พบผลลัพธ์ทั้งหมด 810 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินพิพาทโดยผู้ซื้อทราบถึงการครอบครองของผู้อื่น ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
ซื้อที่มือเปล่าจากผู้ที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าของ โดยทราบอยู่แล้วว่า มีผู้ครอบครองอย่างเจ้าของอยู่หลายปีแล้วทั้งเมื่อขอทำสัญญาซื้อขายกันที่อำเภอ ผู้ครอบครองอยู่นั้นก็ได้ร้องคัดค้านไว้อีกแต่อำเภอกลับทำสัญญาซื้อขายให้ไปโดยเข้าใจผิดว่า ผู้ครอบครองไม่ติดใจคัดค้านแล้วนั้นถือว่าผู้ซื้อไม่สุจริต ไม่ได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1300
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินโดยผู้ซื้อทราบว่ามีผู้ครอบครองอยู่ก่อน ถือเป็นผู้ซื้อไม่สุจริต ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
ซื้อที่มือเปล่าจากผู้ที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าของ โดยทราบอยู่แล้วว่า มีผู้ครอบครองอย่างเจ้าของอยู่หลายปีแล้ว ทั้งเมื่อขอทำสัญญาซื้อขายกันที่อำเภอ ผู้ครอบครองอยู่นั้นก็ได้ร้องคัดค้านไว้อีก แต่อำเภอกลับทำสัญญาซื้อขายให้ไป โดยเข้าใจผิดว่า ผู้ครอบครองไม่ติดใจคัดค้านแล้วนั้น ถือว่า ผู้ซื้อไม่สุจริต ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 1300.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไถ่ถอนที่ดินขายฝาก: ผู้ขายละเลยสิทธิในกำหนดสัญญา ผู้ซื้อมีสิทธิปฏิเสธได้
ขายฝากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างกำหนดไถ่ถอนภายใน 5 ปีเมื่อจวนครบกำหนดเคยไปขอไถ่ถอนแก่ผู้รับซื้อไว้ 2 ครั้ง แต่ผู้รับซื้อขอผัดไปวันหลัง ผู้ขายก็ยินยอมจนเกินกำหนด 5 ปีแล้ว ผู้ซื้อก็ย่อมมีสิทธิปฏิเสธไม่ยอมให้ไถ่ถอนได้ เพราะผู้ขายละเลยไม่ใช่สิทธิของตนภายในกำหนดสัญญาเอง จะอ้างว่าผู้รับซื้อฝากใช้สิทธิ์ไม่สุจริตเพื่อชนะคดีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไถ่ถอนที่ดินขายฝากเกินกำหนด สิทธิของผู้รับซื้อและผลของการผัดผ่อน
ขายฝากที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กำหนดไถ่ถอนภายใน 5 ปี เมื่อจวนครบกำหนดเคยไปขอไถ่ถอนแก่ผู้รับซื้อไว้ 2 ครั้ง แต่ผู้รับซื้อขอผัดไปวันหลัง ผู้ขายก็ยินยอมจนเกินกำหนด 5 ปีแล้ว ผู้ซื้อก็ย่อมมีสิทธิปฏิเสธไม่ยอมให้ไถ่ถอนได้ เพราะผู้ชายละเลยไม่ใช่สิทธิของตนภายในกำหนดสัญญาเอง จะอ้างว่าผู้รับซื้อฝากใช้สิทธิ์ไม่สุจจริต เพื่อชนะคดีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 912/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายและการเลิกสัญญาเมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ สัญญาเป็นโมฆะเมื่อมีเหตุสุดวิสัย
สิ่งของที่ซื้อขายต้องถูกควบคุมอยู่ตาม กฎหมาย ผู้ซื้อและผู้ขายก็ทราบดีแล้วว่า การซื้อขายจะกระทำกันได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งไม่อนุญาตให้ผู้ขายขายแก่ผู้ซื้อผู้ซื้อก็ทราบแล้ว และยังได้วิ่งเต้นให้ผู้ขายขายสิ่งของนั้นแก่บุคคลอื่นอีก ถือได้ว่าผู้ซื้อและผู้ขายได้ตกลงเลิกสัญญาซื้อขายกันแล้ว ภายหลังที่พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต จะต้องสันนิษฐานว่าบุคคลกระทำการโดยสุจริต โจทก์จะอ้างความไม่สุจริตเพื่อหลอกลวงผู้อื่นขึ้นมาเป็นประโยชน์แก่ตนเองย่อมฟังไม่ขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 910/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เครื่องหมายการค้า การแจ้งความเท็จ และสิทธิในการคัดค้านการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า
เครื่องหมายการค้าที่ ก.ม.ลักษณะอาญา ม. 237 คุ้มครองไว้นั้น ย่อมหมายถึงเครื่องหมายที่ได้ใช้แล้วกับสินค้าที่ได้ใช้แล้วกับสินค้า รอยรูปขีดเขียนที่ประดิษฐ์ขึ้นแล้ว เก็บไว้โดยยังมิได้ใช้ในการค้าอย่างใด ๆ นั้น หาได้รับความคุ้มครองตาม ก.ม.ไม่
ในคดีมูลละเมิดฐานะทำให้โจทก์เสียหายต่อร่างกายและเสรีภาพนั้น โจทก์จะต้องสืบให้ได้ความว่า จำเลยได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อกระทำให้โจทก์ต้องเสียหายต่อร่างกายและเสรีภาพ เพียงแต่ได้ความว่าโจทก์ถูกตำรวจจับไป เนื่องจากคำซักทอดของผู้อื่นซึ่งจำเลยแจ้งความให้จับ โดยจำเลยไม่ทราบว่าเกี่ยวเนื่องถึงโจทก์ด้วยนั้น ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์
ยื่นคำคัดค้านการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ต่อนายทะเบียนโดยเชื่อว่าตนมีสิทธิในเครื่องหมายดีกว่าผู้ขอจดทะเบียนนั้น เป็นการใช้สิทธิในการคัดค้านโดยสุจริต
ในคดีมูลละเมิดฐานะทำให้โจทก์เสียหายต่อร่างกายและเสรีภาพนั้น โจทก์จะต้องสืบให้ได้ความว่า จำเลยได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อกระทำให้โจทก์ต้องเสียหายต่อร่างกายและเสรีภาพ เพียงแต่ได้ความว่าโจทก์ถูกตำรวจจับไป เนื่องจากคำซักทอดของผู้อื่นซึ่งจำเลยแจ้งความให้จับ โดยจำเลยไม่ทราบว่าเกี่ยวเนื่องถึงโจทก์ด้วยนั้น ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์
ยื่นคำคัดค้านการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ต่อนายทะเบียนโดยเชื่อว่าตนมีสิทธิในเครื่องหมายดีกว่าผู้ขอจดทะเบียนนั้น เป็นการใช้สิทธิในการคัดค้านโดยสุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 910/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เครื่องหมายการค้า การแจ้งความ และสิทธิคัดค้านการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า
เครื่องหมายการค้าที่ กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 237 คุ้มครองไว้นั้น ย่อมหมายถึงเครื่องหมายที่ได้ใช้แล้วกับสินค้า รอยรูป,ขีดเขียนที่ประดิษฐ์ขึ้นแล้ว เก็บไว้โดยยังมิได้ใช้ในการค้าอย่างใดๆ นั้น หาได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ไม่
ในคดีมูลละเมิดฐานทำให้โจทก์เสียหายต่อร่างกายและเสรีภาพนั้นโจทก์จะต้องสืบให้ได้ความว่า จำเลยได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อกระทำให้โจทก์ต้องเสียหายต่อร่างกายและเสรีภาพ เพียงแต่ได้ความว่าโจทก์ถูกตำรวจจับไป เนื่องจากคำซัดทอดของผู้อื่นซึ่งจำเลยแจ้งความให้จับ โดยจำเลยไม่ทราบว่าเกี่ยวเนื่องถึงโจทก์ด้วยนั้น ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์
ยื่นคำคัดค้านการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ต่อนายทะเบียนโดยเชื่อว่าตนมีสิทธิในเครื่องหมายดีกว่า ผู้ขอจดทะเบียนนั้น เป็นการใช้สิทธิในการคัดค้านโดยสุจริต
ในคดีมูลละเมิดฐานทำให้โจทก์เสียหายต่อร่างกายและเสรีภาพนั้นโจทก์จะต้องสืบให้ได้ความว่า จำเลยได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อกระทำให้โจทก์ต้องเสียหายต่อร่างกายและเสรีภาพ เพียงแต่ได้ความว่าโจทก์ถูกตำรวจจับไป เนื่องจากคำซัดทอดของผู้อื่นซึ่งจำเลยแจ้งความให้จับ โดยจำเลยไม่ทราบว่าเกี่ยวเนื่องถึงโจทก์ด้วยนั้น ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์
ยื่นคำคัดค้านการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ต่อนายทะเบียนโดยเชื่อว่าตนมีสิทธิในเครื่องหมายดีกว่า ผู้ขอจดทะเบียนนั้น เป็นการใช้สิทธิในการคัดค้านโดยสุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 544/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิไถ่คืนในสัญญาขายฝาก: ต้องฟ้องภายใน 10 ปี แม้ผู้รับฝากบิดพริ้ว
ในเรื่องขายฝากแม้ไปขอแล้ว ผู้ซื้อไม่ยอมให้ไถ่ผู้ขายฝากก็คงต้องฟ้องขอไถ่ภายในกำหนด 10 ปี
ในเรื่องที่ผู้ซื้อฝากไม่ยอมให้ไถ่ ผู้ขายฝากมาฟ้องเมื่อเกิน 10 ปี นับแต่ขายฝากนั้นผู้ขายฝากจะอ้างว่า ผู้รับขายฝากใช้สิทธิ์โดยไม่สุจจริตมาเป็นประโยชน์แก่คดีของตนไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องไม่ใช้สิทธิ์ของตนเอง
ในเรื่องที่ผู้ซื้อฝากไม่ยอมให้ไถ่ ผู้ขายฝากมาฟ้องเมื่อเกิน 10 ปี นับแต่ขายฝากนั้นผู้ขายฝากจะอ้างว่า ผู้รับขายฝากใช้สิทธิ์โดยไม่สุจจริตมาเป็นประโยชน์แก่คดีของตนไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องไม่ใช้สิทธิ์ของตนเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 544/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขอไถ่ที่ดินหลังสัญญาขายฝาก สิทธิจะขาดเสียหากไม่ฟ้องภายใน 10 ปี แม้ผู้รับฝากบิดพริ้ว
ในเรื่องขายฝากแม้ไปขอแล้ว ผู้ซื้อไม่ยอมให้ไถ่ ผู้ขายฝากก็คงต้องฟ้องขอไถ่ภายในกำหนด 10 ปี
ในเรื่องที่ผู้ซื้อฝากไม่ยอมให้ไถ่ ผู้ขายฝากมาฟ้องเมื่อเกิน 10 ปีนับแต่ขายฝากนั้น ผู้ขายฝากจะอ้างว่า ผู้รับขายฝากใช้สิทธิโดยไม่สุจริตมาเป็นประโยชน์แก่คดีของตนไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องไม่ใช้สิทธิของตนเอง
ในเรื่องที่ผู้ซื้อฝากไม่ยอมให้ไถ่ ผู้ขายฝากมาฟ้องเมื่อเกิน 10 ปีนับแต่ขายฝากนั้น ผู้ขายฝากจะอ้างว่า ผู้รับขายฝากใช้สิทธิโดยไม่สุจริตมาเป็นประโยชน์แก่คดีของตนไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องไม่ใช้สิทธิของตนเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 310/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาชดใช้ค่าเสียหายจากการยักยอกทรัพย์ การฟ้องซ้ำ และการไม่ต้องปิดอากรแสตมป์
ถอนฟ้องคดีแพ่งแล้วกลับมาฟ้องใหม่ได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่ง ม. 176 และไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต รับฝากของที่ขะโมยเขามา มารดาและพี่ของผู้รับฝากทำสัญญายอมใช้ราคาของที่ฝากให้แก่เจ้าของและคนขะโมย เจ้าของย่อมฟ้องเรียกเงินตามสัญญานั้นได้และสัญญาชะนิดนี้ไม่ใช่สัญญาประกันการทำยอมใช้ทรัพย์ยักยอกอันเป็นความผิด ส่วนตัวนั้นไม่นับว่าสัญญาเป็นโมฆะคนที่สามทำสัญญายอมรับใช้ทรัพย์แทนผู้รับฝากนั้นไม่ต้องปิดแสตมป์