คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
มงคล ทับเที่ยง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 384 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2958/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบรถยนต์ที่ใช้ในความผิดยาเสพติด: สิทธิของภริยาที่ไม่จดทะเบียนสมรส
ผู้ร้องเป็นภริยาจำเลยแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ผู้ร้องทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง ส่วนจำเลยประกอบอาชีพเปิดอู่ซ่อมรถและซ่อมเครื่องเสียงที่บ้าน ผู้ร้องอ้างว่าซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางให้จำเลยเพื่อใช้รับส่งลูกไปโรงเรียนซึ่งโดยสภาพของรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเป็นรถขนาดใหญ่ไม่เหมาะที่ผู้ร้องจะใช้งานแสดงว่าผู้ร้องมอบรถจักรยานยนต์ให้จำเลยใช้ในลักษณะเป็นเจ้าของ ประกอบกับจำเลยมีพฤติกรรมจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนมาก่อนแต่เพิ่งถูกจับกุมในคดีนี้เป็นครั้งแรก จึงไม่น่าเชื่อว่าผู้ร้องจะไม่มีโอกาสทราบหรือไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจำเลยจะนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปใช้ในการกระทำความผิด ที่ศาลล่างทั้งสองสั่งริบรถจักรยานยนต์นั้นชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2889/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่วางค่าฤชาธรรมเนียมในการอุทธรณ์ ทำให้ศาลชอบที่จะไม่รับอุทธรณ์ หรือพิพากษายกอุทธรณ์ได้
ศาลชั้นต้นพิจารณาโดยขาดนัด จำเลยจึงยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์โดยมิได้วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์ซึ่งเป็นความอีกฝ่ายหนึ่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 ในชั้นตรวจอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย แต่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลย ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิพากษายกอุทธรณ์นั้นเสียโดยไม่ต้องวินิจฉัยในประเด็นแห่งอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2889/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่วางค่าฤชาธรรมเนียมในการอุทธรณ์ส่งผลต่อการพิจารณาคดี ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นที่ไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีโดยขาดนัด จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์ ปรากฏว่าจำเลยมิได้วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 229 เช่นนี้ ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งไม่รับอุทธรณ์ แต่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิพากษายกอุทธรณ์โดยไม่ต้องวินิจฉัยในประเด็นแห่งอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยด้วย โดยพิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ จึงมิชอบ ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยฎีกาของโจทก์ และพิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และยกฎีกาของโจทก์ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2883/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม กรณีจำเลยขอถอนคำให้การเดิมเป็นรับสารภาพ ศาลไม่รับวินิจฉัยประเด็นใหม่
จำเลยขอถอนคำให้การเดิมที่ปฏิเสธและขอให้การรับสารภาพตามฟ้องตลอดข้อกล่าวหา จำเลยจะฎีกาโต้เถียงว่าไม่มีประจักษ์พยานเห็นว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหาได้ไม่ เพราะไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15แม้จำเลยจะได้รับอนุญาตให้ฎีกาก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2779/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดีภาษี: การฟ้องเรียกหนี้เดิมที่ศาลเคยวินิจฉัยแล้ว ถือเป็นการขาดอำนาจฟ้อง
ฟ้องของกรมสรรพากรโจทก์ในคดีนี้มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีเดิมว่า จำเลยต้องรับผิดชำระภาษีการค้าพร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่มหรือไม่ ซึ่งในคดีเดิมที่จำเลยฟ้องโจทก์ศาลภาษีอากรกลางได้วินิจฉัยคดีถึงที่สุดมาแล้ว การที่โจทก์นำมูลหนี้เดียวกันมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ขอให้ชำระภาษีการค้าจำนวนเดียวกันพร้อมเงินเพิ่มอีกจึงเป็นฟ้องซ้ำ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 17 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2424/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย: เจตนาสำคัญกว่าปริมาณ หากมีหลักฐานการจำหน่ายแล้วไม่ต้องอาศัยข้อสันนิษฐานตามกฎหมาย
บทบัญญัติมาตรา 15 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มีความหมายว่าถ้าผู้ครอบครองยาเสพติดให้โทษมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ 20 กรัมขึ้นไป กฎหมายให้สันนิษฐานโดยเด็ดขาดว่าเป็นการครอบครองไว้เพื่อจำหน่าย แม้จำเลยจะมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 7 เม็ด และไม่ปรากฏว่าคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้เพียงใด แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายก็เป็นความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 15 วรรคหนึ่ง,66 วรรคหนึ่งไม่จำเป็นต้องเข้าข้อสันนิษฐานตามมาตรา 15 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2297/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำหลอกลวงเพื่อค้าประเวณีถือเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
การที่จำเลยมีเจตนาหลอกลวงผู้เสียหายแต่ละบุคคลไปทำงานค้าประเวณี เป็นเจตนาที่กระทำต่อแต่ละบุคคลไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2193/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการขายทอดตลาดเนื่องจากราคาต่ำกว่าความเป็นจริง: คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 ทวิ
การที่จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินของจำเลย เนื่องจากราคาที่ เจ้าพนักงานบังคับคดีอนุมัติให้ขายเป็นราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง เป็นกรณีที่จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์สินตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง ซึ่งคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าววรรคสุดท้าย ดังนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์จำเลย คำพิพากษานั้นย่อมเป็นที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเชิดบริษัทเพื่อทำสัญญาหลอกลวง: จำเลยต้องรับผิดเสมือนตัวแทน
เมื่อโจทก์ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกับบริษัทจำเลย จำเลยได้จัดการให้โจทก์ทำสัญญากับบริษัท ร. เพื่อว่าจ้างบริษัท ร. พัฒนาที่ดินและสร้างสาธารณูปโภคในโครงการของจำเลย และทำสัญญากับบริษัท ม. เพื่อตั้งบริษัท ม. เป็นตัวแทนจัดซื้อวัสดุ โดยทำที่สำนักงานของจำเลย มีกรรมการบริษัทจำเลยร่วมลงลายมือชื่อในฐานะผู้จะขายและในฐานะผู้รับจ้างทั้งสองสัญญา ตามหนังสือรับรองการจดทะเบียนพาณิชย์ปรากฏว่าจำเลยและบริษัท ร. ล้วนแต่มีกรรมการชุดเดียวกันและพนักงานของบริษัทจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญาทุกฉบับ โจทก์และลูกค้ารายอื่นย่อมมีเหตุผลเชื่อว่าจำเลยกับบริษัท ร. และบริษัท ม. ได้ร่วมประกอบธุรกิจหาผลประโยชน์ในกิจการเดียวกัน ทั้งตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน สัญญาว่าจ้างพัฒนาที่ดินและสร้างสาธารณูปโภค และสัญญาตั้งตัวแทนจัดซื้อวัสดุ มีข้อความระบุว่า หากโจทก์ผิดสัญญาเดียวหรือสองสัญญา ยอมให้จำเลยหรือบริษัท ร. หรือบริษัท ม. ยกเลิกสัญญาได้ทุกสัญญาแต่ฝ่ายเดียวได้ พฤติกรรมของจำเลยรับฟังได้ว่า จำเลยได้เชิดบริษัท ร. และบริษัท ม. เป็นตัวแทนของตนในการทำสัญญาว่าจ้างพัฒนาที่ดินและสร้างสาธารณูปโภคและสัญญาตั้งตัวแทนจัดซื้อวัสดุแทนทำให้โจทก์หลงผิดเข้าทำสัญญากับบริษัท ร. และบริษัท ม. โดยเชื่อว่าบริษัททั้งสองร่วมประกอบธุรกิจกับจำเลย จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริตเสมือนหนึ่งว่าบริษัททั้งสองเป็นตัวแทนของตนตาม ป.พ.พ. มาตรา 821

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1443/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินโดยผู้จัดการมรดกซ้อนกันและผลกระทบต่อความสมบูรณ์ของสัญญา
จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของ ห. ทำสัญญาจะขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ โดยไม่ได้รับความยินยอมจาก ข. ผู้จัดการมรดกอีกคนหนึ่ง จึงไม่ใช่นิติกรรมที่ได้รับความเห็นชอบด้วยเสียงส่วนมากไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1726 จึงไม่ผูกพันกองมรดกตามมาตรา 1724 การที่ ข. ให้ความยินยอมในภายหลัง ไม่ทำให้นิติกรรมที่ไม่ชอบกลับเป็นนิติกรรมสมบูรณ์ขึ้นโจทก์จึงไม่มีสิทธิขอให้จำเลยที่ 1 และ ข. ปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อขายเมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 ทำสัญญาซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 1 และในภายหลังโดยเสียค่าตอบแทนและได้จดทะเบียนแล้ว จึงไม่ใช่เป็นการกระทำที่ทำลงโดยรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบโจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายระหว่างจำเลยที่ 1กับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ตามมาตรา 237
of 39