คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นพวรรณ อินทรัมพรรย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 289 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2525/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและอาวุธปืน: การลงโทษตามบทกฎหมายที่ถูกต้องและเหมาะสม
การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม ฐานมีอาวุธปืนที่มีทะเบียนของผู้อื่นและมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งเป็นกฎหมายที่มีอัตราโทษหนักที่สุดตามมาตรา 72 วรรคหนึ่งนั้น ไม่ถูกต้อง เพราะความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องลงโทษตามมาตรา 72 วรรคสอง แต่คดีได้ความว่า เครื่องกระสุนตามฟ้องคือกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนตามฟ้อง การมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวจึงเป็นความผิดตามมาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง เมื่ออาวุธปืนที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่น ดังนั้น การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดตามมาตรา 7, 72 วรรคสามเท่านั้น ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2473/2549 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจอนุญาตอุทธรณ์ในคดีเยาวชน: อธิบดีศาลเยาวชนฯ มีอำนาจเฉพาะเขตศาลตนเอง
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา 122 เป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจพิเศษเฉพาะแก่อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลางหรือผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวเป็นผู้พิจารณาว่าสมควรอนุญาตให้คดีใดอุทธรณ์หรือไม่ แทนที่จะเป็นอำนาจของผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีนั้นดังเช่นคดีอาญาทั่ว ๆ ไป จึงต้องตีความโดยเคร่งครัด ดังนั้น การที่มาตรา 122 ใช้ถ้อยคำว่า "...อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลางหรือผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัว..." จึงมิได้หมายความว่าอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมีอำนาจพิจารณาอนุญาตให้อุทธรณ์ในคดีที่อยู่นอกเขตอำนาจศาลเยาวชนและครอบครัวกลางได้ การระบุชื่อตำแหน่งทั้งสองตำแหน่งก็เป็นเพียงการระบุชื่อตำแหน่งของผู้มีอำนาจพิจารณาอนุญาตให้อุทธรณ์ของแต่ละศาลให้ถูกต้องกับศาลนั้น ๆ เท่านั้น หากแปลความว่าอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมีอำนาจพิจารณาอนุญาตให้อุทธรณ์ในคดีที่อยู่นอกเขตอำนาจศาลเยาวชนและครอบครัวกลางได้ด้วย ก็จะมีผลทำให้คดีที่อยู่นอกเขตอำนาจศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมีผู้พิจารณาอนุญาตให้อุทธรณ์ถึง 2 คน และได้รับการพิจารณาในเรื่องดังกล่าวถึง 2 ครั้ง ซึ่งแตกต่างจากคดีที่อยู่ในเขตอำนาจของศาลเยาวชนและครอบครัวกลางอันเป็นการได้รับสิทธิไม่เท่าเทียมกัน แม้ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา 20 จะกำหนดให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลางเป็นผู้รับผิดชอบงานของศาลเยาวชนและครอบครัวทั่วราชอาณาจักร โดยให้มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับอธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้น และอธิบดีผู้พิพากษาภาคตามที่บัญญัติไว้ในพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ก็เป็นความรับผิดชอบและอำนาจหน้าที่เฉพาะที่พระธรรมนูญศาลยุติธรรมระบุไว้เท่านั้น มิได้ครอบคลุมถึงอำนาจในการพิจารณาอนุญาตให้อุทธรณ์ ซึ่งได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะใน พ.ร.บ.จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา 122 ดังนั้น การพิจารณาอนุญาตให้อุทธรณ์จึงต้องเป็นคดีที่อยู่ในเขตอำนาจของศาลเยาวชนและครอบครัวนั้น เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2473/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจอนุญาตอุทธรณ์ในคดีเยาวชนและครอบครัว: อธิบดีศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมีอำนาจเฉพาะคดีในเขตอำนาจศาลตนเอง
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2534 มาตรา 122 ได้บัญญัติเรื่องการอนุญาตให้อุทธรณ์ไว้โดยเฉพาะแล้ว การพิจารณาอนุญาตให้อุทธรณ์จึงต้องเป็นคดีที่อยู่ในเขตอำนาจของศาลเยาวชนและครอบครัวนั้นเท่านั้น อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลางไม่มีอำนาจอนุญาตให้อุทธรณ์ในคดีที่อยู่ในเขตอำนาจของศาลเยาวชนและครอบครัวอื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2005/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. - การเป็นสมาชิกพรรคการเมืองต่อเนื่อง 90 วัน
ผู้ร้องอ้างว่าได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2548 หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าอนุมัติให้เป็นสมาชิกพรรคและขึ้นทะเบียนสมาชิกพรรคไว้แล้วเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2548 ซึ่งหากเป็นความจริงดังที่ผู้ร้องอ้าง ทะเบียนสมาชิกพรรคจะต้องมีชื่อ ที่อยู่ และอาชีพของผู้ร้องซึ่งเป็นสมาชิกไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2548 เมื่อหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้ามีหนังสือแจ้งจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2549 ก็จะต้องระบุชื่อผู้ร้องเป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งในจำนวนสมาชิกพรรคการเมืองที่เพิ่มขึ้นในรอบปี 2548 ได้ เนื่องจากการขึ้นทะเบียนสมาชิกพรรคเป็นหน้าที่ของหัวหน้าพรรคการเมืองที่จะต้องจัดทำให้ตรงตามความเป็นจริงและเก็บรักษาไว้ ณ ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของพรรคการเมืองและพร้อมที่จะให้นายทะเบียนหรือผู้ซึ่งนายทะเบียนมอบหมายตรวจสอบได้ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองฯ มาตรา 34 วรรคหนึ่ง เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ร้องเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้านับถึงวันสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน ผู้ร้องจึงไม่มีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 107 (4) ชอบที่ผู้คัดค้านจะไม่รับสมัครไม่ประกาศชื่อผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งได้
(คำสั่งศาลฎีกา)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1869/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความระหว่างจำเลยและผู้เสียหายในคดีฉ้อโกงทำให้สิทธิฟ้องอาญาและคำขอชดใช้ค่าเสียหายระงับ
การที่ผู้เสียหายได้รับชดใช้ค่าเสียหายจากจำเลยและไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งทางแพ่งและทางอาญาอีกต่อไป ถือได้ว่าผู้เสียหายและจำเลยยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายในความผิดฐานฉ้อโกงซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวก่อนคดีถึงที่สุด สิทธินำคดีอาญามาฟ้องในความผิดฐานดังกล่าวจึงระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2) และย่อมทำให้คำขอในส่วนแพ่งของโจทก์ที่ให้จำเลยคืนหรือชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายตกไปด้วย ทั้ง พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางานฯ ก็มิได้บัญญัติให้พนักงานอัยการโจทก์มีสิทธิเรียกให้จำเลยคืนหรือชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายแต่อย่างใด โจทก์จึงไม่อาจขอให้ศาลบังคับให้จำเลยคืนหรือชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเสียสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จากการไม่ใช้สิทธิเลือกตั้งและไม่แจ้งเหตุ
ผู้ร้องไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งหลังสุดนอกจากนี้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดประกาศชื่อผู้ร้องในบัญชีรายชื่อผู้เสียสิทธิตามมาตรา 68 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ผู้ร้องก็มิได้ไปแจ้งเหตุการณ์ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาฯ ผู้ร้องจึงเป็นผู้เสียสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๖๘ วรรคสอง ประกอบ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาฯ มาตรา 23 วรรคหนึ่ง (3)
(คำสั่งศาลฎีกา)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1438/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาประเด็นใหม่ & การลงโทษตามมาตรา 277/285 ไม่ถือเป็นการเพิ่มโทษ
คดีนี้จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาเพียงประการเดียว การกระทำความผิดตามฟ้องของจำเลยเป็นอันยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ฎีกาของจำเลยที่ว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 4 ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 15
การกระทำความผิดของจำเลยต้องตาม ป.อ. มาตรา 277 วรรคสอง ประกอบมาตรา 285 ซึ่งตามมาตรา 285 เป็นเรื่องที่ต้องวางโทษจำเลยหนักกว่าโทษที่บัญญัติไว้ในมาตรา 277 วรรคสอง หนึ่งในสาม จึงหาใช้เป็นเรื่องการเพิ่มโทษไม่ กรณีไม่อาจนำ ป.อ. มาตรา 54 มาปรับแก่คดีนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1372/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกเว้นความผิดฐานมีอาวุธปืนตาม พ.ร.บ. ยกเว้นความผิดอาญา และความผิดฐานพาอาวุธปืน
พ.ร.บ. ยกเว้นความผิดทางอาญาให้แก่ผู้นำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือที่กฎหมายห้ามออกใบอนุญาต มามอบให้แก่ทางราชการ พ.ศ. 2546 มาตรา 3 วรรคหนึ่งบัญญัติว่า ผู้ใดมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนที่ไม่ได้รับอนุญาต ถ้าได้นำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนดังกล่าวมามอบให้แก่นายทะเบียนท้องที่ภายในกำหนดหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ ให้ผู้นั้นได้รับยกเว้นจากความผิดทางอาญาตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน ฯ แม้ขณะถูกจับกุมไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยจะนำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางไปมอบให้แก่นายทะเบียนท้องที่ก็ตาม แต่ขณะที่จำเลยถูกจับกุมและตกเป็นผู้ต้องหายังอยู่ในระยะเวลาที่จำเลยจะนำอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางมามอบให้แก่นายทะเบียนท้องที่ได้ จำเลยย่อมได้รับยกเว้นความผิดฐานมีอาวุธปืนตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
ซองพกอาวุธปืนของกลางเป็นทรัพย์ที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดฐานพาอาวุธปืน จึงเป็นทรัพย์ที่สมควรริบตาม ป.อ. มาตรา 33 (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำชำเราเด็กหญิงและพรากเด็ก การไม่รอการลงโทษและการยกเลิกการคุมประพฤติ
การที่จำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุ 13 ปีเศษ หลายครั้งต่างวาระกัน เป็นการล่วงละเมิดทางเพศโดยอาศัยความอ่อนวัยไร้เดียงสาของผู้เสียหายที่ 1 เป็นการกระทำที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีและก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายที่ 1 ทั้งทางร่างกายและจิตใจเป็นอย่างมาก พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องที่ร้ายแรง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ใช้ดุลพินิจรอการลงโทษจำคุกในความผิดฐานดังกล่าวให้แก่จำเลยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย แต่โทษจำคุกที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 กำหนดมานั้น เหมาะสมแก่รูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข และเมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรไม่รอการลงโทษให้แก่จำเลยในความผิดฐานกระทำชำเราดังกล่าวแล้ว การคุมประพฤติจำเลยในความผิดฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาโดยไม่มีเหตุอันสมควรเพื่อการอนาจารย่อมไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด จึงเห็นสมควรให้ยกเลิกการคุมประพฤติจำเลยในความผิดฐานนี้เสียด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินสมรส, การบังคับคดี, ฉ้อฉล: ยึดที่ดินที่เป็นสินสมรสได้แม้จะซื้อขายไปแล้ว หากผู้ซื้อรู้ถึงหนี้สินและร่วมฉ้อฉล
ปรากฏตามสำเนาทะเบียนสมรสว่าจำเลยจดทะเบียนสมรสกับ ส. เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2524 และทางราชการได้ออกโฉนดที่ดินเลขที่ 26526 ให้แก่ ส. เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2542 โดยไม่ปรากฏว่า ส. ได้ที่ดินมาด้วยเหตุใด กรณีจึงต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าที่ดินแปลงนี้เป็นสินสมรสระหว่างจำเลยกับ ส. ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1474 (1) และวรรคสอง โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยย่อมมีสิทธิตาม ป.วิ.พ. มาตรา 278 ประกอบมาตรา 282 ที่จะบังคับคดีเอาชำระหนี้จากที่ดินแปลงนี้ได้
ผู้ร้องและ ส. มีภูมิลำเนาอยู่หมู่ที่ 1 เช่นเดียวกัน จำเลยกับ ส. แต่งงานกันมาเกือบ 30 ปี และผู้ร้องทราบจาก ก. บ. และ ป. ก่อนผู้ร้องจะทำสัญญาซื้อที่ดินจาก ส. ว่าบุคคลทั้งสามกับพวกกำลังดำเนินคดีแก่จำเลยกับ ส. เป็นคดีอาญาและดำเนินคดีทางแพ่งแก่จำเลยอีกด้วย จึงรับฟังได้ว่าผู้ร้องซื้อที่ดินจาก ส. โดยคบคิดกันฉ้อฉลทำให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบตาม ป.พ.พ. มาตรา 237 ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยการยึด
of 29