คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ.

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 637 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1893-1894/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือเดินรถโดยสารทำให้บริษัทผู้ประกอบการต้องรับผิดร่วมกับผู้ขับขี่ในความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุ
รถคันเกิดเหตุเป็นของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ซึ่งใช้วิ่งร่วมกับจำเลยที่ 3รับส่งคนโดยสาร โดยทาสีเป็นสีเดียวกับรถของจำเลยที่ 3 มีตราและอักษรย่อของจำเลยที่ 3 ติดที่ข้างรถ และต้องเสียเงินค่าขาหรือค่าออกรถให้จำเลยที่ 3 โดยมีนายสถานีซึ่งเป็นคนของจำเลยที่ 3 กำหนดเวลาให้ออกรถ ถือว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกิจการเดินรถกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และเป็นกิจการของจำเลยที่ 3 ด้วย คนขับรถคันเกิดเหตุซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ย่อมจะต้องเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ด้วย จำเลยที่ 3จึงต้องร่วมรับผิดในการละเมิดของคนขับรถนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 835/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องละเมิดต้องชัดเจนถึงการกระทำผิดของจำเลย การใช้ให้ผู้อื่นกระทำละเมิดต้องแสดงเจตนา
ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ผู้เป็นนายอำเภอกับจำเลยอีก 4 คนซึ่งเป็นปลัดอำเภอและตำรวจได้บังอาจกระทำผิดกฎหมายหลายบทหลายกระทงโดยจำเลยที่ 1 ได้ใช้ให้จำเลยอีก 4 คนนั้นกระทำละเมิดต่อโจทก์กล่าวคือใช้ให้จำเลยที่ 2 ไปเอาเรือนาคของกรมชลประทานซึ่งอยู่ในความครอบครองของโจทก์ โดยจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ได้ขู่จะยิงโจทก์ ปลุกปล้ำจับโจทก์ ใช้ปืนตีจนบาดเจ็บ และใส่กุญแจมือคุมตัวฝ่าฝูงชนให้อับอาย ขอให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทน ดังนี้ เป็นคำฟ้องที่ไม่ชัดแจ้งว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจใช้ให้จำเลยอื่นไปเอาเรือนาคและใช้ให้กระทำละเมิดดังกล่าวต่อโจทก์ จึงไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นซึ่งโจทก์จะฟ้องจำเลยฐานละเมิดได้ศาลย่อมไม่รับฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องขัดทรัพย์: สิทธิในรถเช่าซื้อยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ แม้มีการกล่าวอ้างถึงการสมคบกันเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับคดี
ผู้ร้องร้องขอให้ศาลสั่งปล่อยรถยนต์จากการยึด โดยอ้างว่าจำเลยเช่าซื้อรถคันนี้ไปจากผู้ร้องแล้วผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ รถจึงตกเป็นของผู้ร้อง โจทก์ให้การคัดค้าน โดยอ้างด้วยว่าเจ้าหน้าที่ของผู้ร้องสมคบกับจำเลยให้มีการค้างค่าเช่าซื้อขึ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากการบังคับคดี เป็นการกระทำโดยไม่สุจริต โจทก์จะมาอ้างเช่นนี้ในคดีร้องขัดทรัพย์หาได้ไม่ แม้จะให้โจทก์สืบในประเด็นข้อนี้ ก็ไม่เป็นเหตุให้รถคันนี้ตกเป็นของจำเลยอันจะทำให้โจทก์ยึดได้ศาลย่อมสั่งงดสืบพยานในประเด็นข้อนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1318/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาบริษัทต่างประเทศที่มีสาขาในไทย และสิทธิในการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย
บริษัทต่างประเทศซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่นอกราชอาณาจักรขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย เมื่อบริษัทนั้นมีสาขาสำนักงานในประเทศไทย และหนี้นั้นก็เป็นหนี้ที่เกิดแต่การที่จำเลยซื้อสินค้าจากสาขาสำนักงานของบริษัทซึ่งถือได้ว่าบริษัทนั้นมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยด้วย ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 วรรคสอง การขอรับชำระหนี้ในกรณีเช่นนี้ไม่จำต้องพิสูจน์ตามเงื่อนไขในมาตรา 178 แห่ง พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1146/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายของบุตรนอกสมรสและภริยาที่ไม่จดทะเบียนสมรส: เงื่อนไขและขอบเขต
จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายเพราะไม่ใช่บุตรและภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายนั้น แม้จำเลยจะมิได้ยกข้อนี้ขึ้นว่าในชั้นอุทธรณ์ จำเลยก็ยกขึ้นอ้างอิงในชั้นฎีกาได้ เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
โจทก์เป็นเพียงบุตรนอกสมรสของผู้ตาย ถึงแม้ผู้ตายได้แจ้งทะเบียนคนเกิดว่าโจทก์เป็นบุตรของผู้ตายและอุปการะเลี้ยงดูโดยเปิดเผยตลอดมา ก็ไม่ทำให้โจทก์เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายเพราะบุตรนอกสมรสจะกลายเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายได้ตามวิธีการในมาตรา 1526 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เท่านั้นโจทก์คงมีฐานะเป็นเพียงบุตรที่ผู้ตายได้รับรองแล้วตามมาตรา 1627และมีสิทธิที่จะรับมรดกในฐานะที่เป็นผู้สืบสันดานได้ตามมาตรา 1629(1)แต่ไม่มีสิทธิได้ค่าอุปการะเลี้ยงดูหรือฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากผู้ที่ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 756/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งงานโดยไม่จดทะเบียน: สิทธิเรียกร้องสินสอดเมื่อฝ่ายหญิงไม่ยินยอมจดทะเบียน
ชายหญิงแต่งงานกันโดยไม่นำพาต่อการที่จะไปจดทะเบียนสมรสครั้นอยู่กินด้วยกันถึง 9 เดือนแล้วเกิดทะเลาะกัน ชายจึงไปแจ้งอำเภอให้เรียกหญิงไปและขอจดทะเบียนสมรส แต่หญิงก็ไม่ยอมจด เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างไม่นำพาต่อการไปจดทะเบียนสมรสมาแต่เดิมเช่นนี้ชายจึงไม่อาจอ้างได้ว่าฝ่ายหญิงผิดสัญญา จึงไม่อาจเรียกสินสอดทองหมั้นคืนจากฝ่ายหญิง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทายาทมีหน้าที่ชำระหนี้กองมรดก แม้การหย่าไม่เป็นไปตามรูปแบบกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วจำเลยตายก่อนได้รับคำบังคับ โจทก์ขอให้ส่งคำบังคับแก่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นภรรยาจำเลยแทนได้ และการที่ศาลพิพากษาให้ผู้คัดค้านซึ่งเป็นทายาทของจำเลย เอาทรัพย์สินจากกองมรดกของจำเลยชำระหนี้ตามคำพิพากษานั้น ก็ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 238/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจผู้เสียหายในคดีเช็ค: ผู้รับเช็คตัวจริงเท่านั้นที่มีสิทธิร้องทุกข์
จำเลยออกเช็คเงินสดเพื่อชำระราคาไม้ ผู้จัดการร้านค้าไม้รับเช็คแล้วมอบให้เจ้าของร้านค้า เจ้าของร้านจึงเป็นผู้ทรงเช็ค เมื่อเช็คนั้นขึ้นเงินไม่ได้เจ้าของร้านย่อมเป็นผู้เสียหาย ผู้จัดการไม่มีอำนาจร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 49/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าหมดอายุแล้วยังอยู่ต่อ ค่าเช่าที่สูงขึ้นไม่ใช่ค่าเช่าใหม่ แต่เป็นเบี้ยปรับ ผู้ให้เช่ามีสิทธิฟ้องขับไล่ได้ทันที
สัญญาเช่าตึกแถวมีกำหนดเวลาเช่าแน่นอน ค่าเช่าเดือนละ 3 เหรียญและมีข้อสัญญาอยู่ข้อหนึ่งว่า เมื่อครบกำหนดสัญญาแล้วถ้าผู้เช่ายังขืนอยู่ต่อไป ผู้เช่ายอมเสียค่าเช่าเดือนละ 20 เหรียญ เว้นแต่จะได้ทำสัญญากันใหม่ ดังนี้ หมายความว่าค่าเช่าเดือนละ 20 เหรียญนี้ เป็นเบี้ยปรับหรือค่าเสียหายที่กำหนดกันไว้ล่วงหน้า ไม่ใช่ค่าเช่าหรือเงื่อนไขที่มีผลให้ผู้เช่าได้เช่าต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลา และเมื่อสิ้นกำหนดเวลาเช่าได้ 8 วัน ผู้ให้เช่าก็ฟ้องขับไล่ผู้เช่า ย่อมถือว่าผู้ให้เช่าทักท้วงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 570 แล้ว ผู้ให้เช่ามีสิทธิฟ้องได้โดยไม่ต้องบอกเลิกสัญญาเช่ากันอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกู้เงินโดยใช้เช็คเป็นประกัน ไม่ใช่เจตนาหลอกลวงผู้รับเช็ค ศาลยกฟ้อง
จำเลยขอยืมเงินโจทก์ โจทก์ไม่มี. จำเลยจึงขอให้ไปยืมคนอื่นมาให้. ผู้ให้กู้ให้โจทก์รับรองว่าจะคืนภายใน 2เดือนจึงจะให้ยืม. จำเลยจึงเขียนเช็ค 2 ฉบับไม่ได้ลงวันที่. โจทก์สลักหลังเช็คทั้งสองฉบับแล้วมอบให้จำเลยไปขอเงินที่ผู้ให้กู้. เมื่อครบกำหนดจำเลยไม่ชำระ.ผู้ให้กู้ทวงถามโจทก์ โจทก์จึงใช้เงินให้ และยึดเช็ค 2 ฉบับนั้นไว้ แล้วทวงถามจำเลย. จำเลยชำระให้ครึ่งหนึ่งโจทก์จึงคืนเช็คให้จำเลย 1 ฉบับ. เมื่อทวงถามให้ชำระอีกจำเลยไม่ชำระ. โจทก์จึงเขียนวันที่ลงในเช็ค แล้วเอาไปเข้าบัญชี ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน. โจทก์จึงนำคดีมาฟ้อง. ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการกู้เงินโดยเอาเช็คเป็นประกันเงินกู้ มิใช่จำเลยออกเช็คเพื่อแลกเงินสดหรือออกเช็คเพื่อชำระหนี้เงินกู้ และไม่ใช่เป็นการออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค.
of 64