พบผลลัพธ์ทั้งหมด 637 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 839/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยในคดีอาญาที่มีอัตราโทษสูง แม้รับสารภาพ ศาลต้องฟังพยานโจทก์จนพอใจและลงโทษตามพฤติการณ์ที่กระทำ
คดีอาญาที่มีอัตราโทษอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปี ขึ้นไป เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่า จำเลยได้กระทำผิดจริง เมื่อศาลฟังพยานโจทก์ได้ความว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินแก่เหตุ ศาลย่อมลงโทษเท่าที่จำเลยได้กระทำผิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 874/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดสัญญาซื้อขายที่ดิน การเพิกถอนการโอน และค่าเสียหายที่เพิ่มขึ้น
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกันไว้แล้ว ต่อมาตกลงกันให้ผู้อื่นเป็นผู้ซื้อดังนี้ถือว่าเลิกสัญญาเดิม และเกิดสัญญาขึ้นใหม่ตามที่ตกลงกันนั้น
ปรากฎว่าเจ้าพนักงานที่ดินไม่ทำการโอนที่ดินให้ อีกฝ่ายหนึ่งยังร้องเรียนต่อไปเพื่อทำการโอนดังนี้ยังไม่ถือว่าการชำระหนี้เป็นการพ้นวิสัยอันจะทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นตาม มาตรา 219
ในเรื่องฟ้องขอให้บังคับผู้ขายทำการโอนที่ดินและปรากฎว่าผู้ขายโอนให้แก่ผู้อื่นแล้วนั้น ถ้าหากว่าเพิกถอนการโอนนั้นได้ ก็ถือว่าสภาพแห่งหนี้เปิดช่องให้บังคับตามมาตรา 213 ถ้าเพิกถอนไม่ได้สภาพแห่งหนี้ก็ไม่เปิดช่องในบังคับตามาตรา 213
ตาม ม. 1336 และรัฐธรรมนูญ นั้น เจ้าของย่อมมีสิทธิจำหน่ายทรัพย์สินของตน เว้นแต่จะมีกฎหมายห้าม
เจ้าพนักงานที่ดินไม่อาจที่จะไม่ยอมทำการโอนที่ดินตามสัญญาซื้อขายในเมื่อเขาร้องขอทำการโอน ตามความพอใจของตน นอกจากเป็นการไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน ม. 41(ข)
ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินไว้กับตน แล้วเอาไปโอนขายให้แก่จำเลยที่ 2 - 3 ดังนี้ ไม่ถือว่า เป็นการฟ้องว่าจำเลยโอนกันโดยการฉ้อฉล เป็นเหตุให้โจทก์เสียเปรียบตาม ม. 237
ผู้ที่ฟ้องขอให้เพิกถอนตาม ม. 1300 จะต้องแสดงว่าตนอยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิได้ตามมาตรานี้ เพียงแต่ได้ความว่า ได้ทำสัญญาจะซื้อขายและวางมัดจำไว้ ไม่เรียกว่าอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้ตกมาตรา 1300
เอาที่ดินซึ่งทำสัญญาจะซื้อขายให้คนหนึ่งไปโอนให้อีกคนหนึ่ง ผู้โอนย่อมได้ชื่อว่าผิดสัญญาต่อผู้ซื้อคนแรก ซึ่งจะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายฐานผิดสัญญา
รับโอนที่ดินซึ่งผู้ขายทำสัญญาจะขายกับเขาไว้แล้ว แล้วผิดสัญญากับเขามาโอนให้แก่ตน ถ้าหากผู้ซื้อคนแรกฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนไม่ได้แล้ว ผู้ซื้อคนหลังไม่ต้องรับผิดในความเสียหายของผู้ซื้อคนแรก
ทำสัญญาขายที่ดินกับเขาไว้แล้วผิดสัญญาไปโอนขายให้ผู้อื่น ศาลบังคับให้ผู้ขายใช้ค่าเสียหายได้เท่าจำนวนเงินที่ไปขายได้เงินสูงขึ้น
ปรากฎว่าเจ้าพนักงานที่ดินไม่ทำการโอนที่ดินให้ อีกฝ่ายหนึ่งยังร้องเรียนต่อไปเพื่อทำการโอนดังนี้ยังไม่ถือว่าการชำระหนี้เป็นการพ้นวิสัยอันจะทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นตาม มาตรา 219
ในเรื่องฟ้องขอให้บังคับผู้ขายทำการโอนที่ดินและปรากฎว่าผู้ขายโอนให้แก่ผู้อื่นแล้วนั้น ถ้าหากว่าเพิกถอนการโอนนั้นได้ ก็ถือว่าสภาพแห่งหนี้เปิดช่องให้บังคับตามมาตรา 213 ถ้าเพิกถอนไม่ได้สภาพแห่งหนี้ก็ไม่เปิดช่องในบังคับตามาตรา 213
ตาม ม. 1336 และรัฐธรรมนูญ นั้น เจ้าของย่อมมีสิทธิจำหน่ายทรัพย์สินของตน เว้นแต่จะมีกฎหมายห้าม
เจ้าพนักงานที่ดินไม่อาจที่จะไม่ยอมทำการโอนที่ดินตามสัญญาซื้อขายในเมื่อเขาร้องขอทำการโอน ตามความพอใจของตน นอกจากเป็นการไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน ม. 41(ข)
ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินไว้กับตน แล้วเอาไปโอนขายให้แก่จำเลยที่ 2 - 3 ดังนี้ ไม่ถือว่า เป็นการฟ้องว่าจำเลยโอนกันโดยการฉ้อฉล เป็นเหตุให้โจทก์เสียเปรียบตาม ม. 237
ผู้ที่ฟ้องขอให้เพิกถอนตาม ม. 1300 จะต้องแสดงว่าตนอยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิได้ตามมาตรานี้ เพียงแต่ได้ความว่า ได้ทำสัญญาจะซื้อขายและวางมัดจำไว้ ไม่เรียกว่าอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้ตกมาตรา 1300
เอาที่ดินซึ่งทำสัญญาจะซื้อขายให้คนหนึ่งไปโอนให้อีกคนหนึ่ง ผู้โอนย่อมได้ชื่อว่าผิดสัญญาต่อผู้ซื้อคนแรก ซึ่งจะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายฐานผิดสัญญา
รับโอนที่ดินซึ่งผู้ขายทำสัญญาจะขายกับเขาไว้แล้ว แล้วผิดสัญญากับเขามาโอนให้แก่ตน ถ้าหากผู้ซื้อคนแรกฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนไม่ได้แล้ว ผู้ซื้อคนหลังไม่ต้องรับผิดในความเสียหายของผู้ซื้อคนแรก
ทำสัญญาขายที่ดินกับเขาไว้แล้วผิดสัญญาไปโอนขายให้ผู้อื่น ศาลบังคับให้ผู้ขายใช้ค่าเสียหายได้เท่าจำนวนเงินที่ไปขายได้เงินสูงขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 53/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญาฐานสมคบกันฆ่า: การระบุตัวผู้สมคบ
กรณีที่ถือว่าฟ้องระบุเพียงพอว่า จำเลยสมคบกันฆ่าเขาตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 309/2488 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์ในเคหะสถานต้องพิสูจน์ว่าสถานที่นั้นใช้เป็นที่อยู่อาศัย
เคหะสถานนั้นหมายถึงสถานที่ซึ่งเป็นที่ตนอยู่อาศัย แม้แต่ห้องเรือนก็จะต้องปรากฎว่าใช้เป็นที่คนอยู่อาศัย จึงจะถือว่าเป็นเคหะสถาน
ฎีกาที่ 590/2471 ฎีกาที่ 810/2479 และที่ 515/2486
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเข้าไปลักทรัพย์ในห้องเรือนของผู้เสียหายโดยมิได้ระบุหรือทำให้เข้าใจว่าห้องเรือนนั้นใช้เป็นที่สำหรับคนอยู่อาศัย ไม่เป็นลักทรัพย์ในเคหะสถาน.
ฎีกาที่ 590/2471 ฎีกาที่ 810/2479 และที่ 515/2486
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเข้าไปลักทรัพย์ในห้องเรือนของผู้เสียหายโดยมิได้ระบุหรือทำให้เข้าใจว่าห้องเรือนนั้นใช้เป็นที่สำหรับคนอยู่อาศัย ไม่เป็นลักทรัพย์ในเคหะสถาน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายยาสูบเกินราคาต้องระบุผู้กระทำ การฟ้องไม่ชัดเจนทำให้ศาลยกฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยจำหน่ายยาสูบเกินราคาที่อธิบดีกรมสรรพสามิตต์กำหนด แต่ไม่ได้ระบุว่าจำเลยเป็นผู้ทำการจำหน่ายยาสูบดังนี้กรณีย์ไม่เป็นความผิด ตาม ม.19
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 785/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งที่ดินโดยสัญญาจะซื้อขายและผลของการไม่ไถ่ถอนหนี้ต่อสิทธิในที่ดิน
ไห้ที่ดินผู้อื่นไปไห้เจ้าหนี้ทำกินต่างอกเบี้ยเงินกู้ผู้กู้ไปสัญญาด้วยว่าถ้าไม่ไถ่ไน 5 ปียอมไห้หลุดเปนสิทธิเมื่อครบ 10 ปีนับแต่วันสัญญาไถ่ถอนแล้วไม่ไถ่ฝ่ายเจ้าของได้ขอที่ดินคืนพายไน 10 ปี ดังนี้ เมื่อเจ้าของที่กับเจ้าหนี้โต้แย้งกัมสิทธิกัน ก็ต้องฟังข้อเท็ดจิงต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในสินสมรสภายใต้กฎหมายอิสลาม: การแบ่งมรดกเมื่อไม่มีบทบัญญัติเรื่องสินสมรส
โจทฟ้องว่าสาลดีกาพิพากสาไห้แบ่งมรดกตามกดหมายอิสลาม เมื่อกดหมายอิสลามไม่มีบัญญัติเรื่องสมรส โจทไม่มีสิทธิได้แบ่งสมรส
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์และการขัดทรัพย์: ผลของการยกคำร้องขัดทรัพย์ต่อการดำเนินการบังคับคดี
สาลไห้ยกคำร้องขัดทรัพย์ แต่ไม่ได้ไห้เพิกถอนนิติกัมซึ่งโอนระหว่างจำเลยและผู้ร้อง ผู้ร้องก๋ขอไห้ถอนการยึดไม่ได้ เพระาคำร้องขอขัดทรัพย์ถูกยกไปแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 115/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสันนิษฐานการครอบครองน้ำตานเมา: การกินน้ำตานเมาไม่ได้หมายถึงการครอบครอง
ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันมีและกิน น้ำตานเมา แต่ทางพิจารนาได้ความเพียงว่าจำเลยกินน้ำตานเมาดังนี้จะสันนิถานว่าจำเลยมีน้ำตานเมาด้วยไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดกโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้มีทายาทไม่บรรลุนิติภาวะ การยินยอมภายหลังทำให้การแบ่งสมบูรณ์
ทายาทตกลงแบ่งมรดกบางหย่างจะได้ปกครองมาเปนส่วนสัดถึง 5 แล้ว แม้จะมีทายาทบางคนไม่หยู่ + เวลานั้นและไม่บันลุนิติภาวะ แต่+ ที่ไม่หยู่ก็มิได้คัดค้านการแบ่งนั้นหย่างไรดังนี้ ทายาทที่ได้รับส่วนแบ่งจะบอกเลิกการแบ่งนั้นไม่ได้