พบผลลัพธ์ทั้งหมด 539 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 658/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนเงินภาษีโรงเรือนและที่ดินพร้อมดอกเบี้ย: กำหนดเวลาเริ่มนับดอกเบี้ยต้องเป็นวันคำพิพากษาถึงที่สุด
คำพิพากษาศาลภาษีอากรกลางที่พิพากษาให้จำเลยคืนเงินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินพร้อมเงินเพิ่มแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันพ้นกำหนด 3 เดือน นับจากวันฟังคำพิพากษานี้จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ซึ่งหมายถึงนับแต่วันฟังคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลางนั้น เมื่อได้ความว่าคดีนี้มิได้ถึงที่สุดไปตามคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง คำพิพากษาดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพ.ศ. 2475 มาตรา 39 วรรคสอง ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรจึงพิพากษาให้จำเลยคืนเงินภาษีภายใน 3 เดือน นับแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุด ถ้าไม่คืนให้ชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5ต่อปี นับแต่วันครบกำหนด 3 เดือน จนกว่าจะชำระเสร็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินคดีอนาถาและการทิ้งฎีกา: การแจ้งคำสั่งรับฎีกาและการปฏิบัติตามคำสั่งศาล
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกาได้และสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 ในวันเดียวกัน แต่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 ในภายหลัง และจำเลยที่ 1 ยังไม่ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นที่กำหนดให้จำเลยที่ 1 ต้องดำเนินการส่งหมายนัดและสำเนาฎีกาให้โจทก์เพื่อแก้ฎีกา การที่จำเลยที่ 1 ไม่ได้นำส่งหมายนัดและสำเนาฎีกาให้โจทก์ ตามคำสั่งของศาลชั้นต้นจะถือว่าจำเลยที่ 1 เพิกเฉยไม่ดำเนินคดี อันเป็นการทิ้งฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174 (2), 247 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฎีกาและการแจ้งคำสั่งศาล: จำเลยไม่ทราบคำสั่ง จึงไม่ถือเป็นการทิ้งฎีกา
แม้ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกาได้ และมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 ในวันเดียวกันก็ตาม แต่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 ในภายหลัง ซึ่งไม่ปรากฏในสำนวนว่าจำเลยที่ 1 ได้ลงนามทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นที่รับฎีกาและให้จำเลยที่ 1 นำส่งหมายนัดและสำเนาฎีกาให้โจทก์เพื่อแก้ฎีกา ทั้งไม่ปรากฏว่ามีหมายแจ้งให้จำเลยที่ 1 ทราบคำสั่งดังกล่าว ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 ยังไม่ทราบคำสั่งรับฎีกาของศาลชั้นต้นที่กำหนดให้จำเลยที่ 1 ดำเนินการส่งหมายนัดและสำเนาฎีกาให้โจทก์ภายใน 7 วันนั้นจะถือว่าจำเลยที่ 1 เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด อันเป็นการทิ้งฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2),247ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 316/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำเลยในคดีอาญา: ศาลฎีกาวินิจฉัยประเด็นการอุทธรณ์เรื่องบุคคลเดียวกันและปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
ปัญหาว่าการเพิ่มโทษจำเลยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 316/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษอาญาซ้ำกระทง: การพิจารณาตัวบุคคลเดียวกันและการยกข้อกฎหมายที่มิได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้น
ปัญหาว่าการเพิ่มโทษจำเลยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้เพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 ชั้นพิจารณาศาลได้สอบถามเรื่องที่จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีก่อนหรือไม่แล้ว จำเลยให้การรับสารภาพและลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาโดยมิได้โต้แย้งทักท้วง ประกอบกับกองทะเบียนประวัติอาชญากรรมระบุว่า ลายนิ้วมือของจำเลยคดีนี้และคดีก่อนเป็นบุคคลเดียวกัน ดังนี้ศาลย่อมเพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้เพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 ชั้นพิจารณาศาลได้สอบถามเรื่องที่จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีก่อนหรือไม่แล้ว จำเลยให้การรับสารภาพและลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาโดยมิได้โต้แย้งทักท้วง ประกอบกับกองทะเบียนประวัติอาชญากรรมระบุว่า ลายนิ้วมือของจำเลยคดีนี้และคดีก่อนเป็นบุคคลเดียวกัน ดังนี้ศาลย่อมเพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางค่าฤชาธรรมเนียมเพื่อฎีกาในคดีขอพิจารณาใหม่ จำเป็นต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองขอเลื่อนคดีในชั้นไต่สวนคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ติดต่อกันถึง 5 ครั้ง ศาลชั้นต้นจึงยกคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลยทั้งสอง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตาม การที่จำเลยทั้งสองจะฎีกาในปัญหาตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับการขอพิจารณาใหม่นั้น จำเลยทั้งสองต้องนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 ประกอบมาตรา 247 เมื่อไม่ปฏิบัติตาม ฎีกาจำเลยทั้งสองจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาจำเลยทั้งสองจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9724/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตยื่นบัญชีระบุพยาน เหตุจากเหตุขัดข้องในการจัดหาเอกสารไม่เพียงพอต่อการอนุญาตตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร
ตามข้อกำหนดคดีภาษี พ.ศ.2539 ข้อ 10 วรรคสี่ ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น กำหนดกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานไว้ว่า คู่ความซึ่งขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานจะต้องแสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลได้ว่า มีเหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่า 7 วัน การที่โจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยาน โดยอ้างว่าได้ปรับปรุงซ่อมแซมที่ทำการของโจทก์ ได้เคลื่อนย้ายเอกสารต่าง ๆ และกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์เดินทางไปต่างประเทศไม่สามารถหาเอกสารยื่นต่อศาลได้ทันนั้น มิใช่เหตุขัดข้องในการยื่นบัญชีระบุพยาน กรณีไม่มีเหตุอันสมควรจะอนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9697/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานใช้เอกสารปลอมกับการกระทำความผิดตามกฎหมายภาษีอากร: พิจารณาความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรม
แม้ ป.อ. มาตรา 268 บัญญัติว่า ผู้ใดใช้เอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา 265 และเป็น ผู้ปลอมเอกสารนั้น ให้ลงโทษตามมาตรา 268 แต่เพียงกระทงเดียวก็ตาม แต่จำเลยใช้เอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตาม ป.รัษฎากร มาตรา 86/13, 90/4 (3) ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษต่างหากจาก ป.อ. จึงไม่เข้าข้อยกเว้นให้รับโทษฐานใช้เอกสารปลอมกระทงเดียว ตาม ป.อ. มาตรา 268 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9691/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน การยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ และการเสียเงินเพิ่ม
หนังสือที่จำเลยมีถึงผู้อำนวยการเขตจตุจักรชี้แจงว่าจำเลยเช่าที่ดินจากการรถไฟแห่งประเทศไทยมีกำหนดระยะเวลา 3 ปี โรงเรือนหรืออาคารที่ก่อสร้างขึ้นเป็นลักษณะชั่วคราว จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน ทั้งมีสิทธิที่จะขอคืนภาษีโรงเรือนและทีดินที่ชำระไปแล้ว และหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษีโรงเรือนและที่ดินและรายละเอียดเกี่ยวกับการชำระหนี้สินของจำเลยภายหลังถูกรัฐบาลบอกเลิกสัญญาสัมปทานก่อสร้างทางรถไฟยกระดับ และจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความโอนกรรมสิทธิ์อาคารสำนักงานชั่วคราวที่พิพาทให้แก่บริษัทแล้ว จำเลยจึงไม่มีหน้าที่เสียภาษีโรงเรือนและที่ดินนั้น มิใช่คำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 25 และมาตรา 26 แห่งพ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9526/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินโดยสุจริตและผลกระทบต่อกรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 1310
คำว่า "สุจริต" ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1310 นั้น มีความหมายว่าผู้ปลูกสร้างได้ปลูกสร้างโรงเรือนลงในที่ดินโดยไม่ทราบว่าที่ดินเป็นของผู้ใดแต่เข้าใจว่าเป็นที่ดินของตนเองและเชื่อว่าตนมีสิทธิปลูกสร้างโรงเรือนในที่ดินนั้นโดยชอบ เมื่อจำเลยได้ปลูกบ้านในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของ ส. โดยทราบอยู่ว่าที่ดินพิพาทเป็นของ ส. และได้ขออนุญาต ส. ปลูกบ้าน จึงไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยได้ปลูกบ้านในที่ดินพิพาทโดยสุจริต แม้จำเลยจะต่อเติมบ้านในภายหลังอีกโดย ส. และโจทก์ไม่ห้ามปรามขัดขวางก็จะบังคับให้โจทก์ซึ่งเป็นทายาของ ส. รับเอาบ้านแล้วใช้ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ การที่จำเลยปลูกสร้างบ้านในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของ ส. นั้น มิได้ทำให้โรงเรือนตกเป็นส่วนควบของที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของ ส. และโจทก์แต่อย่างใดตามมาตรา 146