คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 191

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 17 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330/2563

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10282/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษทางอาญา: การพิจารณาโทษฐานต่างๆ และข้อยกเว้นการเพิ่มโทษในความผิดร้ายแรง
คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตาม ป.อ. มาตรา 289 (4), 289 (4) ประกอบมาตรา 80, 371 พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม ป.อ. มาตรา 91 โดยให้เพิ่มโทษทุกฐานความผิดกระทงละหนึ่งในสามตาม ป.อ. มาตรา 92 แต่ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนต้องระวางโทษประหารชีวิต ไม่อาจเพิ่มโทษได้ จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้ทุกฐานความผิดกระทงละกึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 โดยฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนให้จำคุกตลอดชีวิตตาม ป.อ. 52 (2) เมื่อรวมโทษทุกฐานกระทงความผิดแล้ว คงลงโทษจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิต
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชัดแจ้งอยู่แล้วว่าให้เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ทุกฐานความผิด เพียงแต่ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนซึ่งต้องโทษประหารชีวิตนั้น ไม่อาจเพิ่มโทษได้เท่านั้น จึงไม่ต้องอธิบายคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4195-4197/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดวันคดีถึงที่สุดหลังถอนฎีกา กรณีจำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราว
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามคำร้องของจำเลยแล้ว หากจำเลยไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของศาลชั้นต้น จำเลยก็ชอบที่จะยื่นอุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ภาค 7 เพื่อให้เป็นไปตามลำดับชั้นศาล เมื่อพิจารณาคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยดังกล่าวพอแปลความหมายได้ว่าจำเลยต้องการให้ศาลฎีกาอธิบายความหมายของคำสั่งที่อนุญาตให้จำเลยถอนฎีกาตามคำร้องว่าในกรณีนี้คดีถึงที่สุดเมื่อใด
ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยถอนฎีกา แต่ยังมิได้มีคำสั่งเกี่ยวกับการออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดตามที่จำเลยยื่นคำร้องไว้ เมื่อกรณีที่จำเลยขอถอนฎีกาเช่นนี้ ศาลฎีกาเคยมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยถอนฎีกาแล้วสั่งต่อไปว่าคดีถึงที่สุดนับแต่วันที่จำเลยยื่นคำร้องขอถอนฎีกาในกรณีที่จำเลยนั้นต้องขังระหว่างฎีกาในขณะยื่นคำร้อง แต่คดีนี้จำเลยได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกาและขณะที่ยื่นคำร้องขอถอนฎีกา จำเลยยังได้รับการปล่อยชั่วคราว ผู้ประกันเพิ่งมาขอถอนประกันและส่งตัวจำเลยต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2554 ฉะนั้น จึงเห็นควรระบุให้ชัดเจนว่าคดีถึงที่สุดนับแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2554 อันเป็นวันที่ผู้ประกันส่งตัวจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดทางแพ่งในคดีรับของโจร: การบังคับคดีชำระหนี้เฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับความผิดอาญา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์เงินเหรียญของผู้เสียหายรวมเป็นเงิน 110,000 บาท หรือรับของโจรเงินเหรียญของผู้เสียหาย ซึ่งเจ้าพนักงานตำรวจยึดได้จากจำเลยรวมเป็นเงิน22,300 บาท และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 87,700 บาทที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายจำเลยให้การรับสารภาพฐานรับของโจรเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษฐานรับของโจร ความรับผิดทางแพ่งของจำเลยคงมีอยู่เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดทางอาญาฐานรับของโจรเท่านั้น แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 87,700 บาท ตามคำขอท้ายฟ้องแก่ผู้เสียหาย ก็ต้องแปลว่าเป็นคำสั่งให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในส่วนที่จำเลยรับของโจร เมื่อผู้เสียหายได้รับของกลางที่จำเลยรับของโจรไว้คืนไปแล้วย่อมไม่อาจขอให้ยึดทรัพย์ของจำเลยขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้อีกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดทางแพ่งในคดีรับของโจร ศาลจำกัดเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับความผิดอาญา ผู้เสียหายขอบังคับคดีเกินกว่านั้นไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรและขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษฐานรับของโจร ความรับผิดทางแพ่งของจำเลยคงมีอยู่เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดทางอาญาฐานรับของโจรเท่านั้น แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ ก็ต้องแปลว่าเป็นคำสั่งให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในส่วนที่จำเลยรับของโจร เมื่อผู้เสียหายได้รับของกลางที่จำเลยรับของโจรไว้คืนไปแล้ว ย่อมไม่อาจขอให้ยึดทรัพย์ของจำเลยขายทอดตลาดอีกได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 3/2530)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอคืนของกลาง: ศาลฎีกายกคำร้องเนื่องจากไม่มีประเด็นให้วินิจฉัยเพิ่มเติมหลังศาลอุทธรณ์ตัดสินแล้ว
++ เรื่อง ความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ (ชั้นขอคืนของกลาง) ++
++ โจทก์ฎีกา ++
++
++ คำพิพากษาสั่งออก - รอย่อ
++ แจ้งการอ่านแล้ว / โปรดติดต่อห้องบริการเอกสารสำเนาคำพิพากษา (ห้องสมุด) ชั้น 4, 5 ++
++
ผู้ร้องร้องขอคืนของกลางที่ศาลสั่งริบ โจทก์คัดค้านเป็นคดีพิพาทกันเรื่องขอให้คืนของกลาง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำร้องเพราะในคดีอาญาเดิมศาลชั้นต้นมิได้มีคำพิพากษาให้ริบของกลางและผู้ร้องก็ไม่ได้ฎีกาต่อมา คดีเรื่องที่ผู้ร้องขอคืนของกลางย่อมเป็นอันยุติ ไม่มีข้อที่โจทก์จะต้องพิพาทโต้แย้งต่อไปอีกในชั้นนี้ ถ้าหากคำพิพากษาในคดีอาญาเดิมของศาลชั้นต้นมีข้อผิดพลาดบกพร่องอย่างไรก็ชอบที่โจทก์จะต้องไปว่ากล่าวในคดีเดิมนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ในคดีนี้ไม่ได้
หมายเหตุ : ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ในคดีอาญาเดิมศาลชั้นต้นไม่ได้มีคำพิพากษาให้ริบของกลาง คดีไม่มีความจำเป็นต้องวินิจฉัย พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์ตลอดจนถึงคำร้องของผู้ร้องด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนของกลาง: ศาลฎีกาตัดสินว่าเมื่อศาลอุทธรณ์ยกคำร้องและไม่มีการฎีกาต่อ คดีขอคืนของกลางย่อมยุติ
ผู้ร้องร้องขอคืนของกลางที่ศาลสั่งริบ โจทก์คัดค้านเป็นคดีพิพาทกันเรื่องขอให้คืนของกลาง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำร้องเพราะในคดีอาญาเดิมศาลชั้นต้นมิได้มีคำพิพากษาให้ริบของกลางและผู้ร้องก็ไม่ได้ฎีกาต่อมาคดีเรื่องที่ผู้ร้องขอคืนของกลางย่อมเป็นอันยุติไม่มีข้อที่โจทก์จะต้องพิพาทโต้แย้งต่อไปอีกในชั้นนี้ ถ้าหากคำพิพากษาในคดีอาญาเดิมของศาลชั้นต้นมีข้อผิดพลาดบกพร่องอย่างไรก็ชอบที่โจทก์จะต้องไปว่ากล่าวในคดีเดิมนั้นศาลฎีกาวินิจฉัยให้ในคดีนี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความคำพิพากษาที่พิมพ์ตก ศาลมีอำนาจอธิบายได้ หากบริบทโดยรวมแสดงเจตนาให้ริบของกลาง
ศาลชั้นต้นอ่านต้นร่างคำพิพากษาให้ลงโทษและริบของกลางแล้ว ในสารบบคำพิพากษาก็ลงว่า ริบของกลาง แต่เวลาพิมพ์คำพิพากษาพิมพ์ตกข้อความไม่มีว่า ริบของกลาง โจทก์ร้องขอให้ศาลชั้นต้นอธิบายคำพิพากษาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1275/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตกลงแก้ไขแผนที่โฉนดหลังคำพิพากษาฎีกาผูกพันคู่ความ การขอถอนเจตนาภายหลังจึงไม่สมเหตุผล
เมื่อมีคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับเขตที่ดินของโจทก์จำเลยและคู่ความตกลงกันให้แก้แผนที่หลังโฉนด ศาลได้จดข้อตกลงไว้ในรายงานพิจารณา และแจ้งไปยังเจ้าพนักงานที่ดินแล้วโจทก์จะกลับมาขอถอนการแสดงเจตนานั้นโดยอ้างว่าโจทก์เข้าใจผิด หาได้ไม่ ไม่มีเหตุผลพอให้ถือได้ว่าเข้าใจผิด เพราะเป็นข้อความชัดแจ้งและเป็นการยอมให้แก้ไขแผนที่หลังโฉนดให้ตรงกับเขตที่ดินที่ศาลฎีกาได้ชี้ขาดในคดีนั้นนั่นเอง
โจทก์ขอมาในฎีกาให้ศาลฎีกาอธิบายเขตที่ดินอีก เมื่อปรากฏว่าศาลฎีกาได้กล่าวในคำพิพากษาฎีกาฉบับก่อนชัดแจ้งอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องอธิบายอะไรอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1275/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงแก้แผนที่โฉนดหลังคำพิพากษาศาลฎีกา: ผูกพันคู่ความ, ถอนเจตนาไม่ได้, ชี้ขาดเด็ดขาด
เมื่อมีคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับเขตที่ดินของโจทก์จำเลยและคู่ความตกลงกันให้แก้แผนที่หลังโฉนดศาลได้จดข้อตกลงไว้ในรายงานพิจารณา และแจ้งไปยังเจ้าพนักงานที่ดินแล้ว โจทก์จะกลับมาขอถอนการแสดงเจตนานั้นโดยอ้างว่าโจทก์เข้าใจผิด หาได้ไม่ ไม่มีเหตุผลพอให้ถือได้ว่า เข้าใจผิด เพราะเป็นข้อความชัดแจ้งและเป็นการยอมให้แก้ไขแผนที่หลังโฉนดให้ตรงกับเขตที่ดินที่ศาลฎีกาได้ชี้ขาดในคดีนั้นนั่นเอง
โจทก์ขอมาในฎีกาให้ศาลฎีกาอธิบายเขตที่ดินอีก เมื่อปรากฎว่าศาลฎีกาได้กล่าวในคำพิพากษาฎีกาฉบับก่อนชัดแจ้งอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องอธิบายอะไรอีก
of 2