พบผลลัพธ์ทั้งหมด 547 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 349/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยหลายกรรม และการรับสารภาพของนิติบุคคลผ่านผู้มีอำนาจ
โจทก์ได้บรรยายฟ้องแจ้งชัดว่าจำเลยออกเช็ค 2 ฉบับเมื่อปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามเช็คแต่ละฉบับ ศาลย่อมลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดได้ตาม ป.อ. มาตรา 91 แม้โจทก์ไม่ได้อ้างบทมาตราดังกล่าวมาในคำขอท้ายฟ้อง ก็จะถือว่าศาลลงโทษเกินคำขอหาได้ไม่ ป.วิ.อ. มาตรา 158(6) เพียงแต่บัญญัติให้โจทก์อ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่า การกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดเท่านั้น.
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 กรรมการร่วมกันออกเช็คอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯจำเลยที่ 1 โดย ธ.และร. กรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อผูกพันจำเลยที่ 1 ได้ตั้งทนายความก่อนมีการไต่สวนมูลฟ้อง ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้เข้ามาในคดีนี้แล้ว นับตั้งแต่วันที่ตั้งทนายความ เมื่อจำเลย ที่ 3 ในนามของจำเลยที่ 1และในฐานะส่วนตัวให้การ รับสารภาพโดยจำเลยที่ 3 กับทนายจำเลยผู้นั้นลงลายมือชื่อท้ายคำให้การและรายงานกระบวนพิจารณาการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาลงโทษปรับจำเลยที่ 1 จึงชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 172.
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 กรรมการร่วมกันออกเช็คอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯจำเลยที่ 1 โดย ธ.และร. กรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อผูกพันจำเลยที่ 1 ได้ตั้งทนายความก่อนมีการไต่สวนมูลฟ้อง ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้เข้ามาในคดีนี้แล้ว นับตั้งแต่วันที่ตั้งทนายความ เมื่อจำเลย ที่ 3 ในนามของจำเลยที่ 1และในฐานะส่วนตัวให้การ รับสารภาพโดยจำเลยที่ 3 กับทนายจำเลยผู้นั้นลงลายมือชื่อท้ายคำให้การและรายงานกระบวนพิจารณาการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาลงโทษปรับจำเลยที่ 1 จึงชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 172.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 349/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเช็คหลายกรรม, การลงโทษ, และการเข้ามาในคดีของจำเลย
โจทก์ได้ บรรยายฟ้องแจ้งชัดว่าจำเลยออกเช็ค 2 ฉบับ เมื่อปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามเช็คแต่ละฉบับ ศาลย่อมลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดได้ตามป.อ. มาตรา 91 แม้โจทก์ไม่ได้อ้างบทมาตราดังกล่าวมาในคำขอท้ายฟ้อง ก็จะถือว่าศาลลงโทษเกินคำขอหาได้ไม่ ป.วิ.อ. มาตรา 158(6เพียงแต่ บัญญัติให้โจทก์อ้างมาตราในกฎหมายซึ่ง บัญญัติว่า การกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดเท่านั้น โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่ง เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 กรรมการร่วมกันออกเช็ค อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค จำเลยที่ 1 โดย ธ. และ ร. กรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อผูกพันจำเลยที่ 1 ได้ ตั้งทนายความก่อนมีการไต่สวนมูลฟ้อง ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้เข้ามาในคดีนี้แล้วนับตั้งแต่ วันที่ตั้ง ทนายความ เมื่อจำเลยที่ 3ในนามของจำเลยที่ 1 และในฐานะ ส่วนตัวให้การรับสารภาพโดยจำเลยที่ 3 กับทนายจำเลยผู้นั้นลงลายมือชื่อท้ายคำให้การและรายงานกระบวนพิจารณา การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาลงโทษปรับจำเลยที่ 1 จึงชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 172.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2089/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับอาวัลตั๋วเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากลายมือชื่อปลอม ทำให้จำเลยไม่ต้องรับผิด
ตามข้อบังคับของบริษัทจำเลยที่ 1 กรรมการสองคนต้องลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท จึงจะมีอำนาจทำการแทนบริษัทและรับอาวัลตั๋วเงินได้ เมื่อได้ความว่าลายมือชื่อ ส. กรรมการผู้หนึ่งผู้มีอำนาจลงชื่อแทนจำเลยที่ 1ที่ลงชื่อเป็นผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นลายมือปลอม การรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินจึงไม่ชอบ การปลอมลายมือชื่อเช่นนี้ไม่ใช่เป็นการทำแทนจำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 1 เชิดให้ผู้นั้นเป็นตัวแทนทั้งไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 1 ได้รับเอาประโยชน์หรือรับเอาผลแห่งการรับอาวัล อันจะถือว่าเป็นการให้สัตยาบันแก่การกระทำนั้น การรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินรายนี้จึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 1 ให้ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2089/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับอาวัลตั๋วเงินไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อลายมือชื่อกรรมการปลอม และไม่มีการให้สัตยาบัน
ตามข้อบังคับของบริษัทจำเลยที่ 1 กรรมการสองคนต้องลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท จึงจะมีอำนาจทำการแทนบริษัทและรับอาวัลตั๋วเงินได้ เมื่อได้ความว่าลายมือชื่อ ส. กรรมการผู้หนึ่งผู้มีอำนาจลงชื่อแทนจำเลยที่ 1ที่ลงชื่อเป็นผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นลายมือปลอม การรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินจึงไม่ชอบ การปลอมลายมือชื่อเช่นนี้ไม่ใช่เป็นการทำแทนจำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 1 เชิดให้ผู้นั้นเป็นตัวแทนทั้งไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 1 ได้รับเอาประโยชน์หรือรับเอาผลแห่งการรับอาวัล อันจะถือว่าเป็นการให้สัตยาบันแก่การกระทำนั้น การรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินรายนี้จึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 1 ให้ต้องรับผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2089/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับอาวัลตั๋วเงินโดยมีลายมือชื่อปลอม ไม่ผูกพันจำเลยที่ 1
ตามข้อบังคับของบริษัทจำเลยที่ 1 กรรมการสองคนต้องลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท จึงมีอำนาจทำการแทนบริษัทและรับอาวัลตั๋วเงินได้ เมื่อได้ความว่าลายมือชื่อ ส.กรรมการผู้หนึ่งผู้มีอำนาจลงชื่อแทนจำเลยที่ 1 ที่ลงชื่อเป็นผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นลายมือปลอม การรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินจึงไม่ชอบ การปลอมลายมือชื่อเช่นนี้ไม่ใช่เป็นการทำแทนจำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 1 เชิดให้ผู้นั้นเป็นตัวแทนทั้งไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 1 ได้รับเอาประโยชน์หรือรับเอาผลแห่งการรับอาวัลอันจะถือว่าเป็นการให้สัตยาบันแก่การกระทำนั้นการรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินรายนี้จึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 1ให้ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3600/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมการบริษัทผู้ลงนามแทนบริษัทในกรมธรรม์ประกันภัยไม่ต้องรับผิดร่วมกับบริษัท หากบริษัทผิดสัญญา
กรรมการของบริษัทผู้ได้รับมอบอำนาจให้ลงลายมือชื่อในกรมธรรม์ประกันภัยแทนบริษัท ไม่ต้องรับผิดตามกรมธรรม์ร่วมกับบริษัท
โจทก์ฎีกาว่าตามพยานหลักฐานของโจทก์พึงเห็นได้ว่าความเสียหายที่โจทก์ได้รับเป็นความจริง จำเลยมิได้จัดการให้โจทก์ตามที่จำเลยต้องรับผิดตามสัญญา การละเลยของจำเลยทั้งสองเป็นผลให้โจทก์เสียหายยิ่งกว่าที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดในความเสียหายของโจทก์เต็มตามฟ้อง ไม่ใช่ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย เป็นฎีกาที่ไม่ได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นว่าไว้โดยชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 เพราะมิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ชอบด้วยเหตุอย่างไร.
โจทก์ฎีกาว่าตามพยานหลักฐานของโจทก์พึงเห็นได้ว่าความเสียหายที่โจทก์ได้รับเป็นความจริง จำเลยมิได้จัดการให้โจทก์ตามที่จำเลยต้องรับผิดตามสัญญา การละเลยของจำเลยทั้งสองเป็นผลให้โจทก์เสียหายยิ่งกว่าที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดในความเสียหายของโจทก์เต็มตามฟ้อง ไม่ใช่ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย เป็นฎีกาที่ไม่ได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นว่าไว้โดยชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 เพราะมิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ชอบด้วยเหตุอย่างไร.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3600/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมการบริษัทผู้ลงนามแทนบริษัทในกรมธรรม์ประกันภัยไม่ต้องรับผิดร่วมกับบริษัท และการไม่อุทธรณ์ประเด็นในชั้นอุทธรณ์
กรรมการของบริษัทผู้ได้รับมอบอำนาจให้ลงลายมือชื่อในกรมธรรม์ประกันภัยแทนบริษัท ไม่ต้องรับผิดตามกรมธรรม์ร่วมกับบริษัท
โจทก์ฎีกาว่าตามพยานหลักฐานของโจทก์พึงเห็นได้ว่าความเสียหายที่โจทก์ได้รับเป็นความจริง จำเลยมิได้จัดการให้โจทก์ตามที่จำเลยต้องรับผิดตามสัญญา การละเลยของจำเลยทั้งสองเป็นผลให้โจทก์เสียหายยิ่งกว่าที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดในความเสียหายของโจทก์เต็มตามฟ้อง ไม่ใช่ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย เป็นฎีกาที่ไม่ได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นว่าไว้โดยชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 เพราะมิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ชอบด้วยเหตุอย่างไร.
โจทก์ฎีกาว่าตามพยานหลักฐานของโจทก์พึงเห็นได้ว่าความเสียหายที่โจทก์ได้รับเป็นความจริง จำเลยมิได้จัดการให้โจทก์ตามที่จำเลยต้องรับผิดตามสัญญา การละเลยของจำเลยทั้งสองเป็นผลให้โจทก์เสียหายยิ่งกว่าที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดในความเสียหายของโจทก์เต็มตามฟ้อง ไม่ใช่ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย เป็นฎีกาที่ไม่ได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นว่าไว้โดยชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 เพราะมิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ชอบด้วยเหตุอย่างไร.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ทรงเช็คโดยชอบ: การครอบครองเช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือ ถือเป็นผู้ทรงโดยชอบ แม้ไม่ระบุแหล่งที่มา
เช็คพิพาทออกให้แก่ผู้ถือ ผู้ใดครอบครองเช็คนั้น ในเบื้องต้นต้องถือว่า เป็นผู้ทรงเช็คนั้นโดยชอบ โจทก์จึงไม่จำเป็นต้องบรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้เช็คมาจากผู้ใดและในฐานะอย่างไรทั้งฟ้องโจทก์ได้บรรยายไว้แล้วว่าโจทก์ได้รับเช็คมาจากผู้มีชื่อเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คดังกล่าวโดยชอบ ฟ้องโจทก์จึงหาเคลือบคลุมไม่
โจทก์นำสืบว่า โจทก์ได้รับเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือจาก ต. โดยการแลกเงินสดไปจากโจทก์ การที่จำเลยที่ 1 นำสืบแต่เพียงว่า จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 1 เล่นแชร์เป็นการส่วนตัว ไม่ทราบว่าโจทก์ได้รับเช็คพิพาทมาอย่างไรนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 มีอำนาจสั่งจ่ายเช็คแทนจำเลยที่ 1 ข้อนำสืบดังกล่าวหาทำให้จำเลยที่ 1 พ้นจากความรับผิดตามเช็คไม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
โจทก์นำสืบว่า โจทก์ได้รับเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือจาก ต. โดยการแลกเงินสดไปจากโจทก์ การที่จำเลยที่ 1 นำสืบแต่เพียงว่า จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 1 เล่นแชร์เป็นการส่วนตัว ไม่ทราบว่าโจทก์ได้รับเช็คพิพาทมาอย่างไรนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 มีอำนาจสั่งจ่ายเช็คแทนจำเลยที่ 1 ข้อนำสืบดังกล่าวหาทำให้จำเลยที่ 1 พ้นจากความรับผิดตามเช็คไม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาท: ผู้ครอบครองเช็คโดยชอบ คือผู้ทรงเช็คโดยชอบ จำเลยที่ 1 มีความรับผิดตามเช็ค
เช็คพิพาทออกให้แก่ผู้ถือ ผู้ใดครอบครองเช็คนั้น ในเบื้องต้นต้องถือว่า เป็นผู้ทรงเช็คนั้นโดยชอบ โจทก์จึงไม่จำเป็นต้องบรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้เช็คมาจากผู้ใดและในฐานะอย่างไร ทั้งฟ้องโจทก์ได้บรรยายไว้แล้วว่าโจทก์ได้รับเช็คมาจากผู้มีชื่อเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คดังกล่าวโดยชอบ ฟ้องโจทก์จึงหาเคลือบคลุมไม่ โจทก์นำสืบว่า โจทก์ได้รับเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือจาก ต. โดยการแลกเงินสดไปจากโจทก์ การที่จำเลยที่ 1นำสืบแต่เพียงว่า จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 1 เล่นแชร์ เป็นการส่วนตัว ไม่ทราบว่าโจทก์ได้รับเช็คพิพาทมาอย่างไรนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 มีอำนาจสั่งจ่ายเช็คแทนจำเลยที่ 1 ข้อนำสืบดังกล่าวหาทำให้จำเลยที่ 1 พ้นจากความรับผิดตามเช็คไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1964/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้สัตยาบันคำให้การของตัวแทน และการรับฟังพยานที่ศาลเรียกเองในคดีแรงงาน
หนังสือมอบอำนาจของจำเลยที่มอบอำนาจให้ช.ต่อสู้คดีไม่ได้ประทับตราสำคัญของจำเลยแต่การที่ช.ได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีไว้แล้วจำเลยได้แต่งตั้งทนายความให้ดำเนินคดีต่อมาโดยนำสืบพยานไปตามคำให้การนั้นถือได้ว่าจำเลยได้ให้สัตยาบันยอมรับคำให้การดังกล่าวแล้วจำเลยจึงมีสิทธิที่จะนำสืบพยานไปตามคำให้การนั้นได้โดยชอบ. จำเลยนำสืบเอกสารหมายล.1ถึงล.15โดยมิได้ส่งสำเนาให้แก่โจทก์แต่ศาลแรงงานมีคำสั่งว่าเป็นเอกสารที่เกี่ยวกับคดีและจำเลยได้ยื่นบัญชีระบุอ้างเป็นพยานแล้วเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมถือว่าเป็นพยานที่ศาลเรียกมาดังนี้เมื่อศาลแรงงานได้ใช้อำนาจตามมาตรา45แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522แล้วเอกสารดังกล่าวย่อมรับฟังได้.