คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 43

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 329 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนของกลางและการเรียกร้องค่าเสียหาย: เมื่อเจ้าทรัพย์ได้รับซากคืนแล้ว ไม่สามารถเรียกร้องให้จำเลยชดใช้ค่าไก่ทั้งตัวได้อีก
ในคดีนี้จำเลยมีผิดฐานรับของโจร ไก่ตัวหนึ่งมีราคา 50 บาท แต่เจ้าทรัพย์ได้รับคืนซากไก่ของกลางไปแล้ว อัยยการโจทก์จะขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาไก่อีกไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนของกลางและสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย: เมื่อของกลางถูกคืนแล้ว ไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายซ้ำได้
ในคดีนี้จำเลยมีผิดฐานรับของโจรไก่ตัวหนึ่งมีราคา 50 บาทแต่เจ้าทรัพย์ได้รับคืนซากไก่ของกลางไปแล้ว
อัยการโจทก์จะขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาไก่อีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 993/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษฐานแก้ไขเครื่องชั่งตวงวัด และสิทธิการเรียกร้องค่าสินบนนำจับ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีและใช้เครื่องชั่งที่ถูกแก้ไขและมีคำรับรองของเจ้าพนักงานและอ้างพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด 2466 มาตรา 31,32 จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามมาตรา 32 ซึ่งเป็นบทหนักได้
เงินค่าสินบนผู้จับในคดีผิดพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัดนั้น ไม่มีกฎหมายใดให้อำนาจอัยการจะฟ้องเรียกสินบนให้แก่ผู้จับ (อ้างฎีกา 362/2481,218/2482)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 956/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา 73 และการหักกลบลบโทษ รวมถึงขอบเขตการสั่งให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยต้องโทษมาแล้วหลายครั้ง ๆ สุดท้ายจำเลยได้หลบหนี้ไปในระหว่างต้องโทษ แล้วกลับมากระทำผิดในคดีนี้ภายหลังที่พ้นโทษครั้งที่ 4 ไปยังไม่เกิน 3 ปี ก็เพิ่มโทษตามมาตรา 73 ได้
เมื่อคดีต้องเพิ่มโทษตามมาตรา 73 กึ่งหนึ่ง และลดฐานปราณีตามมาตรา 59 ลงกึ่งหนึ่ง โทษเพิ่มและลดมีกำหนดเสมอกัน ต้องหักกลบลบกันไปตามมาตรา 39
จำเลยให้การรับสารภาพว่า ได้รับของโจรตามฟ้องไว้จริง แต่ไม่ได้ลักทรัพย์ตามโจทก์ฟ้อง การพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ จึงเกินคำรับของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 956/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษอาญาซ้ำจากเคยหลบหนีระหว่างต้องโทษ และขอบเขตการบังคับใช้มาตรา 73, 59, 39
จำเลยต้องโทษมาแล้วหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายจำเลยได้หลบหนีไปในระหว่างต้องโทษ แล้วกลับมากระทำผิดในคดีนี้ภายหลังที่พ้นโทษครั้งที่ 4 ไปยังไม่เกิน 3 ปี ก็เพิ่มโทษตามมาตรา 73 ได้
เมื่อคดีต้องเพิ่มโทษตามมาตรา 73 กึ่งหนึ่ง และลดฐานปราณีตามมาตรา 59 ลงกึ่งหนึ่ง โทษเพิ่มและลดมีกำหนดเสมอกัน ต้องหักกลบลบกันไปตาม มาตรา 39
จำเลยให้การรับสารภาพว่า ได้รับของโจรตามฟ้องไว้จริง แต่ ไม่ได้ลักทรัพย์ตามโจทก์ฟ้อง การพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ จึงเกินคำรับของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 827/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทกรรมสิทธิในชั้นฎีกา: ค่าธรรมเนียมและผลของการไม่ชำระ
ผู้เสียหายซึ่งเป็นโจทก์ร่วมกับอัยยการฎีกาคัดค้านเรื่องกรรมสิทธิในทรัพย์ที่ถูกลักหรือรับของโจร จะต้องเสียค่าธรรมเนียมในชั้นฎีกา เมื่อไม่ยอมเสีย ศาลไม่รับฎีกาไว้พิจารณา (กรณีเช่นนี้ศาลฎีกาทำเป็นคำสั่ง)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับเรียกค่าสินไถ่และการข่มขู่เรียกทรัพย์: ศาลฎีกาแก้ข้อกล่าวหาปล้นทรัพย์ แต่ยืนตามบทหนักเดิม
จำเลยกับพวกจับตัวผู้เสียหายไปควบคุมตัวไว้แล้วบังคับเอาเงินจากพ่อตาและภรรยาเพื่อสินไถ่ และเรียกผู้เสียหายคนอื่นอีก 6 คนมาหาว่าลักควายบังคับให้หาเงินมาให้จำเลยดังนี้ การกระทำในตอนแรกเป็นเรื่องจับตัวไปบังคับเรียกเอาค่าสินไถ่โดยตรง การกระทำในตอนหลังก็ไม่มีกริยาเป็นโจรชิงทรัพย์ตามความหมายของกฎหมายจึงไม่ใช่ความผิดฐานชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่า จำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 301,270 แต่ให้รวมกระทงลงโทษตาม มาตรา270 ซึ่งเป็นบทหนักแต่บทเดียวโจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านประการใด ดังนี้
เมื่อศาลฎีกาคงเห็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 270ซึ่งเป็นบทหนักอยู่แล้ว แม้จะเห็นว่าจำเลยไม่ผิดตามมาตรา 301 ด้วย ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยมีผิดฐานใดอีก เพราะลงโทษบทหนักอยู่แล้ว
อัยการโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 301,270 กับขอให้จำเลยคืนหรือใช้ทรัพย์ถ้าศาลพิพากษาว่าจำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา 301 แล้ว อัยการก็ไม่มีอำนาจเรียกเงินคืนแทนผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 909/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา แม้ข้อหาอาญาหมดอายุความแล้ว ก็ไม่เป็นเหตุให้ข้อหาแพ่งต้องห้ามฎีกา
ฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา แม้ข้อหาในทางอาญาได้ยุติแล้ว โดยต้องห้ามฎีกา ก็ไม่เป็นเหตุให้ข้อหาในทางส่วนแพ่งซึ่งอาจฎีกาต่อไปอีกได้นั้น ต้องห้ามฎีกาด้วยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 909/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา แม้คดีอาญาถึงที่สุดแล้ว คดีแพ่งก็ยังต้องห้ามฎีกาหากข้อเท็จจริงเป็นอย่างเดียวกัน
ฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา แม้ข้อหาในทางอาญาได้ยุติแล้วโดยต้องห้ามฎีกา ก็ไม่เป็นเหตุให้ข้อหาในทางส่วนแพ่งซึ่งอาจฎีกาต่อไปอีกได้นั้น ต้องห้ามฎีกาด้วยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 888/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแขวงพิจารณาคดีฉ้อโกงและคำขอคืนทรัพย์สิน
ในคดีฉ้อโกงทรัพย์ซึ่งมีอัตราโทษอยู่ในอำนาจศาลแขวงนั้น แม้โจทก์จะขอให้ใช้ทรัพย์ที่ฉ้อโกงเป็นราคามากมายเท่าใด ศาลแขวงก็มีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้
คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งให้โจทก์แยกฟ้องคดีส่วนแพ่งจากคดีส่วนอาญาตาม ป.ม.วิ.อาญา ม. 41 นั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ตาม ม. 196
of 33