คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 423

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 97 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดขอบเขตการสืบพยานและค่าเสียหาย: เมื่อโจทก์พอใจค่าเสียหายที่ศาลชั้นต้นพิพากษา ศาลไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ฎีกาเพิ่มเติม
ถ้าเดิมโจทก์ฟ้องว่าหมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหาย 200,000 บาท แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ค่าเสียหายเพียง 10,000 บาท แม้โจทก์จะอุทธรณ์ฎีกาให้ย้อนสำนวนไปสืบเรื่องความเสียหายเกี่ยวกับเกียรติคุณของโจทก์ ส่วนค่าเสียหายโจทก์ไม่เรียกร้องเกินกว่าที่ศาลชั้นต้กำหนดให้และไม่เสียค่าขึ้นศษลในทุนทรัพย์เกินกว่านี้ นั้น ศาลจึงไม่สมควรวินิจฉัยอุทธรณ์และฎีกาของโจทก์ในกรณีเช่นนี้ เพราะถึงอย่างไรเสียก็ไม่ได้ค่าเสียหายเกินกว่าจำนวนนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดขอบเขตการสืบพยานและความเสียหาย: เมื่อโจทก์ไม่ติดใจเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติม ศาลไม่สมควรวินิจฉัยอุทธรณ์ฎีกา
ถ้าเดิมโจทก์ฟ้องว่าหมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหาย 200,000 บาทแต่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ค่าเสียหายเพียง 10,000 บาท แม้โจทก์จะอุทธรณ์ฎีกาให้ย้อนสำนวนไปสืบเรื่องความเสียหายเกี่ยวกับเกียรติคุณของโจทก์ ส่วนค่าเสียหายโจทก์ไม่เรียกร้องเกินกว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้และไม่เสียค่าขึ้นศาลในทุนทรัพย์เกินกว่านี้ นั้น ศาลจึงไม่สมควรวินิจฉัยอุทธรณ์และฎีกาของโจทก์ในกรณีเช่นนี้ เพราะถึงอย่างไรเสียก็ไม่ได้ค่าเสียหายเกินกว่าจำนวนนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1096/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของนิติบุคคลต่างประเทศ, การใช้เครื่องหมายการค้าปลอม, และค่าเสียหายจากการละเมิด
นิติบุคคลเมื่อจดทะเบียนตามกฎหมายต่างประเทศมีอำนาจฟ้องคดีในศาลไทยหรือตั้งผู้แทนฟ้องคดีได้
นิติบุคคลในต่างประเทศมีอำนาจมอบให้นิติบุคคลในต่างประเทศ ซึ่งมีสำนักงานสาขาในประเทศไทยขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของเขาได้
ถ้าจำเลยเห็นว่า การขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็เป็นเรื่องที่จำเลยจะร้องขอให้ให้ศาลเพิกถอน ไม่ใช่เรื่องที่จะยกขึ้นต่อสู้โจทก์ ในคดีฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้า
เมื่อกล่องและสลากปิดขวดยาอันเป็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นของปลอมแล้ว แม้ตัวยาในขวดจะไม่ได้ความชัดว่าเป็นยาปลอม จำเลยผู้สั่งของนี้มาจำหน่าย โดยรู้ว่ากล่องและสลากยานั้นเป็นของปลอม ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้ใช้เครื่องหมายการค้าปลอม และต้องรับผิดใช้ค่าเสียหาย
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานขาดประโยชน์ 83,850 บาท และค่าเสียหายฐานเสียชื่อเสียงเกียรติคุณ 50,000 บาท ศาลชั้นต้นให้ค่าเสียหาย 2 อย่างรวมกันมา 55,000 บาท และโจทก์อุทธรณ์ขอค่าเสียหายเต็มตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่าควรได้เฉพาะค่าเสียชื่อเสียงเกียรติคุณและคงให้ใช้ค่าเสียหาย 55,000 บาทได้
การส่งประเด็นไปสืบพยานในต่างประเทศย่อมทำได้เมื่อจำเป็นและสมควร และค่าใช้จ่ายในการนี้เป็นค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งศาลใช้ดุลพินิจให้คู่ความฝ่ายใดเสียให้หรือเสียแทนกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1096/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของนิติบุคคลต่างประเทศในการฟ้องคดีและจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในไทย การละเมิดเครื่องหมายการค้าและค่าเสียหาย
นิติบุคคลเมื่อจดทะเบียนตามกฎหมายต่างประเทศ มีอำนาจฟ้องคดีในศาลไทยหรือตั้งผู้แทนฟ้องคดีได้
นิติบุคคลในต่างประเทศมีอำนาจมอบให้นิติบุคคลในต่างประเทศซึ่งมีสำนักงานสาขาในประเทศไทยขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของเขาได้
ถ้าจำเลยเห็นว่า การขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็เป็นเรื่องที่จำเลยจะร้องขอให้ศาลเพิกถอน ไม่ใช่เรื่องที่จะยกขึ้นต่อสู้โจทก์ในคดีฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้า
เมื่อกล่องและสลากปิดขวดยาอันเป็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นของปลอมแล้ว แม้ตัวยาในขวดจะไม่ได้ความชัดว่าเป็นยาปลอม จำเลยผู้สั่งของนี้มาจำหน่ายโดยรู้ว่ากล่องและสลากยานั้นเป็นของปลอม ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้ใช้เครื่องหมายการค้าปลอม และต้องรับผิดใช้ค่าเสียหาย
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานขาดประโยชน์ 83,850 บาท และค่าเสียหายฐานเสียชื่อเสียงเกียรติคุณ 50,000 บาท ศาลชั้นต้นให้ค่าเสียหาย 2 อย่างรวมกันมา 55,000 บาท และโจทก์อุทธรณ์ขอค่าเสียหายเต็มตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่าควรได้เฉพาะค่าเสียชื่อเสียงเกียรติคุณและคงให้ใช้ค่าเสียหาย 55,000 บาทได้
การส่งประเด็นไปสืบพยานในต่างประเทศย่อมทำได้เมื่อจำเป็นและสมควร และค่าใช้จ่ายในการนี้เป็นค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งศาลใช้ดุลพินิจให้คู่ความฝ่ายใดเสียหรือให้เสียแทนกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1198-1199/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จโดยผู้ร่วมกระทำผิด การละเมิด และอำนาจแจ้งความ
การที่ผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกันมาแจ้งความต่อตำรวจ เปิดเผยการกระทำอันไม่บริสุทธิ์โดยไม่แจ้งว่าตนได้ร่วมในการกระทำผิดด้วย และเนื่องจากการแจ้งความเปิดเผยเช่นนี้ ทำให้กรมสรรพากรทราบจนบริษัทต้องถูกปรับค่าภาษีถึงห้าแสนบาทเศษ จะเป็นโดยจำเลยแจ้งเพื่อบรรเทาผลร้ายหรือแม้จะเพราะโกรธเคืองกันเอง ก็ไม่เป็นการทำละเมิดต่อผู้กระทำผิดร่วมที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายได้
จำเลยแจ้งความต่อตำรวจโดยไม่ได้ร้องขอให้จับกุม เป็นการแล้วแต่ตำรวจจะสอบสวนพิจารณาเหตุเอาเอง ข้อเท็จจริงที่จำเลยแจ้งว่ามีการลงบัญชีเท็จก็เป็นจริงดังที่จำเลยแจ้งความ ได้มีการสอบสวนใช้เวลาอีกหลายเดือน ตำรวจจึงได้เรียกโจทก์ไปแจ้งข้อหา หากโจทก์จะเสียหายที่ต้องไปสถานีตำรวจและต้องหาประกันที่โจทก์ว่าทำให้โจทก์เสียหายประการใด ก็เป็นผลโดยตรงจากการวินิจฉัยของตำรวจเอง การที่ตำรวจหรืออัยการไม่ฟ้องโจทก์ต่อศาลก็ไม่ใช่เพราะเห็นว่าโจทก์ไม่ได้กระทำผิด แต่เห็นว่าจำเลยไม่มีอำนาจแจ้งความร้องทุกข์ ซึ่งเป็นปัญหากฎหมาย ไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริง ที่จำเลยแจ้งไม่เป็นความจริง เช่นนี้ จำเลยไม่ต้องรับผิดฐานละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1198-1199/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จโดยผู้ร่วมกระทำผิด: ไม่เป็นละเมิดต่อผู้ร่วมกระทำผิด แม้จะนำไปสู่ค่าปรับทางภาษี
การที่ผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกันมาแจ้งความต่อตำรวจ เปิดเผยการกระทำอันไม่บริสุทธิ์โดยไม่แจ้งว่าตนได้ร่วมในการกระทำผิดด้วย และ เนื่องจากการแจ้งความเปิดเผยเช่นนี้ทำให้กรมสรรพากรทราบจนบริษัทต้องถูกปรับค่าภาษีถึงห้าแสนบาทเศษ จะเป็นโดยจำเลยแจ้งเพื่อบรรเทาผลร้ายหรือแม้จะเพราะโกรธเคืองกันเอง ก็ไม่เป็นการทำละเมิดต่อผู้กระทำผิดร่วมที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายได้
จำเลยแจ้งความต่อตำรวจโดยไม่ได้ร้องขอให้จับกุม เป็นการแล้วแต่ตำรวจจะสอบสวนพิจารณาเหตุผลเอาเอง ข้อเท็จจริงที่จำเลยแจ้งว่ามีการลงบัญชีเท็จก็เป็นจริงดังที่จำเลยแจ้งความได้มีการสอบสวนใช้เวลาอีกหลายเดือน ตำรวจจึงได้เรียกโจทก์ไปแจ้งข้อหา หากโจทก์จะเสียหายที่ต้องไปสถานีตำรวจและต้องหาประกันที่โจทก์ว่าทำให้โจทก์เสียหายประการใด ก็เป็นผลโดยตรงจากการวินิจฉัยของตำรวจเอง การที่ตำรวจหรืออัยการไม่ฟ้องโจทก์ต่อศาลก็ไม่ใช่เพราะเห็นว่าโจทก์ไม่ได้กระทำผิด แต่เห็นว่าจำเลยไม่มีอำนาจแจ้งความร้องทุกข์ ซึ่งเป็นปัญหากฎหมาย ไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่จำเลยแจ้งไม่เป็นความจริง เช่นนี้จำเลยไม่ต้องรับผิดฐานละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 273-275/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา การพิสูจน์ความจริงในคดีอาญายกประโยชน์ให้จำเลยไม่ต้องรับผิดในคดีแพ่ง
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิด หาว่าจำเลยนำข้อความอันเป็นการหมิ่นประมาทลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ แต่ก่อนฟ้องคดีแพ่ง โจทก์ได้ฟ้องจำเลยในคดีอาญา หาว่าจำเลยโฆษณาหมิ่นประมาทในข้อความอย่างเดียวกัน และขอให้จำเลยพิสูจน์ความจริงด้วย ดังนี้ เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 46 เมื่อคดีอาญาฟังเป็นยุติว่า จำเลยได้โฆษณาไปตามความเป็นจริง โดยสุจริต จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดในทางแพ่ง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 273-275/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา การพิสูจน์ความจริงในคดีอาญาส่งผลถึงการตัดสินคดีแพ่ง
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิด หาว่าจำเลยนำข้อความอันเป็นการหมิ่นประมาทลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์แต่ก่อนฟ้องคดีแพ่ง โจทก์ได้ฟ้องจำเลยในคดีอาญา หาว่าจำเลยโฆษณาหมิ่นประมาทในข้อความอย่างเดียวกัน และขอให้จำเลยพิสูจน์ความจริงด้วย ดังนี้ เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 เมื่อคดีอาญาฟังเป็นยุติว่า จำเลยได้โฆษณาไปตามความเป็นจริง โดยสุจริตจำเลยก็ไม่ต้องรับผิดในทางแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1336/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุมและการใส่ความละเมิด: ศาลมีอำนาจวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้นได้
การวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายนั้น ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยได้เมื่อเห็นสมควร โดยไม่ต้องระบุว่าปัญหานั้นเกี่ยวกับข้อกฎหมายใดเกิดขึ้นเป็นคุณแก่ฝ่ายใด
ฟ้องว่าจำเลยไม่พอใจโจทก์หาทางให้โจทก์พ้นจากตำแหน่งโดยนำความเท็จเสนออธิการบดีให้พิจารณาโทษโจทก์หลายครั้งผลเป็นเท็จทุกครั้ง โดยมิได้กล่าวว่าจำเลยนำความเท็จเสนออธิการบดีว่ากระไร เมื่อใด เป็นเท็จอย่างใด ถือว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา
ถ้อยคำที่ไม่ถือว่าเป็นการใส่ความอันจะเป็นการละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1336/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุมและการใส่ความ – ศาลมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นได้
การวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายนั้น ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยได้เมื่อเห็นสมควร โดยไม่ต้องระบุว่าปัญหานั้นเกี่ยวกับข้อกฎหมายใดเกิดขึ้นเป็นคุณแก่ฝ่ายใด
ฟ้องว่าจำเลยไม่พอใจโจทก์หาทางให้โจทก์พ้นจากตำแหน่งโดยนำความเท็จเสนออธิการบดีให้พิจารณาโทษโจทก์หลายครั้งผลเป็นเท็จทุกครั้ง โดยมิได้กล่าวว่าจำเลยนำความเท็จเสนออธิการบดีว่ากระไร เมื่อใด เป็นเท็จอย่างใด ถือว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุม ไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา
ถ้อยคำที่ไม่ถือว่าเป็นการใส่ความอันจะเป็นการละเมิด
of 10