พบผลลัพธ์ทั้งหมด 810 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1103/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินโดยทราบการครอบครองของผู้อื่น ทำให้ไม่สามารถอ้างสิทธิเต็มตามโฉนดได้
โจทก์ซื้อที่ดินมีโฉนดไว้จากผู้มีชื่อ ในชั้นแรกโจทก์เข้าใจว่ามีอาณาเขตไม่กินที่พิพาท แม้ต่อมาภายหลังได้ความว่าเขตโฉนดที่โจทก์ซื้อกินถึงที่พิพาทด้วยก็ดี แต่ก็ได้ความว่าโจทก์ทราบอยู่แล้วในขณะซื้อว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทตลอดมาเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี แล้วโจทก์จะอ้างว่าโจทก์ควรได้ที่เต็มตามโฉนดที่ได้ซื้อไว้ตามความในมาตรา 1299,1300 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หาได้ไม่เพราะเมื่อโจทก์ซื้อ โจทก์ทราบอยู่แล้วว่า จำเลยครอบครองที่พิพาทมาอย่างเป็นเจ้าของ จึงฟังไม่ได้ว่า โจทก์ซื้อที่รายพิพาทไว้โดยสุจริต(อ้างฎีกาที่ 762/2494)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1103/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินโดยทราบว่ามีผู้อื่นครอบครองเกิน 10 ปี ทำให้ไม่ถือว่าซื้อโดยสุจริต
โจทก์ซื้อที่ดินมีโฉนดไว้จากผู้มีชื่อ ในชั้นแรกโจทก์เข้าใจว่ามีอาณาเขตไม่กินที่พิพาทแม้ต่อมาภายหลังได้ความว่าเขตโฉนดที่โจทก์ซื้อกินถึงที่พิพาทด้วยก็ดี แต่ก็ได้ความว่าโจทก์ทราบอยู่แล้วในขณะซื้อว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทตลอดมาเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว โจทก์จะอ้างว่าโจทก์ควรได้ที่เต็มตามโฉนดที่ได้ซื้อไว้ตามความในมาตรา 1299,1300 แห่ง ป.ม.แพ่งฯ หาได้ไม่เพราะเมื่อโจทก์ซื้อ โจทก์ทราบอยู่แล้วว่า จำเลยครอบครองที่พิพาทมาอย่างเป็นเจ้าของ จึงฟังไม่ได้ว่า โจทก์ซื้อที่รายพิพาทไว้โดยสุจริต
(อ้างฎีกาที่ 762/2494)
(อ้างฎีกาที่ 762/2494)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1031/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายเคหะเช่าเพื่อเลี่ยงสัญญาเช่า เป็นโมฆะและใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
โจทก์ไม่พอใจผู้เช่าเคหะของโจทก์ ได้เพียรพยายามจะให้ออกไปจากห้องเช่าทุกวิถีทางก็ไม่สำเร็จ จึงใช้วิธีขายเฉพาะตัวห้องพิพาทให้จำเลย โดยตกลงกันให้จำเลยรื้อห้องพิพาทไป ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่า ผู้เช่าก็ยังเช่าอยู่ เช่นนี้ย่อมเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและเป็นการตกลงที่ทำให้โจทก์ผู้ให้เช่าหลุดพ้นจากหน้าที่หรือภาระซึ่งมีอยู่ตามสัญญาเช่า คือถ้าต้องรื้อห้องไป หน้าที่หรือภาระที่ห้องจะต้องปลูกอยู่ในที่ดินตรงนั้นก็หลุดพ้นไป คือ โจทก์เอาที่ดินตรงนั้นไปทำประโยชน์อื่นได้ การตกลงเช่นนี้ เป็นการตกลงขัดกับ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ พ.ศ. 2498 มาตรา 11 (3) ข้อตกลงซื้อขายเฉพาะเพื่อให้รื้อถอนไป จึงตกเป็นโมฆะ โจทก์จะขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนห้องพิพาทไปมิได้(คดีนี้ ผู้เช่าร้องสอดเข้าเป็นจำเลย)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1031/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายห้องเช่าเพื่อเลี่ยงสัญญาเช่า เป็นโมฆะ
โจทก์ไม่พอใจผู้เช่าเคหะของโจทก์ ได้เพียรพยายามจะให้ออกไปจากห้องเช่าทุกวิถีทางก็ไม่สำเร็จ จึงใช้วิธีขายเฉพาะตัวห้องพิพาทให้จำเลย โดยตกลงกันให้จำเลยรื้อห้องพิพาทไป ทั้งๆที่รู้อยู่ว่า ผู้เช่าก็ยังเช่าอยู่ เช่นนี้ย่อมเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต และเป็นการตกลงที่ทำให้โจทก์ผู้ให้เช่าหลุดพ้นจากหน้าที่หรือภาระซึ่งมีอยู่ตามสัญญาเช่า คือถ้าต้องรื้อห้องไป หน้าที่หรือภาระที่ห้องจะต้องปลูกอยู่ในที่ดินตรงนั้นก็หลุดพ้นไปคือ โจทก์เอาที่ดินตรงนั้นไปทำประโยชน์อื่นได้ การตกลงเช่นนี้ เป็นการตกลงขัดกับ พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯพ.ศ.2489 มาตรา 11(3) ข้อตกลงซื้อขายเฉพาะเพื่อให้รื้อถอนไป จึงตกเป็นโมฆะ โจทก์จะขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนห้องพิพาทไปมิได้(คดีนี้ผู้เช่าร้องสอดเข้าเป็นจำเลย)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินโดยรู้อยู่ว่ามีผู้ครอบครองยึดถืออยู่ ไม่ถือเป็นการซื้อโดยสุจริต
ซื้อที่ดินมีโฉนดมา 1 แปลงแต่ปรากฎว่า เมื่อผู้ซื้อไปดูที่ดินที่จะซื้อ ก็เห็นว่าจำเลยอยู่ในที่รายนี้โดยมีบ้านเรือนปลูกอยู่ มีกอไผ่ล้อมรั้วอยู่ในที่ดินส่วนหนึ่งก่อนแล้ว ผู้ซื้อก็มิได้ซักถามจำเลยหรือแม้แต่ตัวผู้ขายว่าจำเลยอยู่ในที่พิพาทได้ด้วยเหตุใด การที่ผู้ซื้อ ซึ้อไว้ทั้ง ๆที่รู้อยู่ว่าจำเลยได้ใช้สิทธิครอบครองที่รายพิพาทแยู่เช่นนี้ เท่ากับเป็นการซื้อโดยสุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินโดยรู้อยู่ว่ามีผู้อื่นครอบครอง ย่อมไม่เป็นการซื้อโดยสุจริต
ซื้อที่ดินมีโฉนดมา 1 แปลงแต่ปรากฏว่า เมื่อผู้ซื้อไปดูที่ดินที่จะซื้อก็เห็นจำเลยอยู่ในที่รายนี้โดยมีบ้านเรือนปลูกอยู่ มีกอไผ่ล้อมรั้วอยู่ในที่ดินส่วนหนึ่งก่อนแล้วผู้ซื้อก็มิได้ซักถามจำเลยหรือแม้แต่ตัวผู้ขายว่าจำเลยอยู่ในที่พิพาทได้ด้วยเหตุใด การที่ผู้ซื้อซื้อไว้ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าจำเลยได้ใช้สิทธิครอบครองที่รายพิพาทอยู่เช่นนี้ เท่ากับเป็นการซื้อคดีมาฟ้องร้อง เรียกไม่ได้ว่า ซื้อโดยสุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 264/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับมรดกโดยไม่สุจริตไม่ทำให้กรรมสิทธิของทายาทร่วมเสียไป สามารถฟ้องให้ศาลใส่ชื่อเป็นเจ้าของร่วมได้
ทายาทลำดับเดียวกันได้รับมรดดกเป็นที่ดินแล้ว ต่างได้ครอบครองเป็นเจ้าของร่วมกันมาเกินกว่า 10 ปีแล้ว โดยยังมิได้โอนโฉนดกัน ครั้งภายหลังทายาทคนหนึ่งไปประกาศขอรับมรดกใส่ชื่อตนเป็นเจ้าของเสียแต่ผู้เดียว ดังนี้ เมื่อได้ความว่า การที่เพราะเชื่อถ้อยคำของทายาทคนแรกว่าจะลงชื่อตนเป็นผู้รับมรดกด้วย ฉะนั้นการรับมรดกของทายาทคนแรกจึงเป็นไปโดยไม่สุจริต หาทำให้ทายาทอีกคนหนึ่งขาดกรรมสิทธิในที่ดินมรดกนั้นไม่ ทายาทผู้นั้นมีสิทธิฟ้องของให้ศาลใส่ชื่อตนเป็นเจ้าของร่วมด้วยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 264/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับมรดกโดยไม่สุจริตไม่ตัดสิทธิทายาทอื่นที่ครอบครองร่วมกัน แม้จะไม่ได้คัดค้าน
ทายาทลำดับเดียวกันได้รับมรดกเป็นที่ดินแล้ว ต่างได้ครอบครองเป็นเจ้าของร่วมกันมาเกินกว่า 10 ปีแล้ว โดยยังมิได้โอนโฉนดกันครั้นภายหลังทายาทคนหนึ่งไปประกาศขอรับมรดกใส่ชื่อตนเป็นเจ้าของเสียแต่ผู้เดียว ดังนี้ เมื่อได้ความว่า การที่ทายาทอีกคนหนึ่งไม่คัดค้านก็เพราะเชื่อถ้อยคำของทายาทคนแรกว่าจะลงชื่อตนเป็นผู้รับมรดกด้วย ฉะนั้นการรับมรดกของทายาทคนแรกจึงเป็นไปโดยไม่สุจริตหาทำให้ทายาทอีกคนหนึ่งขาดกรรมสิทธิ์ในที่ดินมรดกนั้นไม่ ทายาทผู้นั้นมีสิทธิฟ้องขอให้ศาลใส่ชื่อตนเป็นเจ้าของร่วมด้วยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 74/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินที่เกิดจากการสมยอมและปิดบังความจริงต่อศาล
ยื่นคำร้องต่อศาลขอเป็นผู้ปกครองเฉพาะทำนิติกรรมขายที่ดินของเด็ก แทนเด็ก ศาลไต่สวนแล้วมีคำสั่งอนุญาติ เมื่อปรากฎว่า การซื้อขายนั้นได้กระทำโดยสมยอมกันขายในราคาต่ำและปิดบังความจริงต่อศาล เด็กก็ย่อมมีสิทธิฟ้อง ขอให้ทำลายนิติกรรมการซื้อขายนั้นเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 74/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำนิติกรรมแทนเด็กโดยไม่ชอบ ศาลมีสิทธิเพิกถอนได้
ยื่นคำร้องต่อศาลขอเป็นผู้ปกครองเฉพาะทำนิติกรรมขายที่ดินของเด็ก แทนเด็ก ศาลไต่สวนแล้วมีคำสั่งอนุญาต เมื่อปรากฏว่าการซื้อขายนั้นได้กระทำโดยสมยอมกันขายในราคาต่ำและปิดบังความจริงต่อศาลเด็กก็ย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้ทำลายนิติกรรมการซื้อขายนั้นเสียได้