พบผลลัพธ์ทั้งหมด 435 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4975/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุน vs. ตัวการในคดียาเสพติด และการพิสูจน์ความผิดของจำเลยร่วม
ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นเพียงการสนับสนุนการกระทำความผิดหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จะไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง จำเลยที่ 1 ก็ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกาได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4543/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องหนี้ภาษีอากรหลังการชำระบัญชี: ผลของการแจ้งการประเมินภาษีและการสั่งบังคับ
แม้มูลหนี้ตามฟ้องจะเป็นหนี้ค่าภาษีอากร แต่เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องเรียกหนี้สินจากจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้โจทก์ในฐานะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและผู้ชำระบัญชีของห้างุ้นส่วนจำกัด น. ซึ่งจดทะเบียนเสร็จสิ้นการชำระบัญชีเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2530 จึงมีอายุความห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนด 2 ปี นับแต่วันถึงที่สุดแห่งการชำระบัญชีตาม ป.พ.พ. มาตรา 1272 แต่เมื่อโจทก์มีหนังสือเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2532 แจ้งให้จำเลยชำระภาษีเงินได้นิติบุคคล เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มภายใน 30 วัน นับแต่วันรับหนังสือ การที่พนักงานมีหนังสือถึงจำเลยให้ชำระภาษีอากรดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการสั่งบังคับตามอำนาจกฎหมายเพื่อให้จำเลยชำระหนี้ค่าภาษีอากรตามที่เรียกร้อง อันมีผลให้จำเลยอาจถูกยึดทรัพย์สินขายทอดตลาดโดยไม่ต้องฟ้องร้องคดีต่อศาล การสั่งบังคับดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการที่เจ้าหนี้ได้กระทำการอื่นใดอันมีผลเป็นอย่างเดียวกันกับการฟ้องคดีตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/14 (5) จำเลยรับหนังสือเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2532 อายุความจึงสะดุดหยุดลงและเริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่พ้นกำหนด 30 วันที่กำหนดให้จำเลยนำเงินภาษีอากรไปชำระ ดังนั้น อายุความเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ค่าภาษีอากรดังกล่าวจึงเริ่มนับใหม่นับแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2532 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/15 โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและผู้ชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนจำกัด น. เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2542 จึงพ้น 2 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1272
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4227/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งคำสั่งฟื้นฟูกิจการไปยังภูมิลำเนาเจ้าหนี้ต่างชาติที่ถูกต้อง เพื่อให้เจ้าหนี้สามารถยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้ทันตามกำหนด
เจ้าหนี้มีภูมิลำเนาอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จัดส่งคำสั่งตั้งผู้ทำแผนและกำหนดเวลาให้เจ้าหนี้เสนอคำขอรับชำระหนี้ไปยังห้องชุดซึ่งเจ้าหนี้ได้บอกเลิกสัญญาเช่าและเดินทางกลับประเทศมาเลเซียแล้ว กรณียังถือไม่ได้ว่าเจ้าหนี้ได้ทราบถึงการแจ้งคำสั่งตั้งผู้ทำแผนและกำหนดเวลาให้เจ้าหนี้ทราบตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 90/24 วรรคสอง คดีมีเหตุตามกฎหมายที่จะรับคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3068/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกคืนเงินปันผลและหุ้นที่ถือแทน การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของหุ้น และการปฏิเสธความรับผิดของจำเลย
คู่ความจะร้องขอเลื่อนคดีติดต่อกันได้ต้องเป็นกรณีที่มีเหตุจำเป็นอันมิได้ก้าวล่วงเสียได้ และแสดงให้เป็นที่พอใจต่อศาลได้ว่าถ้าไม่อนุญาตให้เลื่อนต่อไปอีกจะเสียความยุติธรรมตาม ป.วิ.พ. มาตรา 40 วรรคหนึ่ง และการอนุญาตให้เลื่อนคดีหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาล
จำเลยขอเลื่อนการสืบพยานติดต่อกันถึง 9 ครั้ง แม้โจทก์จะขอเลื่อนคดีด้วยครั้งหนึ่งและจำเลยไม่ติดใจสืบพยานที่เตรียมมาอีก 2 นัด แต่วันนัดสืบพยานจำเลยอีก 4 นัดหลังจากนั้น จำเลยก็ยังคงขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุขัดข้องเกี่ยวกับพยาน ซึ่งศาลได้กำชับให้จำเลยเตรียมพยานมาให้พร้อมเกือบทุกนัด จนกระทั่งในวันนัดสืบพยานจำเลยวันที่ 6 กรกฎาคม 2542 จำเลยยังขอเลื่อนคดีด้วยเหตุขัดข้องเกี่ยวกับพยานจำเลยอีก ซึ่งเป็นเหตุผลเดิม ทั้งๆ ที่ทราบคำกำชับของศาลชั้นต้นแล้ว แสดงว่าจำเลยมิได้ให้ความสนใจและความสำคัญต่อการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ทั้งเหตุที่อ้างขอเลื่อนคดีก็มิใช่เหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ และทนายจำเลยก็ไม่ได้แสดงให้เป็นที่พอใจว่า ถ้าศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีต่อไปอีกจะทำให้เสียความยุติธรรม อันจะเป็นเหตุให้ศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีได้ พฤติการณ์ต่างๆ ส่อแสดงถึงเจตนาหน่วงเหนี่ยวให้คดีล่าช้า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี และให้ถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบให้งดสืบพยานชอบแล้ว
จำเลยขอเลื่อนการสืบพยานติดต่อกันถึง 9 ครั้ง แม้โจทก์จะขอเลื่อนคดีด้วยครั้งหนึ่งและจำเลยไม่ติดใจสืบพยานที่เตรียมมาอีก 2 นัด แต่วันนัดสืบพยานจำเลยอีก 4 นัดหลังจากนั้น จำเลยก็ยังคงขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุขัดข้องเกี่ยวกับพยาน ซึ่งศาลได้กำชับให้จำเลยเตรียมพยานมาให้พร้อมเกือบทุกนัด จนกระทั่งในวันนัดสืบพยานจำเลยวันที่ 6 กรกฎาคม 2542 จำเลยยังขอเลื่อนคดีด้วยเหตุขัดข้องเกี่ยวกับพยานจำเลยอีก ซึ่งเป็นเหตุผลเดิม ทั้งๆ ที่ทราบคำกำชับของศาลชั้นต้นแล้ว แสดงว่าจำเลยมิได้ให้ความสนใจและความสำคัญต่อการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ทั้งเหตุที่อ้างขอเลื่อนคดีก็มิใช่เหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ และทนายจำเลยก็ไม่ได้แสดงให้เป็นที่พอใจว่า ถ้าศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีต่อไปอีกจะทำให้เสียความยุติธรรม อันจะเป็นเหตุให้ศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีได้ พฤติการณ์ต่างๆ ส่อแสดงถึงเจตนาหน่วงเหนี่ยวให้คดีล่าช้า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี และให้ถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบให้งดสืบพยานชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2645/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาไม่ถือเป็นการป้องกันโดยชอบธรรม เนื่องจากไม่มีเหตุอันตรายที่ต้องป้องกัน
ผู้ตายกับจำเลยเป็นสามีภริยากัน แต่มีเรื่องทะเลาะกันเป็นประจำจึงแยกกันอยู่ วันเกิดเหตุผู้ตายกับจำเลยไปบ้านเกิดเหตุเพื่อตกลงปัญหาเรื่องครอบครัวแต่ตกลงกันไม่ได้ จำเลยจึงจะออกจากบ้าน ผู้ตายนำอาวุธปืนออกมาวางที่ปลายเตียงเพื่อขู่ให้จำเลยอยู่กับผู้ตายและที่ผู้ตายพูดขู่จำเลยขณะจำเลยขยับตัวจะวิ่งก็เป็นเพียงขู่ไม่ใช่จำเลยหนีไปเท่านั้น แต่จำเลยเกรงว่าผู้ตายจะใช้อาวุธปืนของกลางยิงจำเลย ทั้งที่ไม่ปรากฏพฤติการณ์ที่จะส่อว่าผู้ตายจะทำเช่นนั้น จึงถือว่าไม่มีภยันตรายที่จำเลยจำต้องป้องกันแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการป้องกันตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2603/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานขับรถประมาทและขับรถเข้าวงเวียนโดยไม่ลดความเร็วเป็นกรรมเดียวผิดหลายบท ศาลฎีกาแก้ไขโทษ
การที่จำเลยกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายและรับอันตรายสาหัส ตลอดจนเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหายนั้น เกิดจากความประมาทของจำเลยที่ขับรถเข้าใกล้วงเวียนโดยไม่ลดความเร็ว จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษเรียงกระทงโดยแยกฐานขับรถเข้าใกล้วงเวียนโดยไม่ลดความเร็ว ออกต่างหากจากฐานขับรถโดยประมาทนั้นไม่ถูกต้อง ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฎีกา ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1981/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเจตนาโดยปริยายและการรับผิดของตัวการต่อบุคคลภายนอกจากการกระทำของตัวแทนเชิด
แม้จำเลยที่ 2 มิได้มอบหมายหรือแต่งตั้งจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนขายรถยนต์คันพิพาทแก่โจทก์โดยแสดงออกชัด แต่พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ซื้อรถยนต์คันดังกล่าวมาจากผู้ผลิตแล้วจำเลยที่ 2 ขายรถยนต์คันดังกล่าวแก่บริษัท ต. และยังยินยอมตรวจสภาพรถยนต์คันดังกล่าวตามระยะให้แก่โจทก์ โดยที่จำเลยที่ 2 มิได้ทักท้วงหรือกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้เห็นว่ามิได้เป็นตัวการ ทั้งปรากฏด้วยว่าจำเลยที่ 1 กับบริษัท ต. มีกรรมการบริษัทเป็นชุดเดียวกันและมีจำนวน 2 คนเช่นเดียวกัน คือ ช. และ ส. จึงน่าเชื่อว่าบริษัทจำเลยที่ 1 และบริษัท ต. เป็นบริษัทในเครือเดียวกัน พฤติการณ์ตามข้อเท็จจริงแห่งคดีถือได้ว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาให้บริษัท ต. จัดจำหน่ายรถยนต์คันดังกล่าวแทนตนโดยไม่กำหนดว่าต้องจัดการจำหน่ายอย่างไร เป็นการเชิดบริษัท ต. เป็นตัวแทนเชิดและบริษัท ต. ได้ใช้ชื่อของจำเลยที่ 1 ในการจำหน่ายรถยนต์คันพิพาทให้แก่โจทก์ ซึ่งตามพฤติการณ์แห่งคดีเชื่อได้ว่าจำเลยที่ 2 รู้แล้วว่าบริษัท ต. โดยจำเลยที่ 1 จำหน่ายรถยนต์คันดังกล่าวแก่โจทก์ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวการจึงมีหน้าที่ต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องซ้ำเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้ทำแผนและแผนฟื้นฟูที่ศาลเคยวินิจฉัยแล้ว เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำที่กฎหมายห้าม
ในชั้นพิจารณาให้ความเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการ ผู้บริหารของลูกหนี้ยื่นข้อคัดค้านว่าผู้ทำแผนไม่มีคุณสมบัติและไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้บริหารแผน ทั้งแผนมีรายละเอียดที่ขัดต่อกฎหมายและไม่เป็นธรรม ซึ่งศาลฎีกาวินิจฉัยว่า บริษัทอ. มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดสามารถเป็นผู้บริหารแผนได้ ทั้งแผนฟื้นฟูกิจการชอบด้วยกฎหมายจึงพิพากษายืนตามคำสั่งศาลล้มละลายกลางที่เห็นชอบด้วยแผน ต่อมาวันที่ 5 กันยายน2544 ผู้บริหารของลูกหนี้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาซึ่งมีข้อความเหมือนกับคำร้องฉบับลงวันที่เดียวกับที่ยื่นต่อศาลล้มละลายกลางขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งยกเลิกการแต่งตั้งผู้ทำแผนและผู้บริหารแผนและมีคำสั่งว่าแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้เป็นโมฆะ และให้ยกเลิกแผนฟื้นฟูกิจการ และเนื่องจากที่ประชุมเจ้าหนี้ได้เลือกบริษัท ท. เป็นผู้ทำแผนอันดับ 2 เมื่อบริษัท อ. ไม่สามารถเป็นผู้ทำแผนได้ ขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งบริษัท ท. เป็นผู้ทำแผนแทนอันเป็นการขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ. 2542 มาตรา 14
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2547 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำร้องซ้ำในประเด็นที่ศาลวินิจฉัยแล้ว ถือเป็นการต้องห้ามตามกฎหมายล้มละลาย
ผู้บริหารของลูกหนี้ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาซึ่งมีข้อความเหมือนกับคำร้องฉบับลงวันที่เดียวกันที่ยื่นต่อศาลล้มละลายกลาง โดยขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งยกเลิกการแต่งตั้งผู้ทำแผนและมีคำสั่งว่าแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้เป็นโมฆะ และให้ยกเลิกแผนฟื้นฟูกิจการดังกล่าว โดยขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งบริษัท ท. เป็นผู้ทำแผนแทน ซึ่งศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยเป็นคำสั่งคำร้องศาลฎีกาว่า "คดีนี้ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายืนเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว และประเด็นตามคำร้องได้มีการวินิจฉัยในคำพิพากษาดังกล่าวแล้ว ให้ยกคำร้อง..." การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้บริหารของลูกหนี้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางมีข้อความทำนองเดียวกับที่ยื่นต่อศาลฎีกาในวันเดียวกัน กับทั้งประเด็นเดียวกับที่มีการอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน อันเป็นการขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วนั้น จึงต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลายฯ มาตรา 14
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1433/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยผิดนัดต้องเริ่มนับจากวันที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระจริง และค่าขึ้นศาลไม่ใช่หนี้ที่ขอรับชำระในคดีล้มละลายได้
พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 90/27 วรรคหนึ่ง กำหนดแจ้งชัดว่า หนี้ที่จะขอรับชำระได้ต้องเป็นหนี้ที่มีมูลหนี้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้เท่านั้น แม้ว่าหนี้นั้นจะยังไม่ถึงกำหนดเวลาชำระหนี้หรือเป็นหนี้ที่ยังมีเงื่อนไขในการชำระหนี้ก็ตาม แต่จำนวนเงินค่าขึ้นศาลที่เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้เป็นค่าธรรมเนียมศาลซึ่งเจ้าหนี้มีหน้าที่ต้องชำระแก่ศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 149 เพื่อเจ้าหนี้จะได้ใช้สิทธิดำเนินคดีทางแพ่งต่อลูกหนี้ตามกฎหมายเท่านั้น และเงินจำนวนนี้ไม่ใช่ค่าฤชาธรรมเนียมที่ศาลได้มีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ชำระแก่เจ้าหน้าที่ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 161 แล้ว จึงมิใช่มูลหนี้ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้อันเจ้าหนี้อาจขอรับชำระหนี้ได้