คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 62

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 266 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 678/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้ค่าจ้างและหนังสือรับสภาพหนี้: สิทธิเรียกร้องไม่ขาดอายุความเมื่ออยู่ใน 10 ปี และการดำเนินการทางกฎหมายของนิติบุคคล
องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ซึ่งเป็นนิติบุคคล ทำสัญญาจ้างจำเลยตัดฟันชักลากไม้และจ่ายเงินค่าจ้างล่วงหน้าให้จำเลยไป.จำเลยผิดสัญญา องค์การเรียกให้จำเลยใช้เงินคืน. จำเลยไม่ใช้. องค์การจึงฟ้อง สิทธิเรียกร้องในกรณีนี้ไม่ใช่เรื่องนายจ้างเรียกเอาเงินค่าจ้างอันตนได้จ่ายล่วงหน้าให้ไปจากบุคคลผู้รับจ้างใช้การงานส่วนบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(8) ซึ่งมีอายุความ2 ปี. แต่อยู่ในอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164.(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 28/2511).
ผู้แทนนิติบุคคลซึ่งแสดงเจตนาฟ้องคดีและแต่งตั้งทนายแทนนิติบุคคลในนามนิติบุคคลเป็นโจทก์นั้น. เมื่อได้ลงชื่อแต่งทนายให้ดำเนินคดีโดยชอบแล้ว. ทนายก็มีอำนาจดำเนินคดีไปตลอดจนมีอำนาจใช้สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกาดังที่ปรากฏในใบแต่งทนาย. แม้ผู้แทนนิติบุคคลนั้นจะถึงแก่ความตายไปแล้วก็ดี. หรือฟ้องฎีกาของโจทก์ยังคงใช้ชื่อผู้แทนนิติบุคคลซึ่งถึงแก่ความตายในหน้าฟ้องก็ดี. ไม่.ทำให้ฎีกาของโจทก์.ไม่.ชอบด้วยกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 678/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสิทธิเรียกร้องค่าจ้างและการดำเนินการฟ้องคดีโดยนิติบุคคล
องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ซึ่งเป็นนิติบุคคล ทำสัญญาจ้างจำเลยตัดฟันชักลากไม้และจ่ายเงินค่าจ้างล่วงหน้าให้จำเลยไป จำเลยผิดสัญญา องค์การเรียกให้จำเลยใช้เงินคืนจำเลยไม่ใช้ องค์การจึงฟ้อง สิทธิเรียกร้องในกรณีนี้ไม่ใช่เรื่องนายจ้างเรียกเอาเงินค่าจ้างอันตนได้จ่ายล่วงหน้าให้ไปจากบุคคลผู้รับจ้างใช้การงานส่วนบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (8) ซึ่งมีอายุความ 2 ปี แต่อยู่ในอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 28/2511)
ผู้แทนนิติบุคคลซึ่งแสดงเจตนาฟ้องคดีและแต่งตั้งทนายแทนนิติบุคคลในนามนิติบุคคลเป็นโจทก์นั้น เมื่อได้ลงชื่อแต่งทนายให้ดำเนินคดีโดยชอบแล้ว ทนายก็มีอำนาจดำเนินคดีไปตลอดจนมีอำนาจใช้สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกาดังที่ปรากฏในใบแต่งทนาย แม้ผู้แทนนิติบุคคลนั้นจะถึงแก่ความตายไปแล้วก็ดี หรือฟ้องฎีกาของโจทก์ยังคงใช้ชื่อผู้แทนนิติบุคคลซึ่งถึงแก่ความตายในหน้าฟ้องก็ดี ไม่ทำให้ฎีกาของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 194/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กระบวนการสอบถามคู่ความเพื่อเลื่อนการขายทอดตลาดชอบด้วยกฎหมาย แม้โจทก์ไม่เข้าใจภาษาไทยและไม่มีทนาย
การที่ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาสอบถามคู่ความเรื่องที่ว่าควรจะเลื่อนการขายทอดลาดต่อไปอีกหรือไม่ เป็นการบวนพิจารณาที่ชอบ เพราะโจทก์จำเลยต่างไม่ตกลงกันว่าควรเลื่อนหรือไม่ และเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ดำเนินการขายทอดตลาดได้รายงานศาลขอคำสั่ง การที่ศาลสอบถามคู่ความก็เพื่อที่จะยังให้เป็นไปด้วยความยุติธรรม เมื่อคู่ความได้ตกลงกันและข้อตกลงนั่น ไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ทั้งสองฝ่ายได้ลงลายมือชื่อเป็นหลักฐาน กระบวนพิจารณาของศาลจึงชอบด้วยกฎหมาย การที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ไม่เข้าใจภาษาไทยดี และไม่มีทนายความ ก็ปรากฏว่าโจทก์มิได้โต้แย้งหรือร้องขอต่อศาลเพื่อจัดหาล่าม ตามรายงานกระบวนพิจารณาไม่ปรากฏเหตุที่จะแสดงว่าโจทก์หลงผิดเพราะไม่เข้าใจภาษาไทย โจทก์เป็นตัวความย่อมมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาเองได้โดยลำพัง เพียงแต่โจทก์ไม่มีทนายความ ไม่เป็นเหตุที่จะทำให้กระบวนพิจารณาเสียไป กรณีไม่ต้องประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ที่จะขอให้ศาลสั่งเพิกถอน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1748/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีหลังจำเลยเสียชีวิต: ศาลต้องรอทายาทก่อนพิจารณาคดีต่อ
กรณีโต้แย้งในตอนที่คดีถึงที่สุดแล้วอยู่ในระหว่างการบังคับคดี ไม่ใช่เป็นเรื่องคดีค้างพิจารณา ซึ่งถ้าหากคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมรณะ ศาลจะต้องเลื่อนการนั่งพิจารณาไปจนกว่าจะมีผู้เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะ (อ้างคำสั่งคำร้องฎีกาที่ 65/2492)
ในชั้นบังคับคดี จำเลยแต่งทนายไว้แล้วถึงแก่กรรมลง ในระยะที่เกี่ยวพันติดต่อกัน เมื่อทนายจำเลยยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีไว้ ศาลก็ย่อมผ่อนให้ทนายจำเลยยังพึงมีทางกระทำเพื่อรักษาประโยชน์ให้แก่คู่ความได้ในระหว่างที่ยังไม่มีตัวความ และเป็นการกระทำที่ไม่ใช่เป็นเรื่องการพิจารณาคดีค้าง
คดีถึงที่สุดแล้ว หากมีการอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลในชั้นบังคับคดี ก็มีกรณีที่จะต้องตั้งต้นพิจารณาชั้นอุทธรณ์ขึ้นใหม่ในระหว่างคู่ความ เมื่อปรากฏว่าจำเลยมรณะ ทนายจำเลยย่อมสิ้นสภาพ การพิจารณาคดีต่อไปจะต้องจัดการให้มีผู้มารับมรดกความเสียก่อน
การที่ศาลล่างดำเนินกระบวนพิจารณาไปโดยไม่มีคู่ความทั้งสองฝ่ายพร้อมเมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1748/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการดำเนินกระบวนการเมื่อทนายจำเลยเสียชีวิต - การมีอยู่ของคู่ความ
กรณีโต้แย้งในตอนที่คดีถึงที่สุดแล้วอยู่ในระหว่างการบังคับคดี ไม่ใช่เป็นเรื่องคดีค้างพิจารณา ซึ่งถ้าหากคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมรณะ ศาลจะต้องเลื่อนการนั่งพิจารณาไปจนกว่าจะมีผู้เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะ (อ้างคำสั่งคำร้องฎีกาที่ 65/2492)
ในชั้นบังคับคดี จำเลยแต่งทนายไว้แล้วถึงแก่กรรมลง ในระยะที่เกี่ยวพันติดต่อกัน เมื่อทนายจำเลยยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีไว้ ศาลก็ย่อมผ่อนให้ทนายจำเลยยังพึงมีทางกระทำเพื่อรักษาประโยชน์ให้แก่คู่ความได้ในระหว่างที่ยังไม่มีตัวความ และเป็นการกระทำที่ไม่ใช่เป็นเรื่องการพิจารณาคดีค้าง
คดีถึงที่สุดแล้ว หากมีการอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลในชั้นบังคับคดี ก็มีกรณีที่จะต้องตั้งต้นพิจารณาชั้นอุทธรณ์ขึ้นใหม่ในระหว่างคู่ความเมื่อปรากฏว่าจำเลยมรณะ ทนายจำเลยย่อมสิ้นสภาพ การพิจารณาคดีต่อไปจะต้องจัดการให้มีผู้มารับมรดกความเสียก่อน
การที่ศาลล่างดำเนินกระบวนพิจารณาไปโดยไม่มีคู่ความทั้งสองฝ่ายพร้อมเมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1748/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีหลังจำเลยเสียชีวิต: ศาลต้องรอทายาทก่อนดำเนินการต่อ
กรณีโต้แย้งในตอนที่คดีถึงที่สุดแล้วอยู่ในระหว่างการบังคับคดี. ไม่ใช่เป็นเรื่องคดีค้างพิจารณา. ซึ่งถ้าหากคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมรณะ ศาลจะต้องเลื่อนการนั่งพิจารณาไปจนกว่าจะมีผู้เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะ (อ้างคำสั่งคำร้องฎีกาที่ 65/2492).
ในชั้นบังคับคดี จำเลยแต่งทนายไว้แล้วถึงแก่กรรมลง ในระยะที่เกี่ยวพันติดต่อกัน. เมื่อทนายจำเลยยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีไว้. ศาลก็ย่อมผ่อนให้ทนายจำเลยยังพึงมีทางกระทำเพื่อรักษาประโยชน์ให้แก่คู่ความได้ในระหว่างที่ยังไม่มีตัวความ. และเป็นการกระทำที่ไม่ใช่เป็นเรื่องการพิจารณาคดีค้าง.
คดีถึงที่สุดแล้ว หากมีการอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลในชั้นบังคับคดี. ก็มีกรณีที่จะต้องตั้งต้นพิจารณาชั้นอุทธรณ์ขึ้นใหม่ในระหว่างคู่ความ. เมื่อปรากฏว่าจำเลยมรณะ ทนายจำเลยย่อมสิ้นสภาพ. การพิจารณาคดีต่อไปจะต้องจัดการให้มีผู้มารับมรดกความเสียก่อน.
การที่ศาลล่างดำเนินกระบวนพิจารณาไปโดยไม่มีคู่ความทั้งสองฝ่ายพร้อมเมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกา. ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้องได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งทนายและการแจ้งความเท็จ: ใบแต่งทนายไม่ใช่เอกสารสิทธิ การยื่นคำร้องไม่ใช่ความผิดฐานแจ้งความเท็จ
เมื่อใบแต่งทนายตามฟ้องมีข้อความตามแบบพิมพ์ใบแต่งทนาย โดยไม่ปรากฏข้อความนอกเหนือไปจากข้อความตามแบบพิมพ์ จึงเป็นเรื่องการแต่งตั้งทนายให้มีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนคู่ความ มิใช่เป็นเอกสารที่เป็นหลักฐานแห่งการ ก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ จึงไม่เป็นเอกสารสิทธิตามมาตรา 1(9)
การที่ให้มีการรับรองในใบแต่งทนายว่าผู้แต่งทนายได้เซ็นใบแต่งทนายต่อหน้า ก็เป็นเพียงวิธีการอันหนึ่งที่จะให้เป็นหลักฐานว่าผู้แต่งทนายได้ลงชื่อเป็นผู้แต่งทนายตามนั้นจริง และเมื่อผู้แต่งทนายได้เซ็นใบแต่งทนายให้ไปจริง คำรับรองดังกล่าวไม่เป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย ไม่อาจเป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จ
การยื่นคำร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมเป็นการยื่นคำคู่ความเข้าเป็นจำเลยในการดำเนินการพิจารณาคดีของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มิใช่เป็นการแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ไม่เป็นผิดตามมาตรา 137
ฟ้องไม่ปรากฏว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานจึงไม่เป็นผิดตามมาตรา 162
ฟ้องไม่ได้บรรยายให้เห็นได้เลยว่าจำเลยเป็นทนายความ อันจะถือได้ว่าเป็นผู้ประกอบการงานในวิชากฎหมาย จึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 269.
(เฉพาะปัญหาที่ 1 พิจารณาโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 22/2509).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารแต่งทนายไม่เป็นหลักฐานสิทธิ การแจ้งความเท็จ และความผิดฐานทนายความ
เมื่อใบแต่งทนายตามฟ้องมีข้อความตามแบบพิมพ์ใบแต่งทนายโดยไม่ปรากฏข้อความนอกเหนือไปจากข้อความตามแบบพิมพ์ จึงเป็นเรื่องการแต่งตั้งทนายให้มีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนคู่ความ มิใช่เป็นเอกสารที่เป็นหลักฐานแห่งการ ก่อเปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ จึงไม่เป็นเอกสารสิทธิตามมาตรา 1(9)
การที่ให้มีการรับรองในใบแต่งทนายว่าผู้แต่งทนายได้เซ็นใบแต่งทนายต่อหน้าก็เป็นเพียงวิธีการอันหนึ่งที่จะให้เป็นหลักฐานว่าผู้แต่งทนายได้ลงชื่อเป็นผู้แต่งทนายตามนั้นจริง และเมื่อผู้แต่งทนายได้เซ็นใบแต่งทนายให้ไปจริง คำรับรองดังกล่าวไม่เป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย ไม่อาจเป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จ
การยื่นคำร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมเป็นการยื่นคำคู่ความเข้าเป็นจำเลยในการดำเนินการพิจารณาคดีของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มิใช่เป็นการแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ไม่เป็นผิดตามมาตรา 137
ฟ้องไม่ปรากฏว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานจึงไม่เป็นผิดตาม มาตรา 162
ฟ้องไม่ได้บรรยายให้เห็นได้เลยว่าจำเลยเป็นทนายความอันจะถือได้ว่าเป็นผู้ประกอบการงานในวิชากฎหมาย จึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 269(เฉพาะปัญหาที่ 1 พิจารณาโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 26/2509)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อต่อสู้และขออ้างพยานเพิ่มเติมในชั้นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา และการพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยยื่นคำร้องในชั้นฎีกาว่า ลายมือชื่อในเอกสารปลอม จำเลยได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ถ้าศาลฎีกาเห็นสมควร ก็ขอให้รอการพิพากษาไว้จนกว่าคดีอาญาถึงที่สุด เมื่อทางพิจารณาควรฟังเป็นยุติได้แล้ว ศาลฎีกาก็พิพากษาคดีไปโดยไม่รอคดีอาญาตามคำร้องจำเลย
จำเลยมิได้ยื่นคำร้องขอปฏิเสธและขอบอกเลิกเพิกถอนคำแถลงด้วยวาจาและเอกสารของทนายจำเลยคนแรก และให้ถือตามข้อต่อสู้เดิมแต่ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น เพิ่งจะร้องขอเปลี่ยนแปลงประเด็นในชั้นอุทธรณ์ ย่อมไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา และเมื่อศาลฎีกาสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเพิกถอนคำแถลงการณ์ด้วยวาจาและเอกสารของทนายคนแรกของจำเลยแล้ว การอ้างพยานเพิ่มเติมตามคำร้องนี้ก็ไม่จำเป็นแก่คดีต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อต่อสู้และอ้างพยานเพิ่มเติมในชั้นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา และการพิพากษาคดีแพ่งโดยไม่รอคดีอาญา
จำเลยยื่นคำร้องในชั้นฎีกาว่า ลายมือชื่อในเอกสารปลอม
จำเลยได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ถ้าศาลฎีกาเห็นสมควรก็ขอให้รอการพิจารณาไว้จนกว่าคดีอาญาถึงที่สุดเมื่อทางพิจารณาควรฟังเป็นยุติได้แล้ว ศาลฎีกาก็พิพากษาคดีไปโดยไม่รอคดีอาญาตามคำร้องจำเลย
จำเลยมิได้ยื่นคำร้องขอปฏิเสธและขอบอกเลิกเพิกถอนคำแถลงด้วยวาจาและเอกสารของทนายจำเลยคนแรก และให้ถือตามข้อต่อสู้เดิมแต่ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นเพิ่งจะร้องขอเปลี่ยนแปลงประเด็นในชั้นอุทธรณ์ ย่อมไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาและเมื่อศาลฎีกาสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเพิกถอนคำแถลงการด้วยวาจาและเอกสารของทนายคนแรกของจำเลยแล้วการอ้างพยานเพิ่มเติมตามคำร้องนี้ก็ไม่จำเป็นแก่คดีต่อไป
of 27