เพราะไม่อาจถือได้ว่ามีข้อความตั้งข้อแม้ไว้เช่นนั้นและถือได้ว่าโจทก์สละสิทธิไม่เรียกร้องค่าเช่าเดือนก่อนๆ นั้นจากจำเลยอีก โดยจะเรียกเอาจากนางเยี่ยมศรีแทน เมื่อปรากฏตามหนังสือดังกล่าวว่าโจทก์สละสิทธิไม่เรียกร้องเอากับจำเลยโดยจะเรียกคืนจากนางเยี่ยมศรีเองแล้วโจทก์จะอ้างว่าจำเลยมีหน้าที่ชำระค่าเช่านั้นแก่โจทก์ผู้ให้เช่า ที่จำเลยชำระให้แก่ผู้ไม่มีสิทธิรับชำระไม่เป็นเหตุให้จำเลยพ้นความรับผิดต่อโจทก์ แล้วจะกลับมารื้อฟื้นเรียกร้องเอาจากจำเลยอีกย่อมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1503/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองบุตรนอกกฎหมายและการสืบสิทธิในกองมรดก
เมื่อโจทก์สืบพยานไปบ้างแล้วโจทก์จำเลยต่างแถลงรับเอกสารและข้อเท็จจริงบางอย่างแล้วต่างแถลงไม่สืบพยานต่อไปโดยไม่ปรากฏว่ามีคำท้ากันอย่างใด ดังนี้ต้องพิเคราะห์คดีไปตามพฤติการณ์เท่าที่โจทก์สืบมาแล้วประกอบกับคำรับทั้ง 2 ฝ่ายประกอบกัน
บุตรนอกกฎหมายเกิดแต่บิดาซึ่งแต่งงานกับมารดาโดยเปิดเผยแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสและอยู่กินด้วยกันจนตายจากกันไปสูติบัตรก็ปรากฏว่าเป็นสูติบัตรของเด็กซึ่งบิดาไปแจ้งไว้ พฤติการณ์เช่นนี้ฟังได้ว่าบิดาได้รับรองบุตรนั้นตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627 แล้ว
บุตรนอกกฎหมายเกิดแต่บิดาซึ่งแต่งงานกับมารดาโดยเปิดเผยแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสและอยู่กินด้วยกันจนตายจากกันไปสูติบัตรก็ปรากฏว่าเป็นสูติบัตรของเด็กซึ่งบิดาไปแจ้งไว้ พฤติการณ์เช่นนี้ฟังได้ว่าบิดาได้รับรองบุตรนั้นตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1765/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเพื่อค้าและอยู่อาศัย ไม่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า หากมีวัตถุประสงค์หลักคือการค้า
การเช่าตึกแถวเพื่อประกอบธุระกิจการค้า แม้จะอาศัยอยู่ในตึกด้วย ก็ไม่อยู่ในความคุ้มครองของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
โจทก์ฟ้องขับไล่อ้างว่าจำเลยเช่าตึกเพื่อการค้า จำเลยให้การว่า จำเลยอาศัยอยู่ในตึกด้วย ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้า ซึ่งไม่อยู่ในความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ (อ้างฎีกาที่ 218/2488 และฎีกาที่ 1099-1147/2491)
โจทก์ฟ้องขับไล่อ้างว่าจำเลยเช่าตึกเพื่อการค้า จำเลยให้การว่า จำเลยอาศัยอยู่ในตึกด้วย ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้า ซึ่งไม่อยู่ในความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ (อ้างฎีกาที่ 218/2488 และฎีกาที่ 1099-1147/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 775/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาพยานหลักฐานเรื่องเวลาเกิดเหตุและสภาพแสงจันทร์เพื่อพิสูจน์ความผิดทางอาญา
ตามปกติดวงจันทร์จะเริ่มขึ้นจากพิภพในวันไหนเวลาเท่าไร เป็นหน้าที่ของศาลจะต้องรู้ เพราะเป็นสิ่งที่เป็นไปตามวิสัยธรรมดาของโลกที่รู้กันอยู่ทั่วไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 775/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาพยานหลักฐานจากสภาพแสงจันทร์ในคดีอาญา การพิสูจน์ความผิดจากพยาน
ตามปรกติดวงจันทร์จะเริ่มขึ้นจากพิภพในวันไหนเวลาเท่าไร เป็นหน้าที่ของศาลจะต้องรู้ เพราะเป็นสิ่งที่เป็นไปตามวิสัยธรรมดาของโลกที่รู้กันอยู่ทั่วไป