พบผลลัพธ์ทั้งหมด 266 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2451/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์/ฎีกาโดยทนายความ: จำเลยต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของทนายความที่ได้รับมอบอำนาจ แม้ไม่เห็นด้วย
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ จำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยมิได้กระทำผิด แต่กลับอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ลดโทษแก่จำเลยให้น้อยลง ปัญหาที่ว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่จึงยุติไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้ว เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยจะกลับมาฎีกาว่าจำเลยมิได้กระทำผิดอีกหาได้ไม่
ตามใบแต่งทนายความ จำเลยมอบอำนาจให้ทนายความของจำเลยยื่นอุทธรณ์และฎีกาได้ ทนายความของจำเลยย่อมมีสิทธิทำอุทธรณ์ยื่นแทนจำเลยได้ตามกฎหมาย หากจำเลยไม่เห็นด้วยกับอุทธรณ์นั้น ก็ชอบที่จะยื่นเองได้ตามความประสงค์ภายในอายุอุทธรณ์ เมื่อจำเลยละเลยสิทธิของตนดังกล่าว จะมาปฏิเสธไม่ยอมรับรู้การกระทำของทนายความหาได้ไม่
ตามใบแต่งทนายความ จำเลยมอบอำนาจให้ทนายความของจำเลยยื่นอุทธรณ์และฎีกาได้ ทนายความของจำเลยย่อมมีสิทธิทำอุทธรณ์ยื่นแทนจำเลยได้ตามกฎหมาย หากจำเลยไม่เห็นด้วยกับอุทธรณ์นั้น ก็ชอบที่จะยื่นเองได้ตามความประสงค์ภายในอายุอุทธรณ์ เมื่อจำเลยละเลยสิทธิของตนดังกล่าว จะมาปฏิเสธไม่ยอมรับรู้การกระทำของทนายความหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2451/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิคัดค้านคำพิพากษาชั้นต้นด้วยการอุทธรณ์ขอให้ลดโทษ ย่อมไม่สามารถฎีกาว่าไม่ได้กระทำผิดได้อีก
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ จำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยมิได้กระทำผิด แต่กลับอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ลดโทษแก่จำเลยให้น้อยลง ปัญหาที่ว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่จึงยุติไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้ว เมื่อศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน จำเลยจะกลับมาฎีกาว่าจำเลยมิได้กระทำผิดอีกหาได้ไม่ ตามใบแต่งทนายความ จำเลยมอบอำนาจให้ทนายความของจำเลยยื่นอุทธรณ์และฎีกาได้ ทนายความของจำเลยย่อมมีสิทธิทำอุทธรณ์ยื่นแทนจำเลยได้ตามกฎหมาย หากจำเลยไม่เห็นด้วยกับอุทธรณ์นั้น ก็ชอบที่จะยื่นเองได้ตามความประสงค์ภายในอายุอุทธรณ์ เมื่อจำเลยละเลยสิทธิของตนดังกล่าว จะมาปฏิเสธไม่ยอมรับรู้การกระทำของทนายความหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1739/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาตามยอม: อำนาจทนาย, ความผูกพันคำพิพากษา, และกรณีพิเศษ
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระราคาสินค้าที่จำเลยซื้อไปจากโจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีนับแต่วันรับสินค้าจนกว่าจะชำระเสร็จ ทนายจำเลยซึ่งตามใบแต่งทนายระบุให้มีอำนาจประนีประนอมยอมความได้ด้วย ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ว่า จำเลยยอมชำระราคาสินค้าตามฟ้องแก่โจทก์ภายในวันที่ 15 กันยายน 2525 หากผิดนัดยอมให้บังคับคดีทันทีและยอมเสียดอกเบี้ยในอัตรา ร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันผิดนัดจนกว่าจะชำระเสร็จ ศาลพิพากษาตามยอม ดังนี้ จำเลยจะมาร้องขอให้ศาลแก้คำพิพากษาตามยอมโดยอ้างว่าทนายจำเลยทำสัญญายอมให้ดอกเบี้ยแก่ โจทก์เกินคำขอหาได้ไม่ เพราะมิใช่เป็นการขอแก้ข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่นๆตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143. และที่จำเลยอ้างว่า จำเลยไม่มีความรู้ไม่ทราบว่าคำพิพากษาชอบหรือไม่จึง เป็นกรณีพิเศษที่จะขอให้แก้คำพิพากษาได้นั้น ก็ไม่มีกฎหมายใดบัญญัติว่า กรณีของจำเลยเป็นกรณีพิเศษที่จะให้แก้คำพิพากษาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1739/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาตามยอม: อำนาจทนาย, การผูกพันตามสัญญา, และข้อจำกัดในการขอแก้ไข
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระราคาสินค้าที่จำเลยซื้อไปจากโจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีนับแต่วันรับสินค้าจนกว่าจะชำระเสร็จ ทนายจำเลยซึ่งตามใบแต่งทนายระบุให้มีอำนาจประนีประนอมยอมความได้ด้วย ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ว่า จำเลยยอมชำระราคาสินค้าตามฟ้องแก่โจทก์ภายในวันที่ 15 กันยายน 2525 หากผิดนัดยอมให้บังคับคดีทันทีและยอมเสียดอกเบี้ยในอัตรา ร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันผิดนัดจนกว่าจะชำระเสร็จ ศาลพิพากษาตามยอม ดังนี้ จำเลยจะมาร้องขอให้ศาลแก้ คำพิพากษาตามยอมโดยอ้างว่าทนายจำเลยทำสัญญายอมให้ดอกเบี้ยแก่ โจทก์เกินคำขอหาได้ไม่ เพราะมิใช่เป็นการขอแก้ข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่นๆ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143. และที่จำเลยอ้างว่า จำเลยไม่มีความรู้ไม่ทราบว่าคำพิพากษาชอบหรือไม่ จึงเป็นกรณีพิเศษที่จะขอให้แก้คำพิพากษาได้นั้น ก็ไม่มีกฎหมายใดบัญญัติว่า กรณีของจำเลยเป็นกรณีพิเศษที่จะให้แก้คำพิพากษาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 785/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบขัดแย้งกับคำให้การเดิม และการละเมิดสิทธิในที่ดิน ศาลฎีกาพิพากษาตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ให้จำเลยที่ 1 กู้เงินโดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยทั้งสองไม่สามารถชำระหนี้เงินกู้จึงตกลงยกที่พิพาทตีใช้หนี้เงินกู้ให้แก่โจทก์แต่กลับนำสืบว่า จำเลยที่ 2 ขายฝากที่พิพาทไว้กับพ่อตาโจทก์และให้โจทก์กับภรรยาไปไถ่ถอนคืน แล้วจำเลยที่ 2 ยกที่พิพาทให้โจทก์ การนำสืบของโจทก์จึงขัดกับประเด็นข้อต่อสู้ของโจทก์ เป็นการนำสืบนอกประเด็นและรับฟังไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (1) และเมื่อคดีฟังได้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยแล้ว การที่โจทก์เข้าแย่งทำนาในที่พิพาทย่อมเป็นการละเมิดต่อจำเลยชอบที่จำเลยทั้งสองจะฟ้องเรียกร้องให้โจทก์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้
คำให้การแก้ฟ้องแย้งที่โจทก์มอบให้ทนายความยื่นนั้นถือเสมือนว่าโจทก์เป็นผู้ยื่นด้วยตนเอง จึงย่อมผูกพันโจทก์โจทก์ไม่อาจอ้างได้ว่าทนายความของโจทก์ยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้งไม่ตรงตามความจริงโดยโจทก์ไม่ทราบเรื่อง
คำให้การแก้ฟ้องแย้งที่โจทก์มอบให้ทนายความยื่นนั้นถือเสมือนว่าโจทก์เป็นผู้ยื่นด้วยตนเอง จึงย่อมผูกพันโจทก์โจทก์ไม่อาจอ้างได้ว่าทนายความของโจทก์ยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้งไม่ตรงตามความจริงโดยโจทก์ไม่ทราบเรื่อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 785/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบขัดแย้งกับคำให้การเดิม, การละเมิด, และการเพิกถอน น.ส.3ก. ศาลฎีกาวินิจฉัยประเด็นความรับผิดทางแพ่ง
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ให้จำเลยที่ 1 กู้เงินโดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยทั้งสองไม่สามารถชำระหนี้เงินกู้จึงตกลงยกที่พิพาทตีใช้หนี้เงินกู้ให้แก่โจทก์ แต่กลับนำสืบว่า จำเลยที่ 2 ขายฝากที่พิพาทไว้กับพ่อตาโจทก์และให้โจทก์กับภรรยาไปไถ่ถอนคืน แล้วจำเลยที่ 2 ยกที่พิพาทให้โจทก์ การนำสืบของโจทก์จึงขัดกับประเด็นข้อต่อสู้ของโจทก์ เป็นการนำสืบนอกประเด็นและรับฟังไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(1)และเมื่อคดีฟังได้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยแล้ว การที่โจทก์เข้าแย่งทำนาในที่พิพาทย่อมเป็นการละเมิดต่อจำเลยชอบที่จำเลยทั้งสองจะฟ้องเรียกร้องให้โจทก์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้ คำให้การแก้ฟ้องแย้งที่โจทก์มอบให้ทนายความยื่นนั้น ถือเสมือนว่าโจทก์เป็นผู้ยื่นด้วยตนเอง จึงย่อมผูกพันโจทก์โจทก์ไม่อาจอ้างได้ว่าทนายความของโจทก์ยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้งไม่ตรงตามความจริงโดยโจทก์ไม่ทราบเรื่อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3905/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการรับผิดชอบต่อการกระทำของทนายความที่จำเลยแต่งตั้ง
จำเลยขอเลื่อนการสืบพยานจำเลยมาแล้ว 4 ครั้ง จนศาลมีคำสั่งกำชับว่านัดหน้าจะไม่ยอมให้เลื่อนคดีอีกไม่ว่าด้วยกรณีใด ๆ ครั้นถึงวันนัดตามที่เลื่อนมาทนายจำเลยกลับยื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลยและจำเลยก็ไม่มาศาลตามพฤติการณ์เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาประวิงคดีให้ชักช้า ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลยโดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบชอบแล้ว
ในวันนัดสืบพยานจำเลย. จำเลยและทนายจำเลยมิได้มาศาล เพียงแต่ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลยมายื่นโดยมิได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีแต่ประการใด แม้คำร้องของทนายจำเลยที่ขอถอนตัวนั้นเท่ากับขอเลื่อนคดีอยู่ในตัว. แต่ตราบใดที่ศาลยังมิได้สั่งอนุญาตให้ถอนตัว ทนายจำเลยก็ยังมีฐานะเป็นคู่ความอยู่ ศาลย่อมมีอำนาจที่จะพิเคราะห์สั่งเกี่ยวกับการพิจารณาคดีได้ว่าสมควรจะให้เลื่อนไปหรือไม่
เมื่อจำเลยแต่งตั้งทนายความให้ว่าต่างและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนตน ก็จะต้องรับผิดชอบในการกระทำของทนายความที่ตนแต่งตั้ง จำเลยจะอ้างว่าการที่ทนายจำเลยขอถอนตัวมิใช่ความผิดของจำเลยและจำเลยไม่ทราบล่วงหน้า ชอบที่ศาลจะให้สืบพยานจำเลยต่อไป หาได้ไม่
ในวันนัดสืบพยานจำเลย. จำเลยและทนายจำเลยมิได้มาศาล เพียงแต่ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลยมายื่นโดยมิได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีแต่ประการใด แม้คำร้องของทนายจำเลยที่ขอถอนตัวนั้นเท่ากับขอเลื่อนคดีอยู่ในตัว. แต่ตราบใดที่ศาลยังมิได้สั่งอนุญาตให้ถอนตัว ทนายจำเลยก็ยังมีฐานะเป็นคู่ความอยู่ ศาลย่อมมีอำนาจที่จะพิเคราะห์สั่งเกี่ยวกับการพิจารณาคดีได้ว่าสมควรจะให้เลื่อนไปหรือไม่
เมื่อจำเลยแต่งตั้งทนายความให้ว่าต่างและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนตน ก็จะต้องรับผิดชอบในการกระทำของทนายความที่ตนแต่งตั้ง จำเลยจะอ้างว่าการที่ทนายจำเลยขอถอนตัวมิใช่ความผิดของจำเลยและจำเลยไม่ทราบล่วงหน้า ชอบที่ศาลจะให้สืบพยานจำเลยต่อไป หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3905/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีโดยทนายจำเลยและการรับผิดชอบของจำเลยต่อการกระทำของทนาย
จำเลยขอเลื่อนการสืบพยานจำเลยมาแล้ว 4 ครั้ง จนศาลมีคำสั่งกำชับว่านัดหน้าจะไม่ยอมให้เลื่อนคดีอีกไม่ว่าด้วยกรณีใด ๆครั้นถึงวันนัดตามที่เลื่อนมาทนายจำเลยกลับยื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลยและจำเลยก็ไม่มาศาลตามพฤติการณ์เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาประวิงคดีให้ชักช้า ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลยโดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบชอบแล้ว
ในวันนัดสืบพยานจำเลย. จำเลยและทนายจำเลยมิได้มาศาลเพียงแต่ทนายจำเลยมอบฉันทะ ให้เสมียนทนายนำคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลยมายื่นโดยมิได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีแต่ประการใด แม้คำร้องของทนายจำเลยที่ขอถอนตัวนั้นเท่ากับขอเลื่อนคดีอยู่ในตัว. แต่ตราบใดที่ศาลยังมิได้สั่งอนุญาตให้ถอนตัว ทนายจำเลยก็ยังมีฐานะเป็นคู่ความอยู่ ศาลย่อมมีอำนาจที่จะพิเคราะห์สั่งเกี่ยวกับการพิจารณาคดีได้ว่าสมควรจะให้เลื่อนไปหรือไม่
เมื่อจำเลยแต่งตั้งทนายความให้ว่าต่างและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนตน ก็จะต้องรับผิดชอบในการกระทำของทนายความที่ตนแต่งตั้งจำเลยจะอ้างว่าการที่ทนายจำเลยขอถอนตัวมิใช่ความผิดของจำเลยและจำเลยไม่ทราบล่วงหน้า ชอบที่ศาลจะให้สืบพยานจำเลยต่อไป หาได้ไม่
ในวันนัดสืบพยานจำเลย. จำเลยและทนายจำเลยมิได้มาศาลเพียงแต่ทนายจำเลยมอบฉันทะ ให้เสมียนทนายนำคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลยมายื่นโดยมิได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีแต่ประการใด แม้คำร้องของทนายจำเลยที่ขอถอนตัวนั้นเท่ากับขอเลื่อนคดีอยู่ในตัว. แต่ตราบใดที่ศาลยังมิได้สั่งอนุญาตให้ถอนตัว ทนายจำเลยก็ยังมีฐานะเป็นคู่ความอยู่ ศาลย่อมมีอำนาจที่จะพิเคราะห์สั่งเกี่ยวกับการพิจารณาคดีได้ว่าสมควรจะให้เลื่อนไปหรือไม่
เมื่อจำเลยแต่งตั้งทนายความให้ว่าต่างและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนตน ก็จะต้องรับผิดชอบในการกระทำของทนายความที่ตนแต่งตั้งจำเลยจะอ้างว่าการที่ทนายจำเลยขอถอนตัวมิใช่ความผิดของจำเลยและจำเลยไม่ทราบล่วงหน้า ชอบที่ศาลจะให้สืบพยานจำเลยต่อไป หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2352/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับทราบคำบังคับผ่านทนายความ: ผลผูกพันจำเลย แม้ไม่ได้อยู่ในศาล
ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาตามยอมและได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โดย ว. ทนายความของจำเลยผู้มีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความแทนจำเลยดังที่ระบุไว้ในใบแต่งทนาย ได้ลงลายมือชื่อไว้หน้าสำนวนเป็นหลักฐานแสดงว่าได้ทราบคำพิพากษาและคำบังคับแล้ว แม้จำเลยมิได้อยู่ในศาลด้วย และใบแต่งทนายมิได้ระบุให้ทนายทราบคำบังคับแทนก็ตาม แต่การกระทำของ ว. เป็นการกระทำในขอบอำนาจในฐานะทนายความแทนจำเลยซึ่งเป็นตัวการ ย่อมมีผลผูกพันจำเลยตามกฎหมาย ถือได้ว่าจำเลยได้ทราบคำบังคับแล้ว ไม่จำต้องให้โจทก์นำส่งคำบังคับแก่จำเลยอีกครั้งหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2091/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความในการอุทธรณ์: การแก้ไขข้อบกพร่องและผลต่อความสมบูรณ์ของอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ โดยทนายความที่ลงชื่อในคำฟ้องอุทธรณ์ไม่ได้รับแต่งตั้งให้มีอำนาจใช้สิทธิอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมสั่งให้ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยทั้งสองแก้ไขข้อบกพร่องเสียให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18, 62
การที่ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของจำเลยโดยผู้ลงชื่อในฟ้องอุทธรณ์ไม่มีอำนาจนั้นเป็นเรื่องผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะสั่งแก้ไขได้ตามที่เห็นสมควร เมื่อได้มีการแก้ไขตามคำสั่งศาลอุทธรณ์แล้ว อุทธรณ์นั้นย่อม สมบูรณ์
การที่ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของจำเลยโดยผู้ลงชื่อในฟ้องอุทธรณ์ไม่มีอำนาจนั้นเป็นเรื่องผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะสั่งแก้ไขได้ตามที่เห็นสมควร เมื่อได้มีการแก้ไขตามคำสั่งศาลอุทธรณ์แล้ว อุทธรณ์นั้นย่อม สมบูรณ์