คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
รัตน กองแก้ว

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 382 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยสิทธิโบนัสตามข้อตกลงจ้างงาน: การพิจารณาความถูกต้องของข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
จำเลยอุทธรณ์ข้อแรกว่า ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงไม่ถูกต้องตามที่ปรากฏในสำนวน แม้จะเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์และจำเลยได้ตกลงกำหนดค่าจ้างและผลประโยชน์ตอบแทนในการทำงานของโจทก์ไว้เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2546 ดังนั้น โจทก์จะเริ่มทำงานกับจำเลยวันที่ 16 สิงหาคม 2546 หรือวันที่ 16 กันยายน 2546 ก็ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลแรงงานกลางที่ให้โจทก์ได้รับโบนัสพิเศษประจำปี 2546 อุทธรณ์จำเลยข้อนี้จึงเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา 31 ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ข้อสองว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับโบนัสปกติผู้บริหารและโบนัสพิเศษประจำปี 2547 ซึ่งศาลแรงงานกลางได้นำข้อตกลงกำหนดค่าจ้างและผลประโยชน์ตอบแทนในการทำงานของโจทก์เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2546 มาวินิจฉัยถึงสิทธิของโจทก์ เป็นการอุทธรณ์ขอให้ตีความข้อตกลงตามถ้อยคำในเอกสารที่ได้ตกลงกันไว้ จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12183/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงท้าตรวจลายมือชื่อเป็นข้อแพ้ชนะคดี หากผลตรวจยืนยันลายมือชื่อจำเลย
โจทก์จำเลยท้ากันว่า ให้ศาลส่งลายมือชื่อของจำลยในสัญญากู้กับตัวอย่างลายมือชื่อของจำเลยไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ ถ้าผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่าลายมือชื่อในสัญญากู้เป็นลายมือชื่อของจำเลยจริง จำเลยยอมแพ้คดี ถ้าไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลย โจทก์ยอมแพ้คดี ศาลส่งเอกสารดังกล่าวไปให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจพิสูจน์แล้ว ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่า น่าจะเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกัน ดังนี้ ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเป็นการยืนยันหรือทำนองยืนยันว่าเป็นลายมือชื่อของจำเลยตรงตามคำท้าของโจทก์จำเลยแล้ว จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12183/2547 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อเป็นข้อตกลงแพ้ชนะคดีได้ หากข้อตกลงชัดเจน
โจทก์จำเลยท้ากันว่า ให้ศาลส่งลายมือชื่อของจำเลยในสัญญากู้กับตัวอย่างลายมือชื่อของจำเลยไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ ถ้าผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่าลายมือชื่อในสัญญากู้เป็นลายมือชื่อของจำเลยจริง จำเลยยอมแพ้คดี ถ้าไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลย โจทก์ยอมแพ้คดีศาลส่งเอกสารดังกล่าวไปให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจพิสูจน์แล้ว ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่าน่าจะเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกัน ดังนี้ ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเป็นการยืนยันหรือทำนองยืนยันว่าเป็นลายมือชื่อของจำเลยตรงตามคำท้าของโจทก์จำเลยแล้ว จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8617/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย และการริบเงินที่ได้จากการกระทำผิด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายไม่ได้ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ดังนี้ เงินของกลางจำนวน 200 บาท จึงไม่อาจเป็นทรัพย์สินซึ่งจำเลยทั้งสองได้มาโดยการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อจำหน่าย กรณีจึงไม่อาจริบเงินของกลางดังกล่าวได้ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8151/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาล: คดีพิพาทที่ดินมีทุนทรัพย์ แม้ฟ้องขอให้ถอนคำคัดค้าน ศาลต้องพิจารณาตามราคาที่ดิน
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยถอนคำคัดค้าน ที่ได้คัดค้านการนำชี้แนวเขตที่ดินของโจทก์ อันเป็นคดีที่มี คำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ แต่เมื่อจำเลยให้การโต้แย้งกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทว่า โจทก์ได้นำชี้แนวเขตที่ดินรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของจำเลย จึงเห็นได้ว่าทั้งคำฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลยเป็นเรื่องที่โจทก์จำเลยมีจุดประสงค์โต้เถียงแย่งความเป็นเจ้าของในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นประเด็นหลัก คำฟ้องของโจทก์ ที่ขอให้จำเลยถอนคำคัดค้านการนำชี้แนวเขตที่ดินของโจทก์ เป็นผลอันสืบเนื่องมาจากว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ คำฟ้องโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ คือ ตามราคาที่ดินพิพาทตาม ป.วิ.พ. มาตรา 150 วรรคแรก ซึ่งเป็นคดีมีทุนทรัพย์ เมื่อราคาที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทุนทรัพย์ของคดีไม่เกินสามแสนบาท คดีจึงอยู่ในอำนาจของศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษา ที่ศาลแขวงอ้างว่าคดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความนั้น จึงไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8091/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดอำนาจศาล: การเรียกเงินเพื่อช่วยเหลือคดีในบริเวณศาล
ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เรียกเงินจำนวน 120,000 บาท จากผู้กล่าวหาอ้างว่าเพื่อนำไปให้พนักงานอัยการช่วยเหลือนาย ส. ซึ่งถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษไม่ให้ต้องรับโทษ ผู้กล่าวหาได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ที่บริเวณศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 จึงเป็นการประพฤติตน ไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล อันเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 31 (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7911/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริง และยืนตามศาลอุทธรณ์เรื่องความผิดฐานมีอาวุธปืนและกระสุนปืนเป็นคนละกรรม
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เฉพาะมาตรา 66 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ เป็นมาตรา 66 วรรคหนึ่ง ตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่ ไม่ได้แก้เป็นบทมาตราอื่นแต่อย่างใด ส่วนโทษก็แก้เฉพาะโทษในความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จากที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 5 ปี เป็น 4 ปี จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง การที่จำเลยฎีกาว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลยและขอให้ลงโทษจำเลยสถานเบา ล้วนเป็นการฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานและดุลพินิจในการกำหนดโทษ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แม้ศาลชั้นต้นจะรับฎีกาในข้อดังกล่าวมาศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้
การมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตกับการมีกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ กฎหมายบัญญัติบทความผิดและบทลงโทษไว้คนละมาตรา ย่อมเห็นเจตนารมณ์ของกฎหมายได้ว่ามีความประสงค์จะแยกความผิดสองฐานนี้ออกจากกัน แม้มีอาวุธปืนและกระสุนปืนดังกล่าวไว้ในครอบครองในเวลาเดียวกันก็เป็นความผิดสองกรรมต่างกัน ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม ป.อ. มาตรา 91

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5177/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คดีแรงงานจำกัดเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ไม่อาจรับรองอุทธรณ์ข้อเท็จจริง แม้มีบทบัญญัติ ป.วิ.พ. ที่อาจใช้ได้
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน มาตรา 54 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้อุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลแรงงานได้แต่เฉพาะในปัญหาข้อกฎหมายโดยการพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกาจะต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ศาลแรงงานได้วินิจฉัยมาตามมาตรา 56 วรรคสอง เป็นการบัญญัติเกี่ยวกับการอุทธรณ์ไว้โดยเฉพาะแล้ว จึงไม่อาจนำ ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคหนึ่ง ที่ผู้พิพากษาผู้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นจะรับรองว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ได้มาใช้บังคับ แม้ตามมาตรา 31 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ จะบัญญัติให้นำบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. มาใช้บังคับด้วย ก็ต้องเป็นกรณีที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ ด้วย เมื่อคดีแรงงานให้อุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายจึงไม่อาจมีการรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ทั้งการที่ผู้พิพากษาผู้นั่งพิจารณาคดีจะรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคหนึ่ง บัญญัติไว้ก็เป็นเรื่องเฉพาะตัว และอุทธรณ์ของโจทก์ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
(คำสั่งคำร้อง)
of 39