คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมชาย พงษธา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 609 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3654/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำเลยในการไม่ขอทนาย และการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีที่ชอบด้วยกฎหมาย
ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นท้ายคำให้การจำเลยปรากฏว่า ศาลชั้นต้นได้อ่านอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังจนเข้าใจ โดยสอบเรื่องทนายความแล้ว จำเลยแถลงไม่ต้องการทนายความช่วยเหลือ และให้การรับสารภาพตามฟ้อง จึงเป็นกรณีที่ก่อนเริ่มพิจารณาศาลชั้นต้นได้ถามจำเลยว่ามีทนายความหรือไม่แล้ว และเมื่อจำเลยแถลงไม่ต้องการทนายความ ย่อมไม่มีกรณีที่ศาลชั้นต้นต้องตั้งทนายความให้จำเลย กระบวนพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นจึงชอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 173 วรรคสอง แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3509/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนายิงประทุษร้ายผู้เสียหายในห้องนอน ย่อมเข้าข่ายความผิดฐานพยายามฆ่า แม้ไม่เห็นตัวผู้เสียหาย
การที่จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงเข้าไปในห้องนอนของผู้เสียหายนั้น จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่ากระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายถึงแก่ชีวิตได้ มิใช่เป็นกรณีที่จำเลยยิงปืนเพียงเพื่อข่มขู่ผู้เสียหายเท่านั้น จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 228,80

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3509/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนายิงประทุษร้ายถึงแก่ชีวิต แม้ไม่เห็นตัวผู้เสียหาย ถือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
การที่จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงเข้าไปในห้องนอนของผู้เสียหายนั้น จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า กระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายถึงแก่ชีวิตได้ มิใช่เป็นกรณีที่จำเลยยิงปืนเพียงเพื่อขมขู่ผู้เสียหายเท่านั้น จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามป.อ. มาตรา 228, 80

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3245/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตตั้งแต่แรกเป็นสำคัญ: ลักทรัพย์ vs ฉ้อโกง และการพิจารณาลดโทษจากค่าชดใช้
จำเลยที่ 1 และที่ 3 กับพวกมีเจตนาทุจริตที่จะเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปตั้งแต่เบื้องต้น ส่วนการหลอกลวงว่าจะรับซื้อที่ดินจำนวนมากก็ดี หรือการหลอกลวงว่าจะพาไปซื้อรถยนต์ราคาถูกก็ดี ล้วนเป็นการสร้างกลอุบายเพื่อให้บรรลุผลเอาเงินสดของผู้เสียหายไปโดยทุจริตอันเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ หาใช่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3031/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์, สิทธิในที่ดิน, และการโอนสิทธิโดยสุจริต: ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยครอบครองปรปักษ์ที่ดินส่วนพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้วหรือไม่ หากจำเลยครอบครองปรปักษ์ที่ดินส่วนพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้ว ย่อมมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยต่อไปว่า ส. และโจทก์ได้ที่ดินแปลงพิพาทโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนโดยสุจริตหรือไม่ และจำเลยจะยกการได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ในที่ดินส่วนพิพาทขึ้นต่อสู้ ส. และโจทก์ได้หรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า ส. ได้ที่ดินแปลงพิพาทมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว จึงไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
จำเลยให้การเพียงว่าจำเลยครอบครองปรปักษ์ที่ดินส่วนพิพาทมาเป็นเวลาประมาณ 25 ปี มิได้ให้การต่อสู้ว่า ส. มิใช่บุคคลภายนอกและซื้อที่ดินแปลงพิพาทโดยไม่สุจริต ส. ย่อมได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 6 ว่ากระทำการโดยสุจริต การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 รับฟังว่า ส. ซื้อที่ดินแปลงพิพาทโดยสุจริตตามข้อสันนิษฐานดังกล่าว จึงเป็นการรับฟังข้อเท็จจริงที่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3031/2545 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการสันนิษฐานความสุจริตของผู้โอนสิทธิที่ดิน
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทโดยซื้อจาก ส. ขอให้ขับไล่จำเลยและให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การเพียงว่า จำเลยครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทมาเป็นเวลา 25 ปีแล้ว มิได้ให้การต่อสู้ว่า ส. มิใช่บุคคลภายนอกและซื้อที่ดินพิพาทโดยไม่สุจริต ส. ย่อมได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตาม ป.พ.พ. มาตรา 6 ว่ากระทำการโดยสุจริต การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 รับฟังว่า ส. ซื้อที่ดินพิพาทโดยสุจริตตามข้อสันนิษฐานดังกล่าว เป็นการรับฟังข้อเท็จจริงที่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3031/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์: สิทธิโดยอายุความและการซื้อขายโดยสุจริตของผู้โอนสิทธิ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินแปลงพิพาทโดยจดทะเบียนซื้อมาจาก ส. จำเลยอยู่ในที่ดินส่วนพิพาทโดยอาศัย ส. ขอให้ขับไล่จำเลยให้การว่า จำเลยครอบครองที่ดินส่วนพิพาทด้วยความสงบ เปิดเผยและเจตนายึดถือเพื่อตนมาเป็นเวลาประมาณ25 ปีแล้ว จึงได้สิทธิโดยอายุความ โจทก์เพิ่งซื้อจาก ส. ในภายหลังจึงไม่มีอำนาจฟ้องดังนี้คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยครอบครองปรปักษ์จนได้กรรมสิทธิ์แล้วหรือไม่ หากฟังได้ว่าจำเลยครอบครองปรปักษ์ย่อมมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยต่อไปว่า ส. และโจทก์ได้ที่ดินมาโดยเสียค่าตอบแทน และโดยสุจริต และได้จดทะเบียนโดยสุจริตหรือไม่และจำเลยจะยกการได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ขึ้นต่อสู้ ส. และโจทก์ได้หรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ส. ได้ที่ดินแปลงพิพาทมาโดยเสียค่าตอบแทน และโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว จึงไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
จำเลยให้การเพียงว่า จำเลยครอบครองปรปักษ์ที่ดินส่วนพิพาทมาเป็นเวลาประมาณ 25 ปีแล้ว มิได้ให้การว่า ส. มิใช่บุคคลภายนอกและซื้อที่ดินแปลงพิพาทจาก บ. โดยไม่สุจริต ส. ย่อมได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 6 ว่ากระทำการโดยสุจริต เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏเป็นอย่างอื่น การที่ศาลอุทธรณ์รับฟังว่า ส. ซื้อที่ดินแปลงพิพาทโดยสุจริตตามข้อสันนิษฐานดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2894/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในรถเช่าซื้อยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้อแม้มีการนำไปใช้กระทำผิด ผู้ร้องมีสิทธิขอคืนได้
บริษัทผู้ร้องให้ ณ. เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของกลาง ณ. ชำระเรื่อยมา จำเลยก็นำรถของกลางไปกระทำผิด ดังนี้ กรรมสิทธิ์ในรถของกลางยังเป็นของผู้ร้องอยู่ ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขอคืนรถของกลางได้ เมื่อจำเลยกระทำผิดโดยลำพัง ซึ่ง ณ. และผู้อื่นมิได้รู้เห็นเกี่ยวข้องด้วย การที่ผู้ร้องขอคืนรถของกลางเพื่อให้ ณ. ปฏิบัติตามสัญญาเช่าซื้อต่อไป จึงมิได้เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของผู้กระทำผิดอันเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตแต่อย่างใด ต้องคืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2888/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาชี้การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต้องปฏิบัติตามมาตรา 234 วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมหรือประกัน
แม้คำร้องของจำเลยจะสรุปข้อเท็จจริงถึงเหตุที่ต้องขยายระยะเวลาอุทธรณ์และเหตุที่ทำให้จำเลยเข้าใจผิดเกี่ยวกับกำหนดวันครบอุทธรณ์ตามคำสั่งของศาลชั้นต้นก็ตามแต่ข้อความแรกอันเป็นชื่อคำร้องจำเลยระบุยืนยันว่าเป็นเรื่องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์เท่านั้น ข้อความอันเป็นส่วนเนื้อหาก็มิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าเป็นการอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาอุทธรณ์แต่อย่างใด ทั้งคำขอบังคับจำเลยก็สรุปเพียงขอให้ศาลมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาเท่านั้น คำร้องอุทธรณ์ของจำเลยจึงแสดงโดยแจ้งชัดว่าเป็นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย โดยมีข้อเท็จจริงเรื่องเหตุจำเป็นต้องยื่นขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์และเหตุเข้าใจผิดพลาดเกี่ยวกับกำหนดวันครบอุทธรณ์เพื่อประกอบการวินิจฉัย ให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณา หาใช่เป็นการอุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาอุทธรณ์แต่อย่างใด จำเลยจึงต้องนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามศาลอุทธรณ์จึงชอบที่จะยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2888/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ จำเลยต้องปฏิบัติตามมาตรา 234 วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมหรือหาประกัน
แม้คำร้องของจำเลยจะได้บรรยายถึงข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุที่จำต้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์และเหตุที่ทำให้จำเลยเข้าใจผิดพลาดในกำหนดวันครบอุทธรณ์ตามคำสั่งของศาลชั้นต้นมาด้วยก็ตาม แต่ข้อความแรกอันเป็นชื่อคำร้องนั้น จำเลยได้ระบุยืนยันว่าเป็นเรื่องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์เท่านั้น ข้อความอันเป็นส่วนเนื้อหาของคำร้องจำเลยก็มิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า เป็นการอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาอุทธรณ์แต่อย่างใด ทั้งคำขอบังคับจำเลยก็สรุปเพียงพอขอให้ศาลมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาเท่านั้น คำร้องอุทธรณ์ของจำเลยจึงแสดงโดยแจ้งชัดว่าเป็นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย หาใช่เป็นการอุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาอุทธรณ์แต่อย่างใด จำเลยจึงต้องนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาให้ไว้ต่อศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว จึงชอบที่ศาลอุทธรณ์จะยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย
of 61