พบผลลัพธ์ทั้งหมด 108 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4760/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษความผิดหลายกรรมต่างกันในคดีพรากผู้เยาว์ หน่วงเหนี่ยวกักขัง และข่มขืน ศาลฎีกาปรับบทลงโทษให้ถูกต้อง
แม้โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่ที่ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานพรากผู้เยาว์กับฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษฐานพรากผู้เยาว์บทหนักนั้น ยังไม่ถูกต้อง เนื่องจากกรณีเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ศาลฎีกาปรับบทลงโทษให้ถูกต้องได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4760/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพรากผู้เยาว์ หน่วงเหนี่ยว กักขัง และข่มขืน ศาลฎีกาปรับบทลงโทษให้ถูกต้องตามหลักกรรมต่างกัน
แม้โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่ที่ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยทั้งสองใน ความผิดฐานพรากผู้เยาว์กับฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษฐาน พรากผู้เยาว์บทหนักนั้น ยังไม่ถูกต้อง เนื่องจากกรณีเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ศาลฎีกาปรับบทลงโทษให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3894/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพรากผู้เยาว์, พยายามข่มขืน, และความน่าเชื่อถือพยานหลักฐานในคดีอาญา
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284 และ 318ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา ให้ลงโทษตามมาตรา 318 ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 4 ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าเป็นความผิด 2 กระทง และแก้บทกฎหมายทั้ง 2 มาตรา ดังกล่าว โดยระบุวรรคเสียให้ชัดเจน แต่คงให้ลงโทษจำคุกจำเลยรวมแล้วมีกำหนด 4 ปี ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเล็กน้อย โดยยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี คดีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จำเลยมีมีดปลายแหลมเป็นอาวุธบุกรุกขึ้นไปบนเรือนของโจทก์ร่วม ผู้เสียหายซึ่งมีอายุ 17 ปี เป็นหลานของโจทก์ร่วมและอาศัยหลับนอนอยู่ที่บ้านของโจทก์ร่วม ได้กระโดดลงเรือนเพื่อหลบหนี การที่ผู้เสียหายกระโดดลงเรือหนีไปเกิดเพราะจำเลยเป็นต้นเหตุให้หนี ไม่ได้เกิดจากความสมัครใจของผู้เสียหายเองและยังหลบหนีไปไม่ไกล จึงถือว่าขณะนั้นผู้เสียหายไม่ได้อยู่ในความปกครองของโจทก์ร่วมไม่ได้ และการที่ต่อจากนั้นจำเลยเข้าไปจับผมผู้เสียหายดึงไปทั้งขู่ไม่ให้ร้อง และพาผู้เสียหายไปที่ทุ่งนาห่างบ้านเกิดเหตุประมาณ 1 เส้น เพื่อกระทำอนาจารและพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดา หรือผู้ดูแลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3849/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่ออนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา ศาลยืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 เป็นการกระทำกรรมเดียวกับความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารตามมาตรา 318 วรรคสาม ให้ลงโทษตามมาตรา 318 วรรคสามอันเป็นบทหนัก ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงกำหนดโทษไม่ได้ เพียงแต่ปรับบทลงโทษและระบุวรรคให้ถูกต้อง อันเป็นการแก้ไขเล็กน้อย แม้ศาลล่างทั้งสองจะมิได้กำหนดโทษในความผิดตามมาตรา 310 วรรคแรกไว้ แต่ความผิดฐานนี้มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ศาลจะกำหนดโทษเกิน 3 ปี ย่อมไม่ได้ ดังนั้นการที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่ามิได้กระทำความผิดตามฟ้องอันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยที่ 1 เฉพาะในความผิดข้อหานี้จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทลงโทษในความผิดพรากผู้เยาว์ แม้ฟ้องตามมาตราอื่น หากพยานหลักฐานฟังได้ว่าเข้าข่ายความผิดอื่นที่มีโทษเบากว่า
การพรากผู้เยาว์กฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิด ไม่ว่าผู้เยาว์จะเต็มใจไปด้วยหรือไม่ แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา318 แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตาม ป.อ. มาตรา 319ศาลย่อมปรับบทลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 319 ซึ่งมีโทษเบากว่าได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 122/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความน่าเชื่อถือพยานหลักฐานในคดีข่มขืน พยานเบิกความขัดแย้งกัน รูปคดีมีเหตุให้สงสัย
ผู้เสียหายและ ส. พยานโจทก์เบิกความขัดกันในสาระสำคัญหลายประการและขัดกับคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายเองด้วยทำให้น่าสงสัยและที่ผู้เสียหายเบิกความว่า จำเลยพาผู้เสียหายไปโดยการขู่เข็ญ บังคับโดยผู้เสียหายไม่เต็มใจไปกับจำเลย จำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย โดยจับมือทั้งสองของผู้เสียหายและเหวี่ยงบังคับกดลงกับพื้น จำเลยกดทับตัวผู้เสียหาย ผู้เสียหายรู้สึกเจ็บที่อวัยวะเพศและพบว่ามีเลือดไหลออกมามากจนเปรอะเปื้อนพื้นกระดาน จำเลยเอาน้ำจากห้องน้ำมาล้าง ส่วนผู้เสียหายลุก ไม่ไหวจนกระทั่งรุ่งเช้าผู้เสียหายลุกขึ้นยังเดินเซ จะเข้าห้องน้ำจนจำเลยต้องช่วยประคอง นั้น พยานโจทก์ซึ่งเป็นแพทย์ก็เบิกความว่าได้ตรวจร่างกายผู้เสียหายหลังจากถูกข่มขืนเพียง 5 วัน ไม่พบรอยฉีก ขาดหรือฟกช้ำ รูปคดีจึงมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้แก่จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4587/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาพาผู้เสียหายไปเป็นภรรยา ไม่ถือเป็นการพรากผู้เยาว์เพื่ออนาจาร แม้ผู้เสียหายยังไม่บรรลุนิติภาวะ
ผู้เสียหายเต็มใจไปกับจำเลย หลังจากที่จำเลยพาผู้เสียหายไปแล้ว ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายได้ตกลงจัดงานพิธีให้ผู้เสียหายและจำเลยแต่งงานกันและมีการมอบค่าสินสอดของหมั้นให้ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายผู้เสียหายรับไปแล้วบางส่วน เมื่อจำเลยพาผู้เสียหายกลับมาถึงบ้าน ฝ่ายญาติผู้ใหญ่ของผู้เสียหายได้จัดพิธีบอกผีบ้านผีเรือนตามประเพณีก่อนให้ผู้เสียหายเข้าบ้านพฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่า ที่จำเลยพาผู้เสียหายไปนั้นมีเจตนาที่จะพาไปเป็นภรรยาตั้งแต่แรก เพราะไม่ได้ความว่าจำเลยมีภรรยาอยู่ก่อนแล้ว ดังนี้ การทีจำเลยพาผู้เสียหายไปเพื่อเป็นภรรยา แม้ผู้เสียหายจะยังเป็นผู้เยาว์อยู่ก็ไม่เป็นการละเมิดต่ออำนาจปกครองของมารดาและแม้จำเลยจะร่วมประเวณีกับผู้เสียหายระหว่างที่พักอยู่ด้วยกันก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจาร การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1514/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเรา, พรากผู้เยาว์, หน่วงเหนี่ยว, พาหญิงไปเพื่อการอนาจาร: ความผิดกรรมเดียว, การพิพากษาโทษ
จำเลยที่ 1 กับพวกขับรถพาผู้เสียหายไปยังที่เปลี่ยวแล้วปลุกปล้ำจับหน้าอกและถอดเสื้อกางเกงผู้เสียหาย พอดีมีรถยนต์บรรทุกผ่านมาจำเลยที่ 1 จึงขับรถพาผู้เสียหายไปยังบ่อเลี้ยงปลาและดึงตัวผู้เสียหายลงมาจากรถจำเลยที่ 1 กอดจูบผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 กระชากกางเกงของผู้เสียหายออกผู้เสียหายดิ้นหลุดแล้วกระโดดลงไปในบ่อเลี้ยงปลา จำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกพูดข่มขู่ว่าถ้าไม่ขึ้นมาจะตามลงไปกดให้ตายบ้าง จะเอาไฟฟ้าช็อตบ้าง ทั้งมีพวกจำเลยบางคนถอดเสื้อกางเกงออกหมด บางคนเหลือแต่กางเกงในเป็นเหตุให้ผู้เสียหายไม่กล้าขึ้นต้องทนทรมานอยู่ในบ่อถึง 1 ชั่วโมงเศษ และที่ผู้เสียหายขึ้นจากบ่อก็เพราะถูกหลอกว่าพวกจำเลยไปหมดแล้ว ผู้เสียหายจึงขึ้นมาแล้วถูกจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกจับตัวข่มขืนกระทำชำเรา การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงเป็นความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารและฐานหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 หน่วงเหนี่ยวผู้เสียหายไว้ก็เพื่อมุ่งประสงค์ที่จะเอาตัวผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเรา ซึ่งเป็นความประสงค์มาตั้งแต่แรกแล้ว การกระทำดังกล่าวจึงต่อเนื่องกันตลอดมาโดยไม่ขาดตอน การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท แม้จะได้ความว่า ผู้เสียหายออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่น แต่มารดาก็ยังให้สร้อยทองคำ ถือได้ว่ามารดายังอุปการะเลี้ยงดูผู้เสียหายอยู่การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 พาผู้เสียหายไปกระทำอนาจารโดยผู้เสียหายไม่ยินยอมถือได้ว่าเป็นการล่วงอำนาจปกครองของบิดามารดาจึงเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1514/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเรา, พรากผู้เยาว์, หน่วงเหนี่ยว, พาหญิงไปอนาจาร: ความผิดต่อเนื่องและล่วงละเมิดอำนาจปกครอง
จำเลยที่ 1 กับพวกขับรถพาผู้เสียหายไปยังที่เปลี่ยวแล้วปลุกปล้ำจับหน้าอกและถอด เสื้อกางเกงผู้เสียหาย พอดีมีรถยนต์บรรทุกผ่านมา จำเลยที่ 1 จึงขับรถพาผู้เสียหายไปยังบ่อเลี้ยงปลาและดึง ตัว ผู้เสียหายลงมาจากรถ จำเลยที่ 1 กอดจูบ ผู้เสียหาย จำเลยที่ 2กระชากกางเกงของผู้เสียหายออก ผู้เสียหายดิ้น หลุดแล้วกระโดดลงไปในบ่อเลี้ยงปลา จำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกพูดข่มขู่ว่าถ้า ไม่ขึ้นมาจะตามลงไปกดให้ตาย บ้าง จะเอาไฟฟ้าช็อต บ้าง ทั้งมีพวกจำเลยบางคนถอด เสื้อกางเกงออกหมด บางคนเหลือแต่ กางเกงในเป็นเหตุให้ผู้เสียหายไม่กล้าขึ้น ต้อง ทนทรมานอยู่ในบ่อถึง 1 ชั่วโมง เศษ และที่ผู้เสียหาขึ้นจากบ่อก็เพราะถูก หลอกว่าพวกจำเลยไปหมดแล้ว ผู้เสียหายจึงขึ้นมาแล้วถูก จำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกจับตัว ข่มขืนกระทำชำเราการกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงเป็นความผิดฐาน พาหญิงไปเพื่อการอนาจารและฐาน หน่วงเหนี่ยวผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 หน่วงเหนี่ยวผู้เสียหายไว้ก็เพื่อมุ่งประสงค์ที่จะเอาตัว ผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเรา ซึ่ง เป็นความประสงค์มาตั้งแต่ แรกแล้ว การกระทำดังกล่าวจึงต่อเนื่องกันตลอดมาโดย ไม่ขาดตอน การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท แม้จะได้ความว่า ผู้เสียหายออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่น แต่ มารดาก็ยังให้สร้อยทองคำ ถือได้ว่ามารดายังอุปการะเลี้ยงดูผู้เสียหายอยู่การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 พาผู้เสียหายไปกระทำอนาจารโดย ผู้เสียหายไม่ยินยอมถือได้ว่าเป็นการล่วงอำนาจปกครองของบิดามารดาจึงเป็นความผิดฐาน พรากผู้เยาว์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1514/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพาไปเพื่ออนาจาร, หน่วงเหนี่ยว, และพรากผู้เยาว์: การกระทำต่อเนื่องเป็นกรรมเดียว
จำเลยที่ 1 กับพวกขับรถพาผู้เสียหายไปยังที่เปลี่ยวแล้วปลุกปล้ำจับหน้าอกและถอดเสื้อกางเกงผู้เสียหาย พอดีมีรถยนต์บรรทุกผ่านมา จำเลยที่ 1 จึงขับรถพาผู้เสียหายไปยังบ่อเลี้ยงปลาและดึงตัวผู้เสียหายลงมาจากรถ จำเลยที่ 1 กอดจูบผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 กระชากกางเกงของผู้เสียหายออก ผู้เสียหายดิ้นหลุดแล้วกระโดดลงไปในบ่อเลี้ยงปลา จำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกพูดข่มขู่ว่าถ้าไม่ขึ้นมาจะตามลงไปกดให้ตายบ้าง จะเอาไฟฟ้าช็อตบ้าง ทั้งมีพวกจำเลยบางคนถอดเสื้อกางเกงออกหมด บางคนเหลือแต่กางเกงในเป็นเหตุให้ผู้เสียหายไม่กล้าขึ้น ต้องทนทรมานอยู่ในบ่อถึง 1 ชั่วโมงเศษ และที่ผู้เสียหาขึ้นจากบ่อก็เพราะถูกหลอกว่าพวกจำเลยไปหมดแล้ว ผู้เสียหายจึงขึ้นมาแล้วถูกจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกจับตัว ข่มขืนกระทำชำเราการกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงเป็นความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารและฐานหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ
การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 หน่วงเหนี่ยวผู้เสียหายไว้ก็เพื่อมุ่งประสงค์ที่จะเอาตัวผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเรา ซึ่งเป็นความประสงค์มาตั้งแต่ แรกแล้ว การกระทำดังกล่าวจึงต่อเนื่องกันตลอดมาโดยไม่ขาดตอน การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
แม้จะได้ความว่า ผู้เสียหายออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่น แต่มารดาก็ยังให้สร้อยทองคำ ถือได้ว่ามารดายังอุปการะเลี้ยงดูผู้เสียหายอยู่ การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 พาผู้เสียหายไปกระทำอนาจารโดยผู้เสียหายไม่ยินยอมถือได้ว่าเป็นการล่วงอำนาจปกครองของบิดามารดาจึงเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์
หมายเหตุ วรรคสองวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 3/2532
การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 หน่วงเหนี่ยวผู้เสียหายไว้ก็เพื่อมุ่งประสงค์ที่จะเอาตัวผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเรา ซึ่งเป็นความประสงค์มาตั้งแต่ แรกแล้ว การกระทำดังกล่าวจึงต่อเนื่องกันตลอดมาโดยไม่ขาดตอน การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
แม้จะได้ความว่า ผู้เสียหายออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่น แต่มารดาก็ยังให้สร้อยทองคำ ถือได้ว่ามารดายังอุปการะเลี้ยงดูผู้เสียหายอยู่ การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 พาผู้เสียหายไปกระทำอนาจารโดยผู้เสียหายไม่ยินยอมถือได้ว่าเป็นการล่วงอำนาจปกครองของบิดามารดาจึงเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์
หมายเหตุ วรรคสองวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 3/2532