คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมศักดิ์ เนตรมัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 841 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8304/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาล: คดีเช็คพิพาทมูลคดีเกิดที่ไหน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าศาลที่มีเขตอำนาจเหนือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้นเป็นศาลมูลคดีเกิด
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับชำระหนี้ตามเช็คอันมีมูลหนี้มาจากการซื้อขายหุ้นในบริษัท ก. ตั้งอยู่ที่จังหวัดปัตตานี ส่วนจำเลยให้การว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่โจทก์เพื่อเป็นประกันการติดตามลูกหนี้ของบริษัท ก. จึงเห็นได้เหตุที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิเป็นหนี้เกี่ยวกับกิจการของบริษัท ก. ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นศาลมูลคดีเกิดด้วยศาลหนึ่ง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ต่อศาลจังหวัดปัตตานี
อุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นที่ว่าคดีอยู่ในอำนาจศาลชั้นต้นหรือไม่ เมื่อศาลฎีกาฟังว่าคดีอยู่ในเขตอำนาจศาลชั้นต้นและต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ ปัญหาข้อกฎหมายของโจทก์ที่ว่าคดีอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้นหรือไม่จึงเป็นคดีปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ตามตารางท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ตาราง 1 ข้อ (2)(ก)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8298/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบรถยนต์ที่นำเข้าโดยมิได้เสียภาษีตาม พ.ร.บ.ศุลกากร และการลดค่าปรับ
พ.ร.บ. ศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 มาตรา 17 บัญญัติว่า "ของใด ๆ อันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 ประกอบด้วยมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9)
พุทธศักราช 2482 ท่านให้ริบเสียทั้งสิ้น โดยมิพักต้องคำนึงว่าบุคคลใดจะต้องรับโทษหรือหาไม่" จึงต้องริบรถยนต์ ของกลางตามกฎหมายดังกล่าว ไม่อาจคืนให้แก่จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8278/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นข้อพิพาทจำกัดเฉพาะที่ดินส่วนหนึ่ง ศาลวินิจฉัยเกินขอบเขตถือเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้เพียงข้อเดียวว่า โจทก์หรือจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทด้านทิศใต้ เนื้อที่ 2 ไร่ 1 งาน ถ้าคู่ความไม่เห็นด้วย ชอบที่จะคัดค้านการกำหนดประเด็นข้อพิพาทของศาลได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 183 วรรคสาม เมื่อโจทก์และจำเลยมิได้โต้แย้งหรือคัดค้านประเด็นข้อพิพาทที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงต้องถือว่าคดีมีประเด็นข้อพิพาทตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เพียงข้อเดียวดังกล่าว การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและ บริวารออกจากที่ดินพิพาททั้งแปลง และให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาท ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8245/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในเครื่องหมายการค้า: ผู้ใช้ก่อนมีสิทธิมากกว่า แม้การจดทะเบียนจะล่าช้ากว่า
เครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนไว้ตามคำขอ ยังไม่ได้รับการจดทะเบียนตามกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าฯ มาตรา 67เพราะมาตรานี้เป็นเรื่องฟ้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนไว้แล้ว
โจทก์และจำเลยต่างยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าพิพาทซึ่งนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าเห็นว่าเหมือนหรือคล้ายกันจนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของสินค้าหรือแหล่งกำเนิดของสินค้า แต่จำเลยได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าพิพาทสำหรับสินค้าจำพวกที่ 18 ก่อนโจทก์ประมาณ 1 ปีโดยโจทก์ไม่ทราบมาก่อน นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าจึงไม่รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าให้แก่โจทก์ ทั้ง ๆ ที่โจทก์ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเช่นเดียวกันนี้สำหรับสินค้าจำพวกที่ 25ไว้แล้วในปี 2532 ไม่ปรากฏว่านายทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้มีคำสั่งให้โจทก์และจำเลยปฏิบัติตามมาตรา 24 กรณีจึงถือได้ว่ามีข้อโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้วว่าโจทก์หรือจำเลยมีสิทธิที่จะได้รับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าพิพาทดีกว่ากัน ด้วยเหตุนี้โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55
จำเลยเป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องหมายการค้าพิพาทและได้ใช้เครื่องหมายการค้าพิพาทมาก่อนโจทก์ แม้จะส่งสินค้าเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยหลังจากโจทก์จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศไทยแล้ว ก็ไม่มีผลกระทบถึงสิทธิของจำเลยในอันที่จะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านี้ดีกว่าโจทก์ เนื่องจากจำเลยเป็นผู้ใช้เครื่องหมายการค้าที่แท้จริงมาก่อนโจทก์ และการที่เครื่องหมายการค้าของโจทก์เหมือนกับเครื่องหมายการค้าของจำเลยจนไม่มีที่ติ พฤติการณ์จึงไม่เชื่อว่าโจทก์คิดประดิษฐ์เครื่องหมายการค้าพิพาทขึ้นมาเองโดยไม่ได้ลอกเลียนเครื่องหมายการค้าของจำเลย โจทก์จึงไม่มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าพิพาทดีกว่าจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8245/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในเครื่องหมายการค้า: การพิจารณาผู้ใช้สิทธิก่อนและเจตนาในการสร้างเครื่องหมาย
โจทก์และจำเลยต่างยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า คำว่า KIPLING ซึ่งนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าเห็นว่าเหมือนหรือคล้ายกันจนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของของสินค้าหรือแหล่งกำเนิดของสินค้า แต่จำเลยได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าพิพาทสำหรับสินค้าจำพวกที่ 18 ก่อนโจทก์ประมาณ 1 ปี โดยโจทก์ไม่ทราบมาก่อน นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าจึงไม่รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าให้แก่โจทก์ ทั้ง ๆ ที่โจทก์ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเช่นเดียวกันนี้สำหรับสินค้าจำพวกที่ 25 ไว้แล้วและไม่ปรากฏว่านายทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้มีคำสั่งให้โจทก์และจำเลยปฏิบัติตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 24 กรณีจึงถือได้ว่ามีข้อโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้วว่าโจทก์หรือจำเลยมีสิทธิที่จะได้รับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าพิพาทดีกว่ากัน แม้เครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนไว้ยังไม่ได้รับการจดทะเบียนตามกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 67 เพราะมาตรานี้เป็นเรื่องผู้มีส่วนได้เสียฟ้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนไว้แล้ว แต่โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8012/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานขายยาเสพติด: การมีไว้เพื่อขายถือเป็นความผิดฐานขายแล้ว ไม่ใช่พยายามขาย
พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4 ได้ให้คำนิยามของคำว่า "ขาย" ให้หมายความรวมถึง จำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบ หรือมีไว้เพื่อขาย ดังนี้ เมื่อจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ใน ครอบครองเพื่อขายและพยายามขายเมทแอมเฟตามีนของกลางในวันเวลาเดียวกันและต่อเนื่องกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียวฐานขายเมทแอมเฟตามีนเท่านั้นเพราะการมีไว้เพื่อขายก็เป็นการขายแล้ว มิใช่มีความผิดฐานพยายามขายเมทแอมเฟตามีนของกลางอีก ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195
วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8012/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิยามคำว่า 'ขาย' ใน พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ฯ การมีไว้เพื่อขายถือเป็นความผิดฐานขายแล้ว
พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทฯ มาตรา 4นิยามคำว่า "ขาย" ให้หมายความรวมถึง จำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยนส่งมอบ หรือมีไว้เพื่อขาย ดังนี้ เมื่อจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อขายและพยายามขายเมทแอมเฟตามีนของกลางในวันเวลาเดียวกันและต่อเนื่องกัน การกระทำดังกล่าวจึงเป็นความผิดกรรมเดียวฐานขายเมทแอมเฟตามีนตามคำนิยามของบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวแล้วเท่านั้น เพราะการมีไว้เพื่อขายก็เป็นการขายแล้ว มิใช่มีความผิดฐานพยายามขายเมทแอมเฟตามีนของกลางอีก ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7816/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษความผิดกรรมเดียวตามกฎหมายหลายบท ต้องใช้บทที่มีโทษหนักที่สุด และการลดโทษจากสถานการณ์
การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นการกระทำกรรมเดียว ลงโทษประหารชีวิต แต่การลงโทษผู้กระทำความผิดอันเป็นกรรมเดียวความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่ผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 การที่ศาลชั้นต้นมิได้พิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายบทใดและศาลอุทธรณ์ มิได้แก้ไขให้ถูกต้องเป็นการไม่ชอบ เมื่อปรากฏว่าความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนมีระวางโทษเท่ากัน จึงให้ลงโทษจำเลยในฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7600/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คดีเดิมวินิจฉัยสัญญาไม่โมฆะ คดีใหม่ยกเหตุเดิมจึงต้องห้ามตามกฎหมาย
คดีก่อน ป. ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระราคาที่ดินที่ค้างชำระโดยยกข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าจำเลยทำสัญญาซื้อขายที่ดินร่วมสัญญาร่วมลงทุนกับ ป. โดยมีข้อสัญญาเอาเปรียบ ป. สัญญาดังกล่าวเป็นนิติกรรมที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงขอให้บังคับจำเลยชำระราคาที่ดินที่เหลือพร้อมดอกเบี้ย โจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะผู้สืบสันดานและเป็นทายาทโดยธรรมของ ป. โจทก์จึงเป็นผู้สืบสิทธิของ ป. โจทก์ในคดีก่อนถือว่าโจทก์และจำเลยในคดีนี้เป็นคู่ความเดียวกับคดีก่อน การที่โจทก์กลับมาฟ้องคดีนี้โดยอ้างว่า ป. และจำเลยแสดงเจตนาลวงทำสัญญาการซื้อขายที่ดินร่วมสัญญาร่วมลงทุนโดยไม่มีเจตนาที่จะผูกพันกันตามสัญญาจึงเป็นโมฆะ ขอให้เพิกถอนสัญญาการซื้อขายที่ดินร่วมสัญญาร่วมลงทุน แม้จะเป็นการเบี่ยงเบนข้อเท็จจริงที่ ป. ฟ้องคดีก่อน แต่ศาลก็ต้องวินิจฉัยคดีนี้อีกว่า สัญญาการซื้อขายร่วมสัญญาร่วมลงทุนระหว่าง ป. กับจำเลยเป็นโมฆะหรือไม่ ดังนั้น คดีนี้จึงมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกับคดีก่อน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7585/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐาน, ความเชื่อมโยงของวัตถุพยาน, และการพิสูจน์ความผิดทางอาญาที่ต้องปราศจากข้อสงสัย
ตามบันทึกการจับกุมระบุว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางทั้งหมดด้านหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนมีตัวอักษรภาษาอังกฤษ "WY"โดยมีนายดาบตำรวจ ว. ผู้จับกุมเบิกความสนับสนุนว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางแต่ละเม็ดมีอักษร "WY" และตามคำให้การชั้นสอบสวนของนายดาบตำรวจ ว. ก็ระบุว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางมีตัวอักษร"WY" ทั้งไม่ปรากฏเหตุผลว่าเหตุใดบัญชีของกลางซึ่งทำขึ้นโดยพนักงานสอบสวนจึงได้มีข้อความเกี่ยวกับเมทแอมเฟตามีนของกลางคดีอาญาว่าเป็นยาเสพติดให้โทษสีม่วงมีอักษรภาษาอังกฤษ"เอ็มวาย"ซึ่งเป็นข้อแตกต่างจากอักษร "WY" เป็นอย่างมาก และข้อเท็จจริงที่ได้จากคำเบิกความของ ล. พยานโจทก์ซึ่งเบิกความประกอบรายงานผลการตรวจพิเคราะห์ว่าของกลางที่ได้รับมาเพื่อตรวจพิสูจน์นั้น ด้านหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนมีอักษรคล้ายตัวอักษร "เอ็ม" อีกด้านหนึ่งมีตัวเลข 99 และ ล. ยังตอบคำถามติงของผู้แทนโจทก์อีกว่าอักษร "เอ็ม" บนยาเม็ดของกลางมีขนาดเกือบเต็มเม็ด ดังนี้เกี่ยวกับตัวอักษรและตัวเลขที่ปรากฏบนเมทแอมเฟตามีนแต่ละเม็ดเป็นสัญญลักษณ์ที่ผู้จัดทำทำขึ้นเพื่อใช้เป็นที่สังเกต อันเป็นลักษณะเฉพาะของเมทแอมเฟตามีนแต่ละชนิด จึงถือว่าเป็นสาระสำคัญ หาใช่เป็นเพียงรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำความผิดไม่ เมื่อสิ่งของดังกล่าวที่พนักงานสอบสวนส่งไปเพื่อตรวจพิสูจน์ให้ทราบว่าเป็นเมทแอมเฟตามีนหรือไม่นั้น ไม่ใช่เป็นจำนวนเดียวกันกับวัตถุของกลางที่เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมยึดมาได้จากจำเลยแล้ว จึงไม่อาจนำผลการตรวจพิสูจน์มาใช้ยันจำเลยว่า วัตถุที่เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมยึดมาได้จากจำเลยเป็นเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ตามกฎหมาย ฉะนั้น เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธและนำสืบว่าเจ้าพนักงานตำรวจไม่ได้ค้นพบเมทแอมเฟตามีนที่ตัวจำเลยและภายในบ้านจำเลยและโจทก์ไม่สามารถนำสืบให้ฟังได้ว่าวัตถุของกลางที่ยึดได้จากจำเลยเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 แล้ว พยานหลักฐานของโจทก์เท่าที่นำสืบมาจึงรับฟังเพื่อลงโทษจำเลยไม่ได้ คดีไม่จำต้องวินิจฉัยพยานหลักฐานของจำเลย
of 85