คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เรวัตร อิศราภรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 476 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2169/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดที่ดินตาม ป.วิ.พ. มาตรา 304: การแจ้งการยึดและฝากโฉนดเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องนำชี้ทรัพย์
การยึดที่ดินมีโฉนด เพียงแต่เจ้าพนักงานบังคับคดีนำเอาโฉนดที่ดินมาและฝากไว้ ณ สถานที่ใดหรือแก่บุคคลใดตามที่เห็นสมควร และแจ้งการยึดต่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าพนักงานที่ดินก็ถือเป็นการยึดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 304 วรรคหนึ่งแล้ว ไม่จำต้องให้โจทก์หรือผู้แทนของโจทก์ไปนำชี้ทรัพย์ที่จะยึดเพื่อประทับตราหรือกระทำโดยวิธีอื่นใด เพื่อให้การยึดเห็นประจักษ์เหมือนอย่างกรณีการยึดสังหาริมทรัพย์ การให้มีผู้นำยึดโดยผู้นำยึดต้องชี้ทรัพย์ที่จะยึด เป็นไปเพื่อประโยชน์ในการปิดประกาศการยึด การทำแผนที่ในประกาศขายทอดตลาดเพื่อให้ผู้ซื้อทรัพย์มีแนวทางในการตรวจสอบสถานที่ตั้งทรัพย์เท่านั้น ดังนั้น การที่โจทก์หรือผู้แทนโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปชี้ที่ดินที่จะยึด โดยนำชี้ผิดแปลงก็มีผลเพียงให้มีการปิดประกาศการยึดผิดแปลงเท่านั้น หาใช่เป็นกรณีการยึดที่ดินผิดแปลงไม่ โจทก์จึงมีสิทธิที่จะนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปตรวจสภาพที่ดินเพื่อนำชี้ที่ดินแปลงที่ถูกต้องใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2140/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพที่ชอบด้วยกฎหมายเป็นหลักฐานลงโทษจำเลยได้
คำให้การชั้นจับกุม คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่เกิดขึ้นโดยชอบและจำเลยให้การรับสารภาพโดยสมัครใจและตามความสัตย์จริง ศาลย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานประกอบเพื่อลงโทษจำเลยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 226

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2066/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของหุ้นส่วนจำกัดที่เกี่ยวข้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วนเกินขอบเขต ทำให้ต้องรับผิดร่วมกับหุ้นส่วนผู้จัดการและห้างหุ้นส่วน
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการต้องรับผิดร่วมกับห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดแต่เป็นผู้ติดต่อส่งสินค้าไปยังต่างประเทศและได้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ 1 ให้สั่งจ่ายเช็คได้ทั้งจำเลยที่ 3 ยังได้ทำบันทึกความเข้าใจ พร้อมประทับตราสำคัญของจำเลยที่ 1ด้วย โดยทำในนามของจำเลยที่ 1 ถือได้ว่าจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ต่อโจทก์โดยไม่จำกัดจำนวนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1088 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 324/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยสัญญาเงินกู้ vs. เบี้ยปรับ, หนี้ค่าเบี้ยประกันนอกเหนือจากสัญญา
เงินค่าเบี้ยประกันที่โจทก์ทดรองจ่ายไปก่อนหาใช่หนี้เงินกู้ยืมอันทำให้โจทก์สามารถคิดดอกเบี้ยได้เกินกว่าอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ตามประกาศของกระทรวงการคลังได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิเรียกร้องมูลหนี้จากการปฏิรูปสถาบันการเงิน ไม่ทำให้สิทธิฟ้องคดีอาญาตามเช็คลดลง
แม้สัญญากู้เงินซึ่งเป็นมูลหนี้ที่ออกเช็คพิพาทที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยทั้งสามจะรวมอยู่ในกลุ่มสินทรัพย์ของโจทก์ซึ่งถูกองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงินเข้าควบคุมกิจการและได้ขายให้แก่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ก. ไปแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงการโอนสิทธิเรียกร้องมูลหนี้ที่ออกเช็คที่ถูกบังคับโอนตามพระราชกฤษฎีกาการปฏิรูประบบสถาบันการเงินฯ มาตรา 27ไม่ทำให้จำเลยที่ 1 หลุดพ้นจากมูลหนี้ที่ออกเช็คพิพาทแต่อย่างใดจนกว่าจะได้มีการใช้เงิน เมื่อจำเลยทั้งสามยังมิได้ชำระเงินตามสัญญากู้เงินอันเป็นมูลหนี้ที่ออกเช็คดังกล่าวมูลหนี้ตามสัญญากู้เงินยังไม่สิ้นผลผูกพัน ทั้งนี้โดยไม่ต้องคำนึงว่าโจทก์จะสามารถดำเนินกิจการและรับชำระหนี้จากลูกหนี้ได้หรือไม่คดีจึงไม่เลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯมาตรา 7 สิทธินำคดีอาญามาฟ้องยังไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิเรียกร้องมูลหนี้จากการปฏิรูปสถาบันการเงิน ไม่ทำให้จำเลยหลุดพ้นจากความรับผิดทางอาญา
แม้สัญญากู้เงินซึ่งเป็นมูลหนี้ที่ออกเช็คพิพาทที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยจะรวมอยู่ในกลุ่มสินทรัพย์ของโจทก์ซึ่งถูกองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงินเข้าควบคุมกิจการและได้ขายให้แก่บริษัท ก. ไปแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงการโอนสิทธิเรียกร้องมูลหนี้ที่ออกเช็คที่ถูกบังคับโอนตามพระราชกำหนดการปฏิรูประบบสถาบันการเงินพ.ศ. 2540 มาตรา 27 ไม่ทำให้จำเลยหลุดพ้นจากมูลหนี้ที่ออกเช็คจนกว่าจะได้มีการใช้เงิน เมื่อจำเลยไม่ได้ชำระเงินตามสัญญากู้เงิน ย่อมถือไม่ได้ว่ามูลหนี้ตามสัญญากู้เงินที่จำเลยได้ออกเช็คนั้นสิ้นผลผูกพัน โดยไม่คำนึงว่าโจทก์จะสามารถดำเนินกิจการและรับชำระหนี้จากลูกหนี้ได้หรือไม่ คดีจึงไม่เลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2545 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิเรียกร้องหนี้เช็คจากการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน ไม่ทำให้จำเลยหลุดพ้นจากความรับผิดตามกฎหมายเช็ค จนกว่าจะมีการชำระหนี้
สัญญากู้เงินซึ่งเป็นมูลหนี้ที่ออกเช็คพิพาทที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยผู้ออกเช็ครวมอยู่ในกลุ่มสินทรัพย์ของโจทก์ซึ่งถูกองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงินเข้าควบคุมกิจการและได้ขายให้แก่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ไปแล้ว เป็นเพียงการโอนสิทธิเรียกร้องมูลหนี้ที่ออกเช็คที่ถูกบังคับโอนตาม พ.ร.ก. การปฏิรูประบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2540 มาตรา 27 ไม่ทำให้จำเลยหลุดพ้นจากมูลหนี้ที่ออกเช็คจนกว่าจะได้มีการใช้เงิน เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ชำระเงินตามสัญญากู้เงินอันเป็นมูลหนี้ที่ออกเช็คดังกล่าวแล้ว ดังนี้ คดีจึงไม่เลิกกันตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับข้อเท็จจริงตามคำท้าในคดีแพ่ง การเบิกความของพยานผู้เชี่ยวชาญเป็นหลักฐานสำคัญ
การที่โจทก์จำเลยตกลงท้ากันให้ถือเอาคำเบิกความของส. เป็นข้อแพ้ชนะในคดี ถือว่าเป็นการยอมรับข้อเท็จจริงที่อีกฝ่ายหนึ่งอ้างตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 84(1) โดยมีเงื่อนไขว่าต้องมีการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างหนึ่งอย่างใดเสียก่อน ถ้าผลแห่งการดำเนินกระบวนพิจารณานั้นเป็นประโยชน์ต่อคู่ความฝ่ายใด อีกฝ่ายหนึ่งก็ต้องยอมรับข้อเท็จจริงตามข้ออ้างของอีกฝ่ายหนึ่งนั้นทั้งหมดดังนั้น เมื่อ ส. เบิกความว่าน่าเชื่อว่าเส้นแนวเขตของแผนที่พิพาทส่วนที่จำเลยชี้น่าจะเป็นเส้นแนวเขตที่ถูกต้องซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของคำท้าทุกประการ โจทก์จึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับข้อเท็จจริงตามคำท้าในคดีพิพาทที่ดิน และผลผูกพันตาม ป.วิ.พ. มาตรา 84(1)
โจทก์ฎีกา ความปรากฏต่อศาลฎีกาว่า จำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตายพ้นกำหนดหนึ่งปีแล้วไม่ปรากฏว่าผู้ใดมีคำขอเข้าเป็นคู่ความแทน หรือคู่ความฝ่ายใดมีคำขอให้ศาลหมายเรียกผู้ใดเข้าเป็นคู่ความแทนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 42 จึงให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 เสียจากสารบบความของศาลฎีกา
ก่อนชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ทำแผนที่พิพาทโดยให้เจ้าพนักงานที่ดินระบุรายละเอียดเกี่ยวกับแนวเขต ที่ดินพิพาท รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งเพาะปลูกบนดินรวมทั้งสิ่งอื่นใดตามที่เจ้าพนักงานที่ดินเห็นสมควร เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาคดี เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินทำแผนที่พิพาทเสร็จแล้ว ศาลได้ให้คู่ความทั้งสองฝ่ายตรวจดู ต่างรับรองว่าแผนที่พิพาทถูกต้องและอ้างเป็นพยานร่วมกันและคู่ความได้ท้ากันว่า ให้ถือเอาคำเบิกความของ ส. เจ้าพนักงานที่ดินผู้จำลอง แผนที่พิพาทเป็นข้อแพ้ชนะในคดี หาก ส. นำแผนที่พิพาทเปรียบเทียบกับรูปจำลองแผนที่ของที่ดินซึ่งโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แล้ว ส. เห็นว่าหรือน่าเชื่อว่าเส้นแนวเขตตามแผนที่พิพาทส่วนที่โจทก์นำชี้หรือส่วนที่จำเลยนำชี้เส้นแนวเขตไหนน่าจะเป็นเขตที่ถูกต้องคู่ความยอมรับตามนั้น หากเส้นแนวเขตที่โจทก์นำชี้ถูกต้อง จำเลยยอมแพ้คดี หากส่วนที่จำเลยนำชี้ถูกต้องโจทก์ยอมแพ้คดีและคู่ความต่างแถลงสละประเด็นข้อพิพาททั้งหมด ต่อมา ส. เบิกความต่อศาลว่าน่าเชื่อว่า เส้นแนวเขตตามแผนที่พิพาทส่วนที่จำเลยนำชี้น่าจะเป็นแนวเขตที่ถูกต้อง การที่โจทก์จำเลยตกลงท้ากันให้ถือเอาคำเบิกความของ ส. เป็นข้อแพ้ชนะในคดีถือว่าเป็นการยอมรับข้อเท็จจริงที่อีกฝ่ายหนึ่งอ้างตาม ป.วิ.พ. มาตรา 84 (1) โดยมี เงื่อนไขว่าต้องมีการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างหนึ่งอย่างใดเสียก่อน ถ้าผลแห่งการดำเนินกระบวนพิจารณานั้นเป็นประโยชน์ต่อคู่ความฝ่ายใด อีกฝ่ายหนึ่งก็ต้องยอมรับข้อเท็จจริงตามข้ออ้างของอีกฝ่ายหนึ่งนั้นทั้งหมด เมื่อ ส. เบิกความว่าน่าเชื่อว่าเส้นแนวเขตของแผนที่พิพาทส่วนที่จำเลยชี้น่าจะเป็นเส้นแนวเขตที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของคำท้า ทุกประการ โจทก์จึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพที่เชื่อถือได้ประกอบพยานหลักฐานอื่น ยืนยันความผิดฐานฆ่าบุพการีและผู้อื่น
ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพและนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพโดยกระทำต่อหน้าสื่อมวลชนและชาวบ้านเป็นจำนวนมาก ยากต่อการที่เจ้าพนักงานตำรวจจะข่มขู่หรือหลอกลวง ศ. ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ก็ได้ยินถ้อยคำที่จำเลยให้การรับสารภาพ ประกอบกับจำเลยเคยรับราชการเป็นเจ้าพนักงานตำรวจมาเกือบ 20 ปี ย่อมทราบดีว่าข้อกล่าวหาฆ่าบุพการีมีโทษถึงประหารชีวิต คงไม่ยอมรับสารภาพหากมิได้กระทำความผิดจริง ทั้งในคำให้การรับสารภาพมีรายละเอียดต่าง ๆชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องที่จำเลยเชื่อว่าที่ ผ. มารดาจำเลยไม่ยอมให้ยืมเงินเป็นเพราะ ล. น้องสาวจำเลยซึ่งมีร่างกายไม่สมประกอบขัดขวาง จำเลยจึงตัดสินใจที่จะฆ่าโดยหลอก ล. ให้ช่วยขนของที่กองไว้หลังบ้าน ในขณะที่ ล. เดินไปหลังบ้านจำเลยก็ใช้ไม้เนื้อแข็งตีไปที่กกหูและศีรษะของ ล. อย่างแรง ผ. ซึ่งเดินตามหลังมาต่อว่าจำเลย จำเลยจึงใช้ไม้ดังกล่าวตีไปที่ใบหน้าของ ผ. หลายครั้ง จากนั้นจึงเดินทางหนีไปจังหวัดเชียงใหม่ เชื่อได้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจ นอกจากนี้จำเลยยังรับสารภาพต่อ ย. บิดาจำเลยหลังเกิดเหตุประมาณ 7 วันว่าได้ฆ่าผู้ตายทั้งสองจริงเพราะน้อยใจ และยังปรากฏข้อเท็จจริงอีกว่าจำเลยไม่ไปร่วมงานศพเพิ่งไปในวันเผา ทั้งที่จำเลยทราบข่าวการตายตั้งแต่วันแรก อันถือเป็นข้อพิรุธเพราะจำเลยอาจเตรียมหาช่องทางในทางต่อสู้คดีได้ พฤติการณ์แวดล้อมดังกล่าวเมื่อฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวน ฟังได้มั่นคงว่าจำเลยเป็นคนร้ายฆ่าผู้ตายทั้งสองจริง ส่วนที่จำเลยอ้างฐานที่อยู่และส่งบัตรโดยสารเครื่องบินเป็นพยานนั้น ก็ปรากฏว่าบัตรดังกล่าวมีรอยลบเป็นพิรุธ และที่ ส. พยานจำเลยเบิกความว่าเป็นผู้เช่ารถยนต์ตู้ของจำเลยให้ไปส่งที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนในวันที่ 21พฤศจิกายน แต่ได้เลื่อนเป็นวันที่ 23 เดือนเดียวกัน ในวันที่ 21จึงให้จำเลยพาคณะไปเที่ยวภายในจังหวัดลำปางนั้น ก็ไม่อาจยืนยันว่าวันที่ 20 คืนเกิดเหตุจำเลยอยู่ ณ ที่ใด ทั้งระยะเวลาการเดินทางจากจังหวัดอ่างทองที่เกิดเหตุไปยังจังหวัดลำปางสามารถใช้เวลาเดินทางไปถึงได้ในคืนเดียว สำหรับใบเสร็จรับเงินของโรงแรมที่จำเลยส่งอ้างเพื่อแสดงว่าได้พักอยู่ในโรงแรมในคืนเกิดเหตุนั้นก็มีรอยเขียนทับวันที่ที่ออกใบเสร็จรับเงินจึงเป็นพิรุธเช่นกันพยานจำเลยไม่อาจหักล้างพยานโจทก์ได้
of 48