พบผลลัพธ์ทั้งหมด 276 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4768/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: การใช้อาวุธปืนปล้นทรัพย์ - ลงโทษฐานหนักที่สุด
ความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนที่ไม่อาจออกใบอนุญาตได้ไว้ในครอบครองและความผิดฐานร่วมกันใช้อาวุธปืนที่ไม่อาจออกใบอนุญาตได้ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 78 วรรคหนึ่ง กฎหมายบัญญัติบทความผิดและบทลงโทษไว้ในบทมาตราเดียวกัน ย่อมเห็นเจตนารมณ์ของกฎหมายได้ว่า มีความประสงค์จะให้ความผิดทั้งสองฐานนี้เป็นกรรมเดียวกัน ส่วนความผิดฐานร่วมกันใช้อาวุธปืนที่ไม่อาจออกใบอนุญาตได้ ตามมาตรา 78 วรรคสาม เป็นบทหนักสำหรับผู้กระทำความผิดฐานใช้อาวุธปืนที่ไม่อาจออกใบอนุญาตได้ หากได้นำอาวุธปืนดังกล่าวไปใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 มาตรา 313 มาตรา 337 มาตรา 339 หรือมาตรา 340 ดังนั้น เมื่อจำเลยร่วมกันมีอาวุธปืนและร่วมกันใช้อาวุธปืนดังกล่าวเพื่อประสงค์อันเดียวกันในการร่วมกันปล้นทรัพย์และร่วมกันใช้อาวุธปืนต่อเนื่องจากการร่วมกันมีอาวุธปืนการกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันใช้อาวุธปืนที่ไม่อาจออกใบอนุญาตได้กระทำความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 78 วรรคสาม อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2509/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำมั่นสัญญาเช่าและผลผูกพันตามประกาศของรัฐวิสาหกิจ การบังคับสัญญาเช่าเมื่อมีเงื่อนไขครบถ้วน
ประกาศการรถไฟแห่งประเทศไทยมีข้อความระบุถึงการจัดพื้นที่ชดเชยให้แก่กลุ่มร้านค้าบริเวณตลาดนัดซันเดย์ที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการพัฒนาพื้นที่กับจำเลย จะได้รับสิทธิการเช่าโครงการใหม่มีกำหนดระยะเวลา 10 ปี ข้อความดังกล่าวเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยผู้ให้เช่าฝ่ายเดียว ประกาศดังกล่าวจึงถือเป็นคำมั่นแก่ผู้ค้ารวมทั้งโจทก์ว่าหากผู้ค้าตกลงเข้าร่วมโครงการจะได้รับสิทธิเช่าอาคารมีกำหนด 10 ปี โดยเงื่อนไขว่าผู้จะได้รับสิทธิการเช่าจะต้องร่วมออกค่าก่อสร้างโครงการใหม่ ต้องชำระค่าเช่าตามอัตราที่จำเลยกำหนด และชำระค่าธรรมเนียมจัดประโยชน์ล่วงหน้าจำนวน 10,000 บาท ตลอดจนให้ความร่วมมือในการรื้อถอนอาคารร้านค้าเดิมที่กีดขวางการก่อสร้างโครงการใหม่
โจทก์และจำเลยตกลงทำสัญญาเช่าอาคารพิพาทต่อกัน แสดงว่าโจทก์ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่จำเลยกำหนดไว้ในประกาศของจำเลยซึ่งเป็นคำมั่นจะให้เช่า และเป็นการแสดงเจตนาของโจทก์ที่จะสนองรับคำมั่นตามประกาศของจำเลยภายในเวลาที่กำหนดแล้ว จำเลยจึงต้องผูกพันตามคำมั่นของตนและตกเป็นลูกหนี้ที่โจทก์มีสิทธิจะฟ้องบังคับให้จำเลยทำสัญญาเช่าอาคารพิพาทกับโจทก์ต่อไปจนครบระยะเวลาตามประกาศดังกล่าวได้
โจทก์และจำเลยตกลงทำสัญญาเช่าอาคารพิพาทต่อกัน แสดงว่าโจทก์ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่จำเลยกำหนดไว้ในประกาศของจำเลยซึ่งเป็นคำมั่นจะให้เช่า และเป็นการแสดงเจตนาของโจทก์ที่จะสนองรับคำมั่นตามประกาศของจำเลยภายในเวลาที่กำหนดแล้ว จำเลยจึงต้องผูกพันตามคำมั่นของตนและตกเป็นลูกหนี้ที่โจทก์มีสิทธิจะฟ้องบังคับให้จำเลยทำสัญญาเช่าอาคารพิพาทกับโจทก์ต่อไปจนครบระยะเวลาตามประกาศดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11662/2554
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความ 'การกสิกรรม' ในความผิดฐานลักทรัพย์ ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขบทลงโทษตามกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 335 (12) คำว่า การกสิกรรม หมายถึง การเพาะปลูก ไก่จึงไม่ใช่เป็นสัตว์ที่ได้มาจากการกสิกรรมตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้อง ที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 335 (12) จึงไม่ถูกต้อง ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีฝ่ายใดยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกและแก้ไขให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11030/2554
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองเมทแอมเฟตามีนปริมาณเกินเกณฑ์ตามกฎหมาย ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่ายได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีน 19 เม็ด น้ำหนัก 1.77 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 0.327 กรัม แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องโดยใช้คำว่า "น้ำหนักสุทธิ" แต่ก็เห็นได้ว่าการใช้คำว่า "น้ำหนัก" เป็นการหมายถึงเฉพาะน้ำหนักของเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องเท่านั้น ซึ่งมีความหมายเดียวกัน เมื่อเมทแอมเฟตามีนของกลางมีน้ำหนักสุทธิตั้งแต่หนึ่งจุดห้ากรัมขึ้นไปไว้ในครอบครอง ดังนี้ เมทแอมเฟตามีนตามฟ้องจึงมีปริมาณต้องด้วยบทบัญญัติตามมาตรา 15 วรรคสาม (2) แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีน 19 เม็ด ของกลางไว้ในครอบครอง กรณีจึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามบทบัญญัติของกฎหมาย ที่ให้ถือว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9321/2554
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารสิทธิ จำเป็นต้องพิสูจน์ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโจทก์โดยตรง
เอกสารสิทธิที่มีการปลอมและนำไปใช้ไม่จำต้องเป็นของโจทก์ เพียงแต่มีการนำเอกสารที่รับฟังได้ว่ามีการปลอมไปใช้เป็นผลเสียหายแก่โจทก์ โจทก์ย่อมได้รับความเสียหายและถือเป็นผู้เสียหายในความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 2 (4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6912/2554
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริง: การพิจารณาคำสั่งศาลชั้นต้นทั้งในคำร้องและคำสั่งรับอุทธรณ์ประกอบกัน
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นรับรองอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นมีคำสั่งคำร้องดังกล่าวว่า "พิเคราะห์แล้ว มีเหตุอันควรอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้" และมีคำสั่งในอุทธรณ์ในวันเดียวกันว่า "ศาลรับรองให้จำเลยอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ รับอุทธรณ์ของจำเลย..." ซึ่งการรับรองอุทธรณ์ของผู้อุทธรณ์ว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้นั้น ต้องเป็นการรับรองโดยชัดแจ้ง แม้คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งในคำร้องขอให้รับรองอุทธรณ์จะไม่มีข้อความยืนยันว่าตนรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงก็ตาม แต่ขณะเดียวกันศาลชั้นต้นโดยผู้พิพากษานายเดียวกันได้มีคำสั่งในอุทธรณ์ของจำเลยมีข้อความยืนยันรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ เมื่อนำคำสั่งที่ศาลชั้นต้นสั่งในคำร้องและอุทธรณ์มาพิจารณาประกอบกันรับฟังได้ว่า คำรับรองของศาลชั้นต้นมีข้อความที่แสดงให้เห็นว่าเป็นการรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง จึงถือว่าเป็นการรับรองอุทธรณ์โดยชัดแจ้งแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6202/2554
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานผลิตและครอบครองวัตถุอันตราย ปุ๋ยเคมี และการใช้ชื่อการค้าผู้อื่น ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อเดือนมกราคม 2548 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 25 มีนาคม 2548 เวลากลางวันต่อเนื่องกัน ระหว่างวันใดไม่ปรากฏชัด จำเลยผลิตด้วยวิธีการผสมและแบ่งบรรจุวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ของกลาง จากนั้นจำเลยได้ครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ดังกล่าวซึ่งเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ปลอม เพื่อนำออกจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีคำขอท้ายฟ้องระบุกฎหมายที่จำเลยกระทำความผิดและบทมาตราที่ขอให้ลงโทษในความผิดดังกล่าว คำฟ้องของโจทก์ได้ระบุการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3937/2554
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบโทรศัพท์มือถือในคดียาเสพติด: ต้องมีหลักฐานการใช้เพื่อกระทำความผิดโดยตรง
โจทก์มิได้นำสืบถึงรายการการใช้โทรศัพท์ระหว่างสายลับกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ได้ว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ ยานพาหนะหรือวัตถุอื่นใดซึ่งจำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามที่โจทก์ฟ้องโดยตรง และไม่ใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดหรือได้มาโดยได้กระทำความผิดซึ่งหมายถึงความผิดตามฐานที่โจทก์ฟ้องเท่านั้น จึงไม่อาจริบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฯ มาตรา 102 และ ป.อ. มาตรา 33 ทั้งโทรศัพท์เคลื่อนที่ดังกล่าวไม่ใช่ทรัพย์สินที่ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิดอันจะต้องริบเสียทั้งสิ้นตาม ป.อ. มาตรา 32 และปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3318/2554
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย แม้ไม่ได้ร่วมทำร้ายโดยตรง
ระหว่างจำเลยที่ 1 ทำร้ายร่างกายผู้ตาย จำเลยที่ 2 ยืนอยู่ด้านหลังจำเลยที่ 1 และพูดกับผู้ตายว่า "มึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร กูเป็นตำรวจ กูจะเอาปืนมายิงมึง" แม้จำเลยที่ 2 จะไม่ได้ร่วมทำร้ายผู้ตายด้วย แต่การพูดของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวเป็นการข่มขู่ให้ผู้ตายเกิดความกลัวไม่กล้าต่อสู้และเป็นการปลุกเร้าให้จำเลยที่ 1 ฮึกเหิมทำร้ายร่างกายผู้ตายต่อไปอย่างสะดวกยิ่งขึ้น จึงเป็นการสนับสนุนให้จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้ตายเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย แต่ไม่เป็นความผิดฐานตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดดังกล่าว ศาลฎีกาลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ แม้ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างจากข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องเพราะข้อแตกต่างนั้นมิใช่ในข้อสาระสำคัญ และจำเลยที่ 2 มิได้หลงต่อสู้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2819/2554
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกายบุพการี ไม่ถึงเจตนาฆ่า ศาลลดโทษ
เหตุที่จำเลยถือขวานวิ่งไล่ฟันผู้เสียหาย เพราะโกรธที่ถูกกล่าวหาว่าลักพระจตุคามรามเทพ ผู้เสียหายวิ่งเข้าห้องนอนปิดประตู จำเลยฟันผู้เสียหายเพียงครั้งเดียวถูกประตูห้องนอนโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยเลือกที่จะฟันอวัยวะสำคัญที่จะทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย และไม่ได้ฟันผู้เสียหายซ้ำอีกทั้งที่จำเลยสามารถทำได้ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยใช้ขวานฟันผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น จำเลยกระทำความผิดไปโดยตลอดแล้วแต่การกระทำไม่บรรลุผล จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายผู้เสียหายซึ่งเป็นบุพการี และเป็นความผิดที่รวมอยู่กับความผิดฐานพยายามฆ่าบุพการีตามฟ้องของโจทก์ ศาลฎีกาจึงมีอำนาจที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดที่พิจารณาได้ความตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย