คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
มงคล ทับเที่ยง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 384 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 858/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้จำหน่าย ต้องมีหลักฐานประกอบคำรับสารภาพและคำนวณสารบริสุทธิ์
แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาของศาล แต่โจทก์ก็ยังมีหน้าที่นำพยานหลักฐานเข้าสืบประกอบคำรับสารภาพของจำเลยให้ศาลรับฟังได้ว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตาม ป.วิ.อ. มาตรา 176 วรรคหนึ่ง จึงจะลงโทษจำเลยได้ ลำพังแต่คำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนไม่อาจจะยกขึ้นมาลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้ อีกทั้งเมทแอมเฟตามีนของกลางมีน้ำหนักเพียง 13.50 กรัม และไม่ปรากฏว่าคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้จำนวนเท่าใด จึงไม่ต้องด้วยข้อสันนิษฐานของ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม) ที่จะถือว่าจำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 851/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้จัดการมรดกในการแบ่งทรัพย์มรดก เจ้าของรวมมีหน้าที่ส่งมอบโฉนด
ป.พ.พ. มาตรา 1719 บัญญัติว่า "ผู้จัดการมรดกมีสิทธิและหน้าที่ที่จะทำการอันจำเป็นเพื่อให้การเป็นไปตามคำสั่งแจ้งชัดหรือโดยปริยายแห่งพินัยกรรม และเพื่อจัดการมรดกโดยทั่วไปหรือเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดก" ตามบทบัญญัติดังกล่าวบัญญัติให้ผู้จัดการมรดกมีหน้าที่รวบรวมทรัพย์มรดกเพื่อแบ่งปันแก่ทายาท เมื่อ ส. เจ้ามรดกเป็นเจ้าของรวมในที่ดินพิพาทคนหนึ่ง โจทก์ทั้งสองในฐานะผู้จัดการมรดกของ ส. ย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้แบ่งที่ดินพิพาทได้เพื่อนำที่ดินส่วนที่เป็นมรดกดังกล่าวมาแบ่งปันให้ทายาทต่อไป
โจทก์ทั้งสองขอแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของ ส. แต่จำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าของรวมด้วยได้นำโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวไปจำนองไว้แก่จำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 4 เป็นผู้ครอบครองโฉนดที่ดินดังกล่าว ก่อนฟ้องโจทก์ทั้งสองได้บอกกล่าวให้จำเลยที่ 4 ส่งมอบโฉนดที่ดินเพื่อนำมาแบ่งแยก แต่จำเลยที่ 4 เพิกเฉยไม่ส่งมอบโฉนดที่ดินให้ ถือว่าจำเลยที่ 4 โต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสองแล้ว โจทก์ทั้งสองจึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2547 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนมรดกที่ดินพิพาท: สิทธิในที่ดินเป็นของผู้ครอบครองทำประโยชน์ ไม่ใช่ผู้รับพินัยกรรม
คดีก่อนมีประเด็นว่าผู้ร้องมีส่วนได้เสียที่จะมีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลหรือไม่ และมีเหตุสมควรที่จะตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ ส่วนคดีนี้มีประเด็นว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของ ฟ. หรือไม่ จึงมีประเด็นต่างกัน แม้ในคดีก่อนศาลจะฟังว่าที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 312 เป็นของ ฟ. ผู้ตายเพียงผู้เดียว ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นประเด็นที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งแล้วในคดีก่อน จึงไม่อาจนำผลของคำวินิจฉัยดังกล่าวในคดีก่อนมาผูกพันจำเลยในคดีนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความเป็นทรัพย์มรดก: จำเลยมีสิทธิในที่ดินก่อนพินัยกรรม ศาลยกฟ้อง
คดีก่อนซึ่งถึงที่สุดแล้วมีประเด็นว่าผู้ร้องมีส่วนได้เสียที่จะมีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลหรือไม่ และมีเหตุสมควรที่จะตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ ส่วนคดีนี้มีประเด็นว่า ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกหรือไม่ จึงมีประเด็นต่างกัน แม้ในคดีก่อนศาลจะฟังว่าที่ดินเป็นของผู้ตายเพียงผู้เดียว ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นประเด็นที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งแล้วในคดีก่อน จึงไม่อาจนำผลของคำวินิจฉัยดังกล่าวมาผูกพันจำเลยในคดีนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 66-67/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดหน่วงชำระราคาซื้อขายเนื่องจากทรัพย์สินชำรุด ผู้ซื้อมีสิทธิยึดหน่วงได้หากผู้ขายไม่ซ่อมแซม
บ้านที่จำเลยซื้อจากโจทก์ชำรุดบกพร่อง และโจทก์ไม่ได้ซ่อมแซมให้เรียบร้อย เมื่อเกิดความชำรุดบกพร่องในทรัพย์สินที่ซื้อขาย ผู้ขายต้องรับผิดตาม ป.พ.พ. มาตรา 472 ส่วนจำเลยผู้ซื้อชอบที่จะยึดหน่วงราคาที่ยังไม่ได้ชำระทั้งหมดหรือบางส่วน เว้นแต่ผู้ขายจะหาประกันที่สมควรให้ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 488 ที่โจทก์ฎีกาว่าโจทก์เป็นบุคคลภายนอกเข้ารับช่วงสิทธิเรียกร้องโดยสุจริตไม่เกี่ยวข้องกับสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมบ้านระหว่างบริษัทกับจำเลย และจำเลยสามารถไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทดังกล่าวได้นั้น เห็นว่าโจทก์เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทดังกล่าวและเป็นผู้กระทำแทนบริษัทตลอดมา ทั้งในขณะทำบันทึกการโอนสิทธิเรียกร้อง โจทก์ได้รับรองว่าจะซ่อมแซมความเสียหายทั้งหมดด้วยตนเอง แม้เช็คทั้งห้าฉบับจำเลยจะสั่งจ่ายชำระหนี้ตามบันทึกการโอนสิทธิเรียกร้อง แต่ก็เป็นเรื่องสืบเนื่องมาจากการวางเงินดาวน์ค่าที่ดินและบ้านตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมบ้าน เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าบ้านที่ชำรุดบกพร่องโจทก์ไม่ซ่อมแซมให้เรียบร้อย จำเลยชอบที่จะยึดหน่วงไม่ชำระราคาที่ดินและบ้านโดยไม่นำเงินเข้าบัญชีชำระหนี้ดังกล่าว จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6969/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นหลังศาลอุทธรณ์ยกคำพิพากษา: ชอบด้วยกฎหมาย แม้ไม่ได้เป็นวันนัดอ่านคำพิพากษา
ในวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โจทก์และจำเลยมาศาล เมื่อศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังแล้วโดยศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาใหม่แล้วดำเนินการต่อไปศาลชั้นต้นจึงอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้โจทก์และจำเลยฟังต่อเนื่องกันไป ถือได้ว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นในศาลให้โจทก์และจำเลยฟังโดยเปิดเผยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 182 วรรคสอง แล้ว แม้ในวันดังกล่าวจะมิได้เป็นวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นก็ไม่ทำให้การอ่านคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมายกลับกลายเป็นไม่ชอบเพราะคดีเสร็จการพิจารณามาก่อนนั้นแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6969/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นหลังศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว ถือเป็นการอ่านโดยเปิดเผยตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยมิได้มีการนัดอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่อย่างใด ถือได้ว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้โจทก์และจำเลยฟังโดยเปิดเผยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 182 วรรคสองแล้ว แม้ในวันดังกล่าว จะมิได้เป็นวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น อีกทั้งเสร็จการพิจารณาก่อนนั้นแล้ว การอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นครั้งหลังจึงเป็นการชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6923/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยที่เป็นพนักงานส่วนท้องถิ่นในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และการใช้บทมาตราในการเพิ่มโทษ
พ.ร.บ. มาตรการในการปราบปรามฯ ยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 10 เป็นบทกำหนดโทษ ให้ระวางโทษเป็นสามเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดในกรณีพนักงานส่วนท้องถิ่นกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เมื่อศาลลงโทษจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายรักษาความสงบ เป็นพนักงานส่วนท้องถิ่น ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 วรรคสอง ซึ่งมีโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิตประกอบ พ.ร.บ. มาตรการในการ ปราบปรามฯ ยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 10 โดยระวางโทษเป็นสามเท่าแล้วให้ประหารชีวิตไม่ถูกต้อง เพราะกรณี ไม่มีทางที่จะระวางโทษเป็นสามเท่าของโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิตได้ จึงนำมาตรา 10 แห่งบทบัญญัติ ดังกล่าวข้างต้นมาปรับด้วยไม่ได้ จำเลยที่ 1 คงมีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่งและวรรคสอง, 66 วรรคสอง เท่านั้น เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นพนักงานส่วนท้องถิ่น ซึ่งต้องระวางโทษเป็นสามเท่า แต่เมื่อโทษตามมาตรา 66 วรรคสอง กำหนดโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต การที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดโทษจำเลยที่ 1 ให้สูงกว่าโทษจำคุกตลอดชีวิตโดยให้ประหารชีวิตก่อนลดโทษให้นั้นเหมาะสมแล้ว ปัญหาดังกล่าวเป็น ข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6433/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของพินัยกรรมและการยกทรัพย์สินให้ทายาท แม้มีข้อความเพิ่มเติมโดยไม่ลงชื่อ
ผู้ตายซึ่งเป็นพระภิกษุเขียนพินัยกรรมขึ้นเองทั้งฉบับ มีการลงวัน เดือน ปี และลายมือชื่อของผู้ตายไว้ครบถ้วนถูกต้องตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1675 วรรคหนึ่ง บัญญัติไว้ โดยเฉพาะข้อกำหนดในพินัยกรรมข้อ 1 ที่ระบุว่า"ทรัพย์สินเงินทองและเข้าของต่างของข้าพเจ้า ที่อยู่ในห้องของข้าพเจ้านี้มอบให้กับทายาทของข้าพเจ้า ในเมื่อข้าพเจ้าตายไปแล้ว" นั้น ก็มีความหมายชัดแจ้งอยู่ในตัวแล้วว่า ผู้ตายประสงค์จะยกทรัพย์สินเงินทองทั้งหมดซึ่งรวมทั้งเงินในสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารที่พบในห้องนอนของผู้ตายให้แก่ทายาทเมื่อผู้ตายมรณภาพ การที่ผู้ตายเขียนข้อความเพิ่มเติมต่อไปว่า "และสมุดฝากในธนาคารต่าง ๆ ด้วย" แม้จะไม่ชอบตามมาตรา 1657 วรรคสอง เพราะผู้ตายมิได้ลงลายมือชื่อกำกับไว้ก็มีผลเพียงว่าไม่มีการเติมข้อความดังกล่าว เท่านั้นส่วนข้อความอื่นยังคงสมบูรณ์ หามีผลทำให้พินัยกรรมที่สมบูรณ์อยู่แล้วต้องตกเป็นโมฆะไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6433/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของพินัยกรรม แม้มีการแก้ไขเพิ่มเติม และสิทธิของผู้รับพินัยกรรมเมื่อไม่มีทรัพย์สินตกทอดแก่วัด
เอกสารนี้ผู้ตายเขียนขึ้นเองทั้งฉบับ มีการลงวัน เดือน ปี และลงลายมือชื่อผู้ตายไว้ครบถ้วนเป็นพินัยกรรม ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1657 วรรคหนึ่งแล้ว การที่ผู้ตายเขียนข้อความเพิ่มเติมต่อไปว่า "และสมุดฝากในธนาคารต่างๆ ด้วย" แม้จะไม่ชอบตาม ป.พ.พ. มาตรา 1657 วรรคสอง เพราะผู้ตายมิได้ลงลายมือชื่อกำกับไว้ก็ตาม ก็มีผลเพียงว่าไม่มีเพิ่มเติมข้อความที่ว่า "และสมุดฝากในธนาคารต่างๆ ด้วย" เท่านั้น ส่วนข้อความอื่นในพินัยกรรมยังคงมีผลสมบูรณ์ หามีผลทำให้พินัยกรรมที่สมบูรณ์อยู่แล้วตกเป็นโมฆะแต่อย่างใด
เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ตายมีทรัพย์สินอันจะตกเป็นสมบัติแก่วัดผู้คัดค้านเพราะผู้ตายได้จำหน่ายโดยพินัยกรรมแล้วตาม ป.พ.พ.มาตรา 1623 ผู้คัดค้านจึงไม่เป็นทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตาย อันจะยื่นคำร้องคัดค้านการร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกของผู้ร้องได้
of 39