พบผลลัพธ์ทั้งหมด 377 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8606/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการส่งมอบการครอบครองที่ดิน กรณีสัญญาซื้อขายและการทำกินต่างดอกเบี้ย
โจทก์ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตลอดมาตั้งแต่เวลาทำสัญญาซื้อขายในลักษณะเป็นเจ้าของโดยจำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้าน ถือว่าจำเลยได้ส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์แล้วตั้งแต่วันทำสัญญาซื้อขาย โจทก์ย่อมได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทโดยซื้อมาจากจำเลย จำเลยให้การต่อสู้ว่าให้โจทก์ทำกินในที่ดินพิพาทต่างดอกเบี้ย เท่ากับอ้างว่าสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทยังคงอยู่กับจำเลย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยมิได้วินิจฉัยเรื่องสิทธิครอบครองว่าเป็นของผู้ใด แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 เห็นสมควรวินิจฉัยให้โดยฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทแล้วพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ซึ่งไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้เป็นว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทโดยซื้อมาจากจำเลย จำเลยให้การต่อสู้ว่าให้โจทก์ทำกินในที่ดินพิพาทต่างดอกเบี้ย เท่ากับอ้างว่าสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทยังคงอยู่กับจำเลย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยมิได้วินิจฉัยเรื่องสิทธิครอบครองว่าเป็นของผู้ใด แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 เห็นสมควรวินิจฉัยให้โดยฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทแล้วพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ซึ่งไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้เป็นว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8387/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตขาดหาย: การกระทำโดยสุจริตเชื่อฟังคำสั่งผู้ให้เช่าซื้อ ยักยี้ทรัพย์สิน
ผู้เช่าซื้อบอกให้จำเลยไปขับรถออกมา เพราะผู้เช่าซื้อกับบริษัทผู้ให้เช่าซื้อตกลงกันได้แล้ว จำเลยก็ไปเอารถคืนมาและมอบให้แก่ผู้เช่าซื้อในทันที การที่จำเลยเข้าไปเอารถที่จอดอยู่และขับออกมาจากบริษัทผู้ให้เช่าซื้ออย่างเปิดเผยเป็นการกระทำโดยสุจริตและโดยเชื่อว่ามีการตกลงกันได้ตามที่ผู้เช่าซื้อบอกจำเลย การกระทำของจำเลยจึงขาดเจตนาทุจริต ไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8219/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นัดหมายโอนที่ดิน: การพิจารณาเจตนาคู่สัญญาและความสำคัญของเวลาเริ่มต้นดำเนินการ
โจทก์มาถึงสำนักงานที่ดินล่าช้าไปจากเวลานัดโอนที่ดินเพียง 25 นาที โดยฝ่ายจำเลยก็ยังพร้อมอยู่ที่สำนักงานที่ดินและยังคงเหลือเวลาดำเนินการอีกหลายชั่วโมง ย่อมไม่อาจถือได้ว่าคู่สัญญาในคดีนี้ถือเวลาที่แตกต่างกันดังกล่าวเป็นสาระสำคัญถึงขนาดทำให้อีกฝ่ายหนึ่งบอกเลิกสัญญาโดยไม่มีการผ่อนผันกันก่อนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8086/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายยาเสพติด: การส่งมอบยาบางส่วนแล้วถูกจับกุม ถือเป็นกรรมเดียว
จำเลยตกลงจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 140 เม็ด แบ่งบรรจุเป็น 2 ถุง ถุงละ 70เม็ดติดตัวมาส่งมอบให้แก่จ่าสิบตำรวจ ก. ซึ่งปลอมตัวเป็นผู้ซื้อ เมื่อจำเลยส่งมอบเมทเฟตามีนถุงแรกจำนวน 70 เม็ด แก่จ่าสิบตำรวจ ก. แล้ว แม้จำเลยจะถูกจับกุมทันทีโดยที่ยังไม่ทันได้ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนถุงที่สอง เช่นนี้ ก็ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาจำหน่ายและส่งมอบเมทแอมเฟตามีนจำนวนทั้งหมด 2 ถุง ที่นำติดตัวมาแก่จ่าสิบตำรวจ . ตามที่ได้ตกลงซื้อขายในคราวเดียวกัน หาใช่กรณีจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามจำนวนที่ได้ตกลงซื้อขายกันไปแล้ว และยังคงมีเหลืออยู่ในครอบครองของจำเลยอีกจำนวนหนึ่งเพื่อจำหน่ายในคราวต่อไป เพราะเมทแอมเฟตามีนทั้ง 2 ถุง เป็นเมทแอมเฟตามีนจำนวนเดียวกับที่จำเลยได้ตกลงซื้อจขายและจำส่งมอบให้แก่จ่าสิบตำรวจ ก. ทั้งหมดในคราวเดียวกันนั้นเองการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8086/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายยาเสพติดกรรมเดียว: เจตนาจำหน่ายทั้งหมดในคราวเดียว แม้ส่งมอบไม่ครบ
การที่จำเลยตกลงจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 140 เม็ดแล้วนำเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2 ถุง ถุงละ 70 เม็ดติดตัวมาส่งมอบให้แก่จ่าสิบตำรวจ ก. เมื่อจำเลยส่งมอบเมทแอมเฟตามีนถุงแรกแล้วก็ถูกจับกุมทันที โดยที่ยังไม่ทันส่งมอบถุงที่สอง เช่นนี้ จำเลยมีเจตนาจำหน่ายและจะส่งมอบเมทแอมเฟตามีนจำนวนทั้งหมด 2 ถุง ที่นำติดตัวมาตามที่ได้ตกลงซื้อขายในคราวเดียวกัน หาใช่กรณีจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามจำนวนที่ได้ตกลงซื้อขายกันไปแล้วและยังคงมีเหลืออยู่ในครอบครองของจำเลยอีกจำนวนหนึ่งเพื่อจำหน่ายในคราวต่อไปไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว หาใช่ความผิดหลายกรรมต่างกันไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7991/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งคำคู่ความที่ผิดระเบียบและการเพิกถอนกระบวนพิจารณาหลังมีคำพิพากษา
บทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 บัญญัติขึ้นใช้กับกรณีที่คู่ความฝ่ายที่เสียหายได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างของการผิดระเบียบนั้นก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเท่านั้น มิอาจใช้แก่กรณีที่คู่ความฝ่ายที่เสียหายเพิ่งทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างของการผิดระเบียบนั้นภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตและมีคำสั่งว่าที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แต่เมื่อได้ความว่าผู้คัดค้านมีภูมิลำเนาที่แน่นอน การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องงดส่งสำเนาคำร้องขอให้แก่ทายาทของผู้มีชื่อในโฉนดเนื่องจากเชื่อตามคำแถลงของผู้ร้องซึ่งไม่เป็นความจริงโดยมิได้ให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งคัดค้านก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 21(2) จึงเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมในเรื่องการส่งคำคู่ความ เมื่อผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว แต่ศาลชั้นต้นมีความเห็นว่าคำสั่งศาลชั้นต้นถึงที่สุดแล้ว จึงไม่มีเหตุยกคดีขึ้นพิจารณาอีกนั้น ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นเสียทั้งหมด หรือบางส่วน หรือสั่งแก้ไขหรือมีคำสั่งในเรื่องนั้นอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ศาลเห็นสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7991/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบเรื่องการส่งคำคู่ความ แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งถึงที่สุดแล้ว
ป.วิ.พ. มาตรา 27 วรรคสอง ที่บัญญัติว่า ข้อค้านเรื่องผิดระเบียบนั้น คู่ความฝ่ายที่เสียหายอาจยกขึ้นว่ากล่าวได้ไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนมีคำพิพากษา แต่ต้องไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่วันที่คู่ความฝ่ายนั้นได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้น บัญญัติขึ้นใช้กับกรณีที่คู่ความฝ่ายที่เสียหายได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้น บัญญัติขึ้นใช้กันกรณีที่คู่ความฝ่ายที่เสียหายได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งของการผิดระเบียบนั้นก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเท่านั้น มิอาจใช้แก่กรณีที่คู่ความฝ่ายที่เสียหายเพิ่งทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างของการผิดระเบียบนั้นภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว
เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องส่งสำเนาคำร้องขอให้แก่ผู้มีชื่อในโฉนดหรือทายาท ผู้ร้องยื่นคำแถลงว่า ทายาทของผู้มีชื่อในโฉนดหายสาบสูญ ไม่ทราบที่อยู่แน่นอน ส่วนผู้มีชื่อในโฉนด ถึงแก่กรรมแล้ว ของดส่งสำเนาคำร้องขอให้ผู้มีชื่อในโฉนดและทายาท ศาลชั้นต้นอนุญาต คงมีแต่ประกาศคำร้องขอทางหนังสือพิมพ์สายกลางและปิดประกาศคำร้องขอไว้ ณ บริเวณที่ทรัพย์ตั้งอยู่ ร้านค้าในหมู่บ้านอันเป็นที่ชุมชน ใกล้เคียงที่ทรัพย์ตั้งอยู่ หน้าที่ว่าการอำเภอและหน้าศาลชั้นต้นเท่านั้น หากได้ความว่าผู้คัดค้านซึ่งเป็นทายาทของผู้มีชื่อในโฉนดมีภูมิลำเนาแน่นอน การส่งคำคู่ความด้วยวิธีการดังกล่าวข้างต้นย่อมไม่ชอบ การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องงดส่งสำเนาคำร้องขอให้ผู้คัดค้านก็เนื่องจากเชื่อตามคำแถลงของผู้ร้องว่าทายาทของผู้มีชื่อในโฉนดสาบสูญไปซึ่งไม่เป็นความจริง จึงเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. ในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมในเรื่องการส่งคำคู่ความ ในกรณีเช่นนี้ เมื่อความปรากฏชัดแจ้งต่อศาลและศาลเห็นสมควร ศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้ เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นเสียทั้งหมดหรือบางส่วน หรือสั่งแก้ไขหรือมีคำสั่งในเรื่องนั้นอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ศาลเห็นสมควร ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 วรรคหนึ่ง
เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องส่งสำเนาคำร้องขอให้แก่ผู้มีชื่อในโฉนดหรือทายาท ผู้ร้องยื่นคำแถลงว่า ทายาทของผู้มีชื่อในโฉนดหายสาบสูญ ไม่ทราบที่อยู่แน่นอน ส่วนผู้มีชื่อในโฉนด ถึงแก่กรรมแล้ว ของดส่งสำเนาคำร้องขอให้ผู้มีชื่อในโฉนดและทายาท ศาลชั้นต้นอนุญาต คงมีแต่ประกาศคำร้องขอทางหนังสือพิมพ์สายกลางและปิดประกาศคำร้องขอไว้ ณ บริเวณที่ทรัพย์ตั้งอยู่ ร้านค้าในหมู่บ้านอันเป็นที่ชุมชน ใกล้เคียงที่ทรัพย์ตั้งอยู่ หน้าที่ว่าการอำเภอและหน้าศาลชั้นต้นเท่านั้น หากได้ความว่าผู้คัดค้านซึ่งเป็นทายาทของผู้มีชื่อในโฉนดมีภูมิลำเนาแน่นอน การส่งคำคู่ความด้วยวิธีการดังกล่าวข้างต้นย่อมไม่ชอบ การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องงดส่งสำเนาคำร้องขอให้ผู้คัดค้านก็เนื่องจากเชื่อตามคำแถลงของผู้ร้องว่าทายาทของผู้มีชื่อในโฉนดสาบสูญไปซึ่งไม่เป็นความจริง จึงเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. ในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมในเรื่องการส่งคำคู่ความ ในกรณีเช่นนี้ เมื่อความปรากฏชัดแจ้งต่อศาลและศาลเห็นสมควร ศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้ เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นเสียทั้งหมดหรือบางส่วน หรือสั่งแก้ไขหรือมีคำสั่งในเรื่องนั้นอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ศาลเห็นสมควร ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7759/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำซัดทอดผู้ต้องหาอื่นไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ศาลต้องพิจารณาพยานหลักฐานอื่นประกอบ หากไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุน คำพิพากษาไม่น่าฟัง
เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยตามที่ อ. บอกแก่เจ้าพนักงานตำรวจว่า จำเลยเป็นผู้มอบเมทแอมเฟตามีนให้ อ. จำหน่าย ในส่วนคำซัดทอดของ อ. นั้น ปรากฏว่า อ. ให้การต่อพนักงานสอบสวนในคดีอาญาอื่นที่ถูกฟ้องว่าจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน กับให้ถ้อยคำต่อพนักงานคุมประพฤติผู้สืบเสาะข้อเท็จจริงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงแสดงให้เห็นถึงการไม่อยู่กับร่องกับรอยของ อ. คำซัดทอดของอ. จึงไม่มีน้ำหนัก เมื่อโจทก์มีเพียงคำซัดทอดของ อ. เท่านั้นว่าจำเลยเป็นผู้มอบเมทแอมเฟตามีนให้ อ. จำหน่าย และโจทก์ก็ไม่ได้นำ อ. มาเบิกความต่อศาล เพื่อจำเลยจะได้มีโอกาสซักค้านและนำสืบหักล้างเพื่อศาลจะได้พิจารณาคำเบิกความของ อ. ว่าน่าเชื่อถือหรือพอจะรับฟังได้หรือไม่พยานหลักฐานโจทก์จึงยังไม่มีน้ำหนักที่จะฟังว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองร่วมกับ อ. เพื่อจำหน่าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7688/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นอำนาจฟ้องที่เสนอหลังพ้นกำหนด และยืนตามศาลชั้นต้นเรื่องฟ้องไม่เคลือบคลุมและสัญญาเช่า
การตั้งประเด็นในฎีกาเพื่อขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยนั้น ต้องกล่าวไว้โดยชัดแจ้งในฎีกา จะทำเป็นคำแถลงการณ์หาได้ไม่ ดังนั้น แม้จำเลยจะยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฎีกาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีไม่ปิดอากรแสตมป์ก็ตาม แต่จำเลยยื่นหลังจากพ้นกำหนดระยะเวลายื่นฎีกาแล้ว คำร้องดังกล่าวของจำเลยเป็นเพียงคำแถลงการณ์เท่านั้น จึงไม่ก่อให้เกิดประเด็นในชั้นฎีกา
แม้โจทก์จะตั้ง จ. เป็นตัวแทนทำสัญญาเช่าอาคารพิพาทกับจำเลยโดยมิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 789 ก็ตาม แต่จำเลยยอมรับว่าจำเลยเช่าอาคารพิพาทตามที่โจทก์ฟ้อง และโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาเช่าแก่จำเลยแล้ว อีกทั้งคดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย อันเป็นเรื่องที่จำเลยและบริวารอยู่ในอาคารที่เช่าโดยละเมิดโจทก์จึงมีอำนาจขับไล่จำเลยและบริวารออกจากอาคารพิพาทและเรียกค่าเสียหายโดยมิต้องอาศัยสัญญาเช่าแต่ประการใด
แม้โจทก์จะตั้ง จ. เป็นตัวแทนทำสัญญาเช่าอาคารพิพาทกับจำเลยโดยมิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 789 ก็ตาม แต่จำเลยยอมรับว่าจำเลยเช่าอาคารพิพาทตามที่โจทก์ฟ้อง และโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาเช่าแก่จำเลยแล้ว อีกทั้งคดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย อันเป็นเรื่องที่จำเลยและบริวารอยู่ในอาคารที่เช่าโดยละเมิดโจทก์จึงมีอำนาจขับไล่จำเลยและบริวารออกจากอาคารพิพาทและเรียกค่าเสียหายโดยมิต้องอาศัยสัญญาเช่าแต่ประการใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7673/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องมีรายละเอียดชัดเจนเพียงพอให้เจ้าหนี้โต้แย้งได้ การที่คำสั่งไม่ชัดเจนถือเป็นเหตุให้ศาลรับคำคัดค้านได้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการของเจ้าหนี้โดยมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้เพียงบางส่วน แต่มิได้แสดงโดยชัดแจ้งในรายละเอียดของข้อเท็จจริงและเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยทั้งปวง เพื่อแสดงว่ามูลหนี้ที่ผู้ร้องได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้นั้นในแต่ละอันดับ ผู้ร้องมีสิทธิได้รับชำระหนี้เพียงใด และไม่มีรายละเอียดว่าผู้ร้องคำนวณผิดพลาดคลาดเคลื่อนในมูลหนี้อันดับใด อย่างไร เป็นข้อวินิจฉัยที่รวบรัดและเคลือบคลุม อันเป็นการยากที่ผู้ร้องจะมีโอกาสหยั่งทราบถึงเหตุผลและรายละเอียดในคำสั่งและโต้แย้งคัดค้านได้ถูกต้อง การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าผู้ร้องส่งพยานเอกสารครบถ้วนถูกต้องแล้ว และลูกหนี้เป็นหนี้ผู้ร้องตามจำนวนที่ขอรับชำระหนี้มาและขอให้พิจารณาทบทวนพยานหลักฐานและเอกสารทั้งหมด เพื่อคำนวณรายการหนี้ใหม่ให้ถูกต้องและแก้ไขคำสั่งให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้ในส่วนที่ยังขาด รวมตลอดทั้งโต้แย้งในมูลหนี้ภาระค้ำประกันว่าผู้ร้องออกหนังสือค้ำประกันให้แก่ลูกหนี้ไว้ เมื่อถูกเรียกเก็บเงินมาจำต้องจ่ายเงินตามภาระค้ำประกัน จึงชอบที่จะได้รับชำระหนี้ในส่วนนี้ทั้งหมดนั้น เป็นการโต้แย้งตามสภาพที่เปิดช่องให้อยู่ในวิสัยที่พึงกระทำได้แล้ว จึงถือได้ว่าคำร้องคัดค้านของผู้ร้องเป็นการคัดค้านคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/32 วรรคสาม แล้ว