คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ฐานันท์ วรรณโกวิท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 23 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3762/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลิตเมทแอมเฟตามีน-ครอบครองเพื่อจำหน่าย: ศาลฎีกาพิพากษาโทษประหารชีวิต ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต
ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 4 คำว่า ผลิต หมายความว่า เพาะปลูก ทำ ผสม ปรุง แปรสภาพ เปลี่ยนรูป ฯลฯ เมื่อมีการผสมปรุงจนเป็นเมทแอมเฟตามีนแล้ว แม้อยู่ในสภาพของเหลวก็ใช้เสพได้เลย การอัดของเหลวให้เป็นเม็ดเป็นเพียงทำให้สะดวกในการซื้อขายกำหนดราคาและปริมาณในการจำหน่ายกันต่อไปเท่านั้น การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นความผิดฐานผลิตยาเสพติดให้โทษสำเร็จแล้ว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ของกลางมิได้เป็นเครื่องมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะหรือวัตถุอื่น ซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 102 และไม่ใช่ทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่า ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 32, 33 (2) ไม่อาจริบได้ แต่ศาลชั้นต้นมิได้พิพากษาคืนของกลางดังกล่าวแก่เจ้าของแม้คู่ความมิได้ฎีกาเกี่ยวกับของกลางดังกล่าวก็ตาม ศาลฎีกามีอำนาจสั่งคืนแก่เจ้าของได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 49 และ 186 (9)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 987/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก, สัญญาการก่อสร้าง, การผิดสัญญาเช่า, การคืนเงินค่าก่อสร้าง
สัญญาระหว่างจำเลยทั้งสองที่จำเลยที่ 1 ตกลงให้จำเลยที่ 2 ปลูกสร้างอาคารพลาซ่า ตลาดและตึกแถวในที่ดินของจำเลยที่ 1 เมื่อก่อสร้างเสร็จแล้วให้กรรมสิทธิ์ตกเป็นของจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 ตกลงจดทะเบียนการเช่าให้แก่ผู้ว่าจ้างหรือผู้ออกเงินช่วยค่าก่อสร้างมีกำหนดระยะเวลา 30 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 มีสิทธิเรียกเก็บเงินช่วยค่าก่อสร้างจากผู้เช่า สัญญาระหว่างจำเลยทั้งสองถือเป็นสัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก และยังถือว่าเป็นการร่วมกันทางการค้าเพื่อหาผลประโยชน์ร่วมกัน เมื่อโจทก์เข้าทำสัญญาว่าจ้างจำเลยที่ 2 สร้างตึกแถวถือว่าโจทก์ได้แสดงเจตนาแก่จำเลยที่ 1 ว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญานั้นแล้วตาม ป.พ.พ. มาตรา 374 วรรคสอง
โจทก์กับจำเลยที่ 1 มีข้อตกลงว่าจำเลยที่ 1 จะก่อสร้างอาคารพลาซ่าให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี และปรับปรุงตกแต่งตึกแถวให้เรียบร้อยภายใน 3 เดือน เมื่อครบกำหนดแล้วจำเลยที่ 1 ไม่สร้างอาคารพลาซ่า ไม่ตกแต่งตึกแถวให้เรียบร้อยจำเลยที่ 1 จึงผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ เมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้วเป็นผลให้คู่กรณีต้องกลับสู่ฐานะเดิม จำเลยที่ 1 ต้องคืนเงินค่าช่วยก่อสร้างทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่เวลาที่ได้รับเงินไว้แก่โจทก์และต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วยตาม ป.พ.พ. มาตรา 391

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 594/2549 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำให้การและฎีกาในชั้นฎีกา: ข้อจำกัดด้านเวลาและการสละข้อต่อสู้
จำเลยฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยมิได้กระทำความผิดตามฟ้อง แต่หากศาลเห็นว่าจำเลยกระทำความผิดก็ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำคุก ต่อมาในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยยื่นคำร้องขอถอนข้อต่อสู้เดิมตามฎีกาที่ให้การปฏิเสธ และให้การใหม่เป็นรับสารภาพตามฟ้อง คำร้องของจำเลยเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การ ซึ่งต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 163 วรรคสอง ที่บัญญัติให้กระทำได้ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา ส่วนที่จำเลยขอแก้ไขฎีกาที่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องนั้น เป็นการขอแก้ไขฎีกาโดยมิได้เพิ่มเติมประเด็นใหม่ แต่เป็นการสละข้อต่อสู้ในชั้นฎีกา ไม่ใช่การคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงไม่ตกอยู่ในจำกัดเวลาฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 216 วรรคหนึ่ง จำเลยจึงยื่นคำร้องขอแก้ไขฎีกาได้แม้พ้นกำหนดเวลา 1 เดือน นับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
of 3