พบผลลัพธ์ทั้งหมด 587 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งดุลพินิจศาลในการรับฟังพยานหลักฐาน เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกา
สำหรับข้อหาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก5 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสี่ คงจำคุก 3 ปี 9 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อยและยังลงโทษจำเลยไม่เกินห้าปี ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ.มาตรา 218 วรรคหนึ่ง จำเลยฎีกาว่าพยานโจทก์เป็นพิรุธไม่พอฟังลงโทษจำเลย อันเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำกัดสิทธิฎีกาในคดีลดโทษเล็กน้อย และการโต้เถียงดุลพินิจศาลในการรับฟังพยานหลักฐาน
เมื่อศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 5 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสี่คงจำคุก 3 ปี 9 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อยและยังลงโทษจำเลยไม่เกินห้าปีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งจำเลยฎีกาว่าพยานโจทก์เป็นพิรุธไม่พอฟังลงโทษ อันเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 587/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสอบถามจำเลยเรื่องทนายก่อนเริ่มพิจารณาคดีอาญาอัตราโทษสูง
คดีที่มีอัตราโทษจำคุกขั้นสูงสิบปี ศาลชั้นต้นจะต้องสอบถามจำเลยก่อนเริ่มพิจารณาว่ามีทนายความหรือไม่ ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 173 วรรคสอง เมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาไปโดยไม่ปรากฏว่ามีการดำเนินการดังกล่าว การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นจึงไม่ถูกต้อง จำเป็นต้องย้อนสำนวนเพื่อให้ศาลชั้นต้นดำเนินการใหม่ให้ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 587/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสอบถามจำเลยเรื่องทนายก่อนพิจารณาคดีอัตราโทษสูงสิบปีเป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่ต้องดำเนินการ หากไม่ทำ กระบวนการพิจารณาไม่ถูกต้อง
คดีที่มีอัตราโทษจำคุกขั้นสูงสิบปี ศาลชั้นต้นจะต้อง สอบถามจำเลยก่อนเริ่มพิจารณาว่ามีทนายความหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 วรรคสอง เมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาไปโดยไม่ปรากฏว่ามีการดำเนินการ ดังกล่าว การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นจึงไม่ถูกต้อง จำเป็นต้องย้อนสำนวนเพื่อให้ศาลชั้นต้นดำเนินการใหม่ให้ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 543/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกักขังแทนค่าปรับ: อัตราค่าปรับและข้อจำกัดตามกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์ลงโทษปรับจำเลยเป็นเงิน 60 บาท แต่ ป.อ.มาตรา30 บัญญัติว่า ในการกักขังแทนค่าปรับให้ถืออัตรา 70 บาท ต่อหนึ่งวัน ฉะนั้น การบังคับค่าปรับจึงกักขังแทนค่าปรับไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ.มาตรา 29,30 จึงเป็นการไม่ถูกต้อง เห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องเป็นว่า หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามมาตรา 29 แต่ประการเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 543/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษปรับและการกักขังแทนค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 30
ศาลอุทธรณ์ลงโทษปรับจำเลยเป็นเงิน 60 บาทแต่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 30 บัญญัติว่า ในการกักขังแทนค่าปรับให้ถืออัตรา 70 บาท ต่อหนึ่งวัน ฉะนั้น การบังคับค่าปรับจึงกักขังแทนค่าปรับไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30จึงเป็นการไม่ถูกต้อง เห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องเป็นว่าหากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามมาตรา 29แต่ประการเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 537/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดยอมความได้ & อุทธรณ์ข้อเท็จจริงใหม่ – คดีข่มขืน ทำร้ายร่างกาย
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรก และมาตรา 310 วรรคแรก เป็นความผิดอันยอมความได้ เมื่อผู้เสียหาย ถอนคำร้องทุกข์ก่อนคดีถึงที่สุด สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) คำพิพากษาของศาลชั้นต้นในส่วนนี้ย่อมระงับไปในตัวไม่มีผล บังคับอีกต่อไป อุทธรณ์ของจำเลยที่ว่า จำเลยมิได้ตบหน้าผู้เสียหายแต่หากจะฟังว่าจำเลยตบหน้าผู้เสียหายจริงก็เป็นเพราะผู้เสียหาย ตบหน้าจำเลย จำเลยจึงตบหน้าผู้เสียหายเพื่อป้องกันตัวนั้น นอกจากจะเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงว่าจำเลยมิได้กระทำผิด แล้ว ยังได้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ว่าการกระทำของจำเลย เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายจึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหา ข้อเท็จจริงเพื่อนำมาสู่ปัญหาข้อกฎหมาย ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงโทษจำคุกสำหรับผู้กระทำผิดฐานเสพยาเสพติดแล้วขับรถ โดยคำนึงถึงประเภทรถและตำแหน่งหน้าที่
แม้การเสพเมทแอมเฟตามีนแล้วปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ขับรถ อาจก่อให้เกิดอันตรายได้โดยง่าย แต่รถยนต์ที่จำเลยขับ ขณะถูกจับกุมเป็นเพียงรถยนต์กระบะส่วนบุคคล มิใช่รถยนต์ บรรทุกขนาดใหญ่หรือรถยนต์โดยสาร ประกอบกับจำเลย มีตำแหน่งหน้าที่ทางราชการเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลเห็นควรให้โอกาสจำเลยทำงานเพื่อประโยชน์แก่ราษฎรในท้องถิ่นของตนต่อไป โดยรอการลงโทษจำคุกและกำหนดเงื่อนไข เพื่อคุมความประพฤติจำเลยไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 495/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้าม หากทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท และค่าเสียหายยังไม่ถูกฟ้องก่อนยื่น
จำเลยอุทธรณ์ว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยโดยซื้อจากโจทก์และจำเลยครอบครองปรปักษ์จนได้กรรมสิทธิ์แล้ว สัญญาเช่าที่ทำไว้กับโจทก์จึงระงับไป เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงซึ่งศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์มิได้ขายที่ดินพิพาทให้จำเลย ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์และจำเลยครอบครองแทนโจทก์ในฐานะผู้เช่าอุทธรณ์ของจำเลยเช่นนี้มิใช่อุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย จำนวนค่าเสียหายที่จะนำมาคำนวณเป็นทุนทรัพย์นั้นต้องเป็นค่าเสียหายก่อนยื่นคำฟ้อง โจทก์มิได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายก่อนยื่นคำฟ้อง จึงไม่มีจำนวนค่าเสียหายที่จะนำมาคำนวณเป็นทุนทรัพย์ เมื่อคดีนี้ที่ดินพิพาทมีราคา 40,500 บาทและทุนทรัพย์ชั้นอุทธรณ์เพียงจำนวนดังกล่าว จำเลยย่อมต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 495/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้าม หากทุนทรัพย์ไม่เกินเกณฑ์ และการคำนวณค่าเสียหาย
จำเลยอุทธรณ์ว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยโดยซื้อจากโจทก์และจำเลยครอบครองปรปักษ์จนได้กรรมสิทธิ์แล้ว สัญญาเช่าที่ทำไว้กับโจทก์จึงระงับไป เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงซึ่งศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์มิได้ขายที่ดินพิพาทให้จำเลย ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์และจำเลยครอบครองแทนโจทก์ในฐานะผู้เช่าอุทธรณ์ของจำเลยเช่นนี้มิใช่อุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย
จำนวนค่าเสียหายที่จะนำมาคำนวณเป็นทุนทรัพย์นั้นต้องเป็นค่าเสียหายก่อนยื่นคำฟ้อง โจทก์มิได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายก่อนยื่นคำฟ้อง จึงไม่มีจำนวนค่าเสียหายที่จะนำมาคำนวณเป็นทุนทรัพย์ เมื่อคดีนี้ที่ดินพิพาทมีราคา 40,500บาท และทุนทรัพย์ชั้นอุทธรณ์เพียงจำนวนดังกล่าว อุทธรณ์ของจำเลยย่อมต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 224 วรรคหนึ่ง
จำนวนค่าเสียหายที่จะนำมาคำนวณเป็นทุนทรัพย์นั้นต้องเป็นค่าเสียหายก่อนยื่นคำฟ้อง โจทก์มิได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายก่อนยื่นคำฟ้อง จึงไม่มีจำนวนค่าเสียหายที่จะนำมาคำนวณเป็นทุนทรัพย์ เมื่อคดีนี้ที่ดินพิพาทมีราคา 40,500บาท และทุนทรัพย์ชั้นอุทธรณ์เพียงจำนวนดังกล่าว อุทธรณ์ของจำเลยย่อมต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 224 วรรคหนึ่ง