คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วิชัย วิวิตเสวี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,454 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1287/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความเหมือนหรือความคล้ายคลึงของเครื่องหมายการค้า โดยพิจารณาจากพื้นฐานที่มาและรูปแบบลวดลาย
โจทก์ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายสินค้าเครื่องนุ่งห่มและเครื่องแต่งกาย รวมทั้งกางเกงยีน โจทก์เป็น เจ้าของเครื่องหมายการค้า รูปลวดลายเส้นโค้งคู่สองชั้น ปลายส่วนโค้งคู่ชนกัน และรูปลวดลายเส้นโค้งคู่สองชั้น ปลายส่วนโค้งคู่ชนกัน อยู่ภายในกรอบรูปห้าเหลี่ยมคล้ายกระเป๋าหลัง มีแถบอยู่ด้านซ้ายบนภายในแถบมีคำว่า "LeVI'S" และได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวในประเทศต่าง ๆ รวมทั้งประเทศไทยและประเทศ สหรัฐอเมริกา โจทก์ได้ใช้เครื่องหมายการค้าคำว่า "LeVI'S" กับสินค้ากางเกงยีนจนเป็นเครื่องหมายที่มีชื่อเสียง แพร่หลายทั่วไป ขณะเมื่อโจทก์ไปยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า โจทก์ระบุว่าเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนเป็นรูปและคำ เครื่องหมายการค้าในส่วนที่เป็นรูป เป็นรูปเส้นโค้งคู่สองชั้นคล้ายปีกนก แสดงว่ารูปที่โจทก์นำมาใช้เป็นเครื่องหมายการค้าดังกล่าวไม่ได้มีพื้นฐานมาจากการนำอักษรโรมันมาประดิษฐ์ใช้ ส่วนจำเลยยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเป็นรูปลวดลายเส้นประคล้ายอักษร V และ W วางซ้อนทับกัน โดยมีพื้นฐานจากการนำอักษรโรมันมาประดิษฐ์ดัดแปลงเพื่อมาใช้ เมื่อพื้นฐานของรูปของเครื่องหมายการค้าของโจทก์และจำเลยมีที่มาแตกต่างกัน และเครื่องหมายการค้าของโจทก์และจำเลยมีลักษณะรูปแบบลวดลายที่มีความแตกต่างกัน ฉะนั้น รูปเครื่องหมายการค้า ของโจทก์และจำเลยจึงไม่เหมือนหรือคล้ายกัน ถือไม่ได้ว่าจำเลยเลียนแบบเครื่องหมายของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมรสโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ที่มีอายุ 17 ปีบริบูรณ์ ทำให้จำเลยไม่ต้องรับโทษในความผิดฐานชำเรา
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคท้าย ที่บัญญัติว่า"และภายหลังศาลอนุญาตให้ชายและเด็กหญิงนั้นสมรสกัน ผู้กระทำผิดไม่ต้องรับโทษ ถ้าศาลอนุญาตให้สมรสในระหว่างที่ผู้กระทำผิดกำลังรับโทษในความผิดนั้นอยู่ ให้ศาลปล่อยตัวผู้กระทำผิดนั้นไป" นั้นสำหรับกรณีที่จะต้องให้ศาลอนุญาตให้สมรสกันดังกล่าวนั้นหมายความว่าชายหรือหญิงมีอายุยังไม่ครบ 17 ปีบริบูรณ์ จะสมรสกันจึงจะต้องขออนุญาตต่อศาลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1448 แต่จำเลยและผู้เสียหายซึ่งมีอายุ 17 ปีบริบูรณ์ ได้จดทะเบียนสมรสกันในเวลาต่อมาย่อมเป็นการสมรสที่ชอบด้วยกฎหมายแล้วโดยไม่ต้องขออนุญาตต่อศาลจำเลยจึงไม่ต้องรับโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมรสโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้เยาว์อายุ 17 ปีบริบูรณ์ ทำให้ไม่ต้องรับโทษตาม ป.อ. มาตรา 277
ป.อ. มาตรา 277 วรรคท้าย บัญญัติว่า "...และภายหลังศาลอนุญาตให้ชายและเด็กหญิงนั้นสมรสกันผู้กระทำผิดไม่ต้องรับโทษ ถ้าศาลอนุญาตให้สมรสในระหว่างที่ผู้กระทำผิดกำลังรับโทษในความผิดนั้นอยู่ ให้ศาลปล่อยผู้กระทำผิดนั้นไป" หมายความว่า ชายหรือหญิงมีอายุยังไม่ครบ 17 ปีบริบูรณ์ จะสมรสกันจึงจะต้องขออนุญาตต่อศาลตาม ป.พ.พ. มาตรา 1448 แต่จำเลยและผู้เสียหายซึ่งมีอายุ 17 ปีบริบูรณ์ ได้จดทะเบียนสมรสกันในเวลาต่อมา ย่อมเป็นการสมรสโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่ต้องขออนุญาตต่อศาล จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษตาม ป.อ. มาตรา 277 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1246/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบี้ยปรับตามสัญญาซื้อขาย, สัญญาทรัสต์รีซีท, ศาลลดเบี้ยปรับ, อัตราดอกเบี้ยสูงเกินสมควร
การที่ธนาคารโจทก์บอกเลิกสัญญาทรัสต์รีซีท เพื่อให้จำเลยนำเงินค่าสินค้า ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ที่โจทก์ชำระแทนจำเลยไปแล้วคืนโจทก์ทันทีพร้อมดอกเบี้ย เป็นผลเพียงให้สัญญาทรัสต์รีซีทสิ้นสุดลง ส่วนความผูกพันในเรื่องดอกเบี้ยตามสัญญาที่ล่วงมาแล้วก่อนบอกเลิกสัญญายังคงมีเหมือนเดิมกรณีไม่อาจนำเรื่องการกลับคืนสู่ฐานะเดิมมาใช้บังคับ
สัญญาทรัสต์รีซีทที่ให้สิทธิโจทก์คิดดอกเบี้ยผิดนัดจากจำเลยในอัตราสูงสุดที่ธนาคารโจทก์เรียกเก็บได้ตามประกาศของธนาคารโจทก์ มีลักษณะเป็นการกำหนดค่าสินไหมทดแทนความเสียหายไว้ล่วงหน้า จึงเป็นเบี้ยปรับตามสัญญา ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 วรรคหนึ่งให้อำนาจศาลที่จะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1246/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบี้ยปรับตามสัญญาซื้อขายและผลของการบอกเลิกสัญญา โดยศาลลดเบี้ยปรับให้เหมาะสม
การที่ธนาคารโจทก์บอกเลิกสัญญาทรัสต์รีซีท เพื่อให้จำเลยนำเงินค่าสินค้า ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ที่โจทก์ชำระแทนจำเลยไปแล้วคืนโจทก์ทันทีพร้อมดอกเบี้ย เป็นผลเพียงให้สัญญาทรัสต์รีซีทสิ้นสุดลง ส่วนความผูกพันในเรื่องดอกเบี้ยตามสัญญาที่ล่วงมาแล้วก่อนบอกเลิกสัญญายังคงมีเหมือนเดิม กรณีไม่อาจนำเรื่องการกลับคืนสู่ฐานะเดิมมาใช้บังคับได้
สัญญาทรัสต์รีซีทที่ให้สิทธิโจทก์คิดดอกเบี้ยผิดนัดจากจำเลยในอัตราสูงสุดที่ธนาคารโจทก์เรียกเก็บได้ตามประกาศของธนาคารโจทก์ มีลักษณะเป็นการกำหนดค่าสินไหมทดแทนความเสียหายไว้ล่วงหน้า จึงเป็นเบี้ยปรับตามสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 719/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องในคดีเรียกค่าเสียหาย: เจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่เสียหายต้องเป็นผู้มีอำนาจฟ้อง
จำเลยฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ใช้ค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายที่ต้องซ่อมรถยนต์คันที่จำเลยขับชนกับรถยนต์โจทก์รวมทั้งที่รถยนต์คันดังกล่าวต้องเสื่อมราคาและไม่สามารถใช้งานได้ในระหว่างที่ซ่อม ในฐานะที่จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 แต่ปรากฏว่ารถยนต์เป็นของบิดาจำเลยมิใช่ของจำเลย จำเลยจึงไม่อาจใช้สิทธิในฐานะเจ้าของเรียกค่าเสียหายสำหรับความเสียหายดังกล่าวได้จำเลยจึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยืนยันลายมือชื่อในสัญญากู้ยืมเงิน: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยซ้ำหากศาลชั้นต้น-อุทธรณ์วินิจฉัยครบถ้วน
ปัญหาตามที่จำเลยฎีกาว่าพยานหลักฐานโจทก์มีพิรุธและไม่แน่ชัดรับฟังไม่ได้ว่า จ. ลงชื่อในสัญญากู้นั้น ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 9ได้วินิจฉัยไว้ครบถ้วนชัดแจ้งแล้วว่า โจทก์มีประจักษ์พยานยืนยันว่า จ. ลงลายมือชื่อในช่องผู้กู้ ประกอบกับผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่าเป็นลายมือชื่อของ จ. จึงฟังได้ว่า จ. ได้ทำสัญญากู้ยืมเงินและลงชื่อในช่องผู้กู้ ดังนั้นปัญหาตามฎีกาของจำเลย จึงเป็นปัญหาอันไม่ควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 571/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอพิจารณาใหม่ต้องแสดงเหตุโดยละเอียดชัดแจ้งถึงข้อคัดค้านคำพิพากษา หากไม่ชัดเจน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ปัญหาตามที่จำเลยฎีกาว่าคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินของศาลแล้วนั้นศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้ครบถ้วนชัดเจนแล้วว่าคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยเป็นเพียงข้อโต้เถียงว่าฟ้องของโจทก์ไม่ถูกต้องและเป็นการกล่าวอ้างเพียงลอย ๆ แต่ไม่ได้แสดงเหตุโดยละเอียดชัดแจ้งว่าคำพิพากษาไม่ชอบ ไม่ถูกต้องอย่างไร หากมีการพิจารณาใหม่แล้วศาลอาจพิพากษาให้จำเลยชนะคดีได้อย่างไร คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสองดังนั้น ปัญหาตามฎีกาของจำเลยจึงเป็นปัญหาอันไม่ควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 535/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำท้าทางกฎหมาย: ผลการรังวัดที่ดินพิพาทเป็นไปตามคำท้า จำเลยต้องแพ้คดี
ปัญหาตามที่จำเลยฎีกาว่าการรังวัดทำแผนที่พิพาทของเจ้าพนักงานที่ดินไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกรมที่ดิน จึงไม่เป็นไปตามคำท้านั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ได้วินิจฉัยไว้ครบถ้วนชัดแจ้งและโดยชอบแล้วว่าศาลชั้นต้นบันทึกสรุปใจความการสอบถามถ้อยคำของ ธ. ช่างรังวัดอ่านให้ทุกฝ่ายฟัง และ ธ. ลงชื่อไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาแล้ว กรณีจึงเชื่อได้ว่าศาลชั้นต้นจดบันทึกครบตามคำแถลงของ ธ. แล้ว และจากแผนที่พิพาทที่ ธ. ทำมาปรากฏว่าที่ดินที่จำเลยนำชี้ว่าเป็นของจำเลยนั้นรุกล้ำเข้ามาในทางสาธารณะ จึงเป็นไปตามคำท้า จำเลยจึงต้องแพ้คดีดังนั้น ปัญหาตามฎีกาของจำเลยจึงเป็นปัญหาอันไม่ควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งไม่จำเป็น: เช็คพิพาทชำระหนี้แล้ว ไม่ก่อให้เกิดข้อพิพาทใหม่
ปัญหาตามที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวกับฟ้องเดิมเพราะเป็นมูลหนี้ที่เกิดจากการเป็นหนี้กันตามเช็คพิพาทและโจทก์ต้องคืนเช็คให้จำเลยนั้นศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้ครบถ้วนชัดแจ้งแล้วว่า หากทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้โจทก์แล้ว เช็คพิพาทไม่มีผลบังคับให้จำเลยต้องชำระเงินตามเช็คอีกจึงเป็นฟ้องแย้งที่ไม่จำเป็น ดังนั้น ปัญหาตามฎีกาของจำเลยจึงเป็น ปัญหาอันไม่ควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
of 146