พบผลลัพธ์ทั้งหมด 441 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4670/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งอนุญาตให้เป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามอุทธรณ์จนกว่ามีคำพิพากษา
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะ ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4670/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลอนุญาตให้ทายาทเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะ เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ห้ามอุทธรณ์
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นคู่ความ แทนที่โจทก์ผู้มรณะ ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่าง พิจารณาของศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1600/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคล: การพิสูจน์รายจ่าย และการแก้ไขคำวินิจฉัยอุทธรณ์
รายการค่าใช้จ่ายที่ไม่มีใบเสร็จรับเงินไม่มีชื่อผู้รับเงินมีแต่ใบสำคัญจ่ายแต่มิได้มีพยานหลักฐานนำสืบว่าได้จ่ายเงินไปจริงแม้เป็นจำนวนเงินเล็กน้อยก็จะรับฟังว่าเป็นความจริงหาได้ไม่. คำฟ้องโจทก์มิได้กล่าวถึงค่าถมทรายในปี2516ข้อเท็จจริงได้ความตามทางพิจารณาว่าเงินจำนวน1,705,287บาท45สตางค์เป็นรายรับของโจทก์ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากเจ้าพนักงานของจำเลยที่1ประเมินรายรับขึ้นใหม่ตามหลักเกณฑ์การคำนวณราคาสิ่งปลูกสร้างของกรมโยธาธิการและเงินจำนวน53,390บาทเป็นรายจ่ายที่โจทก์ลงบัญชีไว้ว่าเป็นค่าขนส่งแสดงว่าโจทก์หาได้ฟ้องว่าการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ไม่ชอบเพราะความจริงโจทก์มีรายจ่ายค่าถมทรายไม่การที่โจทก์นำสืบว่าได้จ่ายค่าถมทรายไปจึงเป็นการนอกฟ้อง โจทก์เพิ่งกล่าวอ้างว่ามีรายจ่ายค่าถมทรายในปี2517จำนวนเงินใกล้เคียงกับที่เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่1ตรวจพบใบเสร็จฉบับแรกกรรมการโจทก์คนหนึ่งลงชื่อรับเงินฉบับที่2ไม่ปรากฏว่าผู้ใดรับเงินฉบับที่3ถึง5ลูกจ้างโจทก์เป็นผู้รับเงินและฉบับที่6บุคคลภายนอกซึ่งมีอาชีพรับจ้างคัดเหล็กเป็นผู้รับเงินทั้งที่โจทก์มีลูกจ้างไปซื้อทรายจากเรือเร่มาได้อยู่แล้วพยานหลักฐานโจทก์จึงมีพิรุธรับฟังไม่ได้แต่อย่างไรก็ดีเนื่องจากที่ดินที่โจทก์สร้างศูนย์การค้าเป็นที่ลุ่มต้องถมทรายก่อนทำการก่อสร้างจึงน่าเชื่อว่ามีรายจ่ายค่าซื้อทรายถมที่ดินในปี2517แต่ไม่เต็มตามที่อ้าง. ศาลมีอำนาจพิพากษาให้แก้ไขคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้ถูกต้องโดยไม่จำเป็นต้องสั่งให้ทำการประเมินใหม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4417/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเข้าเป็นคู่ความแทนที่ และอำนาจศาลฎีกาในการกำหนดค่าทนายความ
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้ว ส. ผู้เข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ ถึงแก่กรรม บ.ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ไม่ปรากฏว่าจำเลยคัดค้าน แต่ศาลอุทธรณ์มิได้สั่งคำร้องของ บ. โดยพิพากษาคดีไปเลย ถือได้ว่าศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ บ. เข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์แล้ว การที่ศาลล่างกำหนดค่าทนายความให้จำเลยใช้แทนโจทก์ เกินกว่าอัตราค่าทนายความตามตาราง 6ท้าย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งศาลฎีกามีอำนาจกำหนด เสียใหม่ให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4417/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเข้าเป็นคู่ความแทนที่และการกำหนดค่าทนายความเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้ว ส. ผู้เข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ ถึงแก่กรรม บ.ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ไม่ปรากฏว่าจำเลยคัดค้าน แต่ศาลอุทธรณ์มิได้สั่งคำร้องของ บ. โดยพิพากษาคดีไปเลย ถือได้ว่าศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ บ. เข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์แล้ว
การที่ศาลล่างกำหนดค่าทนายความให้จำเลยใช้แทนโจทก์ เกินกว่าอัตราค่าทนายความตามตาราง 6 ท้าย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งศาลฎีกามีอำนาจกำหนด เสียใหม่ให้ถูกต้องได้
การที่ศาลล่างกำหนดค่าทนายความให้จำเลยใช้แทนโจทก์ เกินกว่าอัตราค่าทนายความตามตาราง 6 ท้าย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งศาลฎีกามีอำนาจกำหนด เสียใหม่ให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3333/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความและการยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถา
หากศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ผู้ร้องก็จะได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลเพื่อใช้แทนผู้ชนะคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้อง ชำระเกี่ยวกับคำฟ้องอุทธรณ์ที่ผู้ร้องยื่นต่อศาลนั้น ผู้ร้องก็ยังไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องชำระในชั้นนี้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องนำค่าฤชาธรรมเนียมมาชำระก่อนจึงค่อยกำหนดนัดไต่สวนคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความ แทนที่ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นางส.ร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้เป็นมารดา ทรัพย์สินที่อาจได้มาตามคำพิพากษาซึ่งจะตกได้แก่ผู้ร้องก็จะเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้อง มิใช่เป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับสามี กรณีจึงมิใช่เป็นกรณีที่ผู้ร้องเข้า ไปจัดการ สินสมรสอันจะต้องจัดการร่วมกับสามี หรือต้องได้รับความยินยอมจากสามีตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1476,1477, และ 1478
นางส.ร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้เป็นมารดา ทรัพย์สินที่อาจได้มาตามคำพิพากษาซึ่งจะตกได้แก่ผู้ร้องก็จะเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้อง มิใช่เป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับสามี กรณีจึงมิใช่เป็นกรณีที่ผู้ร้องเข้า ไปจัดการ สินสมรสอันจะต้องจัดการร่วมกับสามี หรือต้องได้รับความยินยอมจากสามีตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1476,1477, และ 1478
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1995/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีหลังจำเลยเสียชีวิต: ศาลต้องจัดให้มีคู่ความแทนที่ก่อนพิจารณาต่อ
ศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดแล้ว แต่โจทก์ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 26 กันยายน2522 ขอให้ศาลชั้นต้นแก้คำบังคับโดยให้จำเลยเสียค่าขึ้นศาลที่โจทก์ต้องเสียเพิ่มด้วย ซึ่งต่อมาได้มีอุทธรณ์ฎีกาคำร้องดังกล่าวโดยทนายจำเลยเป็นผู้ฎีกาและปรากฏข้อเท็จจริงในชั้นฎีกาว่าจำเลยถึงแก่กรรมไปแล้วเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2522โดยทนายจำเลยก็ทราบแต่ยังไม่มีผู้เข้าเป็นคู่ความแทนที่ ซึ่งเมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์คดีก็กลับมีกรณีที่จะต้องตั้งต้นพิจารณาในชั้นอุทธรณ์ขึ้นใหม่ โดยต้องจัดให้มีผู้เข้ามาเป็นคู่ความเสียก่อนเช่นนี้ การดำเนินกระบวนพิจารณาตั้งแต่ชั้นสั่งรับอุทธรณ์เป็นต้นมา จึงยังไม่ถูกต้องและทนายจำเลยย่อมหมดสภาพเป็นทนายจำเลยที่จะยื่นฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1994/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดสิทธิการดำเนินคดีแทนจำเลยหลังเสียชีวิต และการหาคู่ความใหม่
จำเลยตาย แม้ทนายจำเลยจะมีอำนาจยื่นอุทธรณ์แทนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 828 ทำให้คดีกลับมีกรณีที่จะต้องตั้งต้นพิจารณาชั้นอุทธรณ์ขึ้นใหม่แต่เมื่อจำเลยตายแล้ว ทนายจำเลยย่อมหมดสภาพเป็นทนายจำเลย จึงทำให้คดีมีแต่โจทก์ฝ่ายเดียว ฝ่ายจำเลยยังไม่มีผู้เข้าเป็นคู่ความดำเนินคดีแทน จึงต้องจัดหาผู้เข้ามาเป็นคู่ความดำเนินคดีแทนจำเลยเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1493/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: การฟ้องชำระหนี้สัญญาเดิมหลังคดีถึงที่สุดแล้ว ถือเป็นการฟ้องซ้ำตามกฎหมาย
เดิม จ.เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้เงินกู้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง จ.อุทธรณ์และถึงแก่กรรมในระหว่างอุทธรณ์ โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของ จ.โดยคำสั่งศาลยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่เกินกำหนดหนึ่งปีศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตและจำหน่ายคดีจากสารบบความคำพิพากษาศาลชั้นต้นย่อมถึงที่สุดนับแต่วันที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 147 วรรคสอง เมื่อโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้ตามสัญญากู้ฉบับเดียวกันนั้นอีก เช่นนี้ถือได้ว่าโจทก์เป็นคู่ความรายเดียวกับเจ้ามรดก และคดีทั้งสองมีประเด็นอย่างเดียวกันซึ่งจะต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันจึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1493/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ผู้จัดการมรดกฟ้องคดีซ้ำกับคดีเดิมที่ศาลจำหน่ายคดีเนื่องจากไม่ยื่นคำร้องขอรับมรดกภายในกำหนด
เดิม จ.เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้เงินกู้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง จ.อุทธรณ์และถึงแก่กรรมในระหว่างอุทธรณ์โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของ จ.โดยคำสั่งศาลยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่เกินกำหนดหนึ่งปีศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตและจำหน่ายคดีจากสารบบความคำพิพากษาศาลชั้นต้นย่อมถึงที่สุดนับแต่วันที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 147 วรรคสองเมื่อโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้ตามสัญญากู้ฉบับเดียวกันนั้นอีก เช่นนี้ถือได้ว่าโจทก์เป็นคู่ความรายเดียวกับเจ้ามรดก และคดีทั้งสองมีประเด็นอย่างเดียวกันซึ่งจะต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันจึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148