คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุรพล เจียมจูไร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 434 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9308/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย: การใช้มีดเพื่อป้องกันการทำร้ายร่างกาย
จำเลยถูกผู้เสียหายชกด้วยสนับมือที่หูซ้ายก่อนและผู้เสียหายจะชกด้วยสนับมือซ้ำอีก ผู้เสียหายจึงเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อนและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายในขณะนั้นเพียง 1 ครั้ง เป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุ จึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีความผิดตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7757/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเพิกถอนสูติบัตรเท็จที่ไม่กระทบสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ จึงไม่เป็นเหตุให้ต้องใช้สิทธิทางศาล
ตามคำฟ้องของโจทก์ทั้งสองที่อ้างว่า โจทก์ที่ 1 เป็นบุตรนาย บ. และโจทก์ที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม ของนาย บ. จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องและแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนท้องถิ่นของจำเลยที่ 2 ว่า เด็กหญิง ญ. เป็นบุตรของจำเลยที่ 1 กับนาย บ. เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 หลงเชื่อจึงออกสูติบัตรของเด็กหญิง ญ. ให้นั้น ไม่มีข้อความตอนใดที่พาดพิงถึงโจทก์ทั้งสอง สูติบัตรที่เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 ออกให้ก็ไม่มีข้อความเกี่ยวพันถึงโจทก์ทั้งสองแต่อย่างใด การยื่นคำร้องและการแจ้งข้อความขอออกสูติบัตรที่จำเลยที่ 1 กระทำต่อเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 ก็ดี การที่เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 ออกสูติบัตรของเด็กหญิง ญ. ก็ดี ไม่เป็นกรณีที่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ทั้งสองตามกฎหมายแพ่ง และไม่เป็นกรณีที่โจทก์ทั้งสองจะต้องใช้สิทธิทางศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7757/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกสูติบัตรเท็จไม่ถือเป็นการโต้แย้งสิทธิทายาทหรือผู้จัดการมรดก หากยังไม่มีการพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือด
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องและแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนท้องถิ่นของจำเลยที่ 2 ว่า เด็กหญิง ญ. เป็นบุตรของจำเลยที่ 1 กับ บ. เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 หลงเชื่อจึงออกสูติบัตรให้ ไม่มีข้อความตอนใดที่พาดพิงถึงโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นทายาทและผู้จัดการมรดกของ บ. สูติบัตรที่ออกให้ก็ไม่มีข้อความเกี่ยวพันถึงโจทก์ทั้งสอง การยื่นคำร้องและการแจ้งข้อความขอออกสูติบัตรที่จำเลยที่ 1 กระทำต่อเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 ก็ดี การที่เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 ออกสูติบัตรก็ดี จึงไม่เป็นกรณีที่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ทั้งสองตามกฎหมายแพ่ง และไม่เป็นกรณีที่โจทก์ทั้งสองจะต้องใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55 แม้หากยังปล่อยให้จำเลยที่ 1 ใช้สูติบัตรเท็จแสดงต่อบุคคลทั่วไป และนำมายื้อแย่งมรดกของ บ. ก็เป็นเรื่องที่จะต้องมีการพิสูจน์ไปตามขั้นตอนว่าเด็กหญิง ญ. เป็นบุตรของ บ. จริงหรือไม่ เป็นคดีต่างหาก กรณีเกี่ยวกับสูติบัตรของเด็กหญิง ญ. ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6969/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นหลังศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว ถือเป็นการอ่านโดยเปิดเผยตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยมิได้มีการนัดอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่อย่างใด ถือได้ว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้โจทก์และจำเลยฟังโดยเปิดเผยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 182 วรรคสองแล้ว แม้ในวันดังกล่าว จะมิได้เป็นวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น อีกทั้งเสร็จการพิจารณาก่อนนั้นแล้ว การอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นครั้งหลังจึงเป็นการชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6969/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นหลังศาลอุทธรณ์ยกคำพิพากษา: ชอบด้วยกฎหมาย แม้ไม่ได้เป็นวันนัดอ่านคำพิพากษา
ในวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โจทก์และจำเลยมาศาล เมื่อศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังแล้วโดยศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาใหม่แล้วดำเนินการต่อไปศาลชั้นต้นจึงอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้โจทก์และจำเลยฟังต่อเนื่องกันไป ถือได้ว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นในศาลให้โจทก์และจำเลยฟังโดยเปิดเผยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 182 วรรคสอง แล้ว แม้ในวันดังกล่าวจะมิได้เป็นวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นก็ไม่ทำให้การอ่านคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมายกลับกลายเป็นไม่ชอบเพราะคดีเสร็จการพิจารณามาก่อนนั้นแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6923/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยที่เป็นพนักงานส่วนท้องถิ่นในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และการใช้บทมาตราในการเพิ่มโทษ
พ.ร.บ. มาตรการในการปราบปรามฯ ยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 10 เป็นบทกำหนดโทษ ให้ระวางโทษเป็นสามเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดในกรณีพนักงานส่วนท้องถิ่นกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เมื่อศาลลงโทษจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายรักษาความสงบ เป็นพนักงานส่วนท้องถิ่น ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 วรรคสอง ซึ่งมีโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิตประกอบ พ.ร.บ. มาตรการในการ ปราบปรามฯ ยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 10 โดยระวางโทษเป็นสามเท่าแล้วให้ประหารชีวิตไม่ถูกต้อง เพราะกรณี ไม่มีทางที่จะระวางโทษเป็นสามเท่าของโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิตได้ จึงนำมาตรา 10 แห่งบทบัญญัติ ดังกล่าวข้างต้นมาปรับด้วยไม่ได้ จำเลยที่ 1 คงมีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่งและวรรคสอง, 66 วรรคสอง เท่านั้น เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นพนักงานส่วนท้องถิ่น ซึ่งต้องระวางโทษเป็นสามเท่า แต่เมื่อโทษตามมาตรา 66 วรรคสอง กำหนดโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต การที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดโทษจำเลยที่ 1 ให้สูงกว่าโทษจำคุกตลอดชีวิตโดยให้ประหารชีวิตก่อนลดโทษให้นั้นเหมาะสมแล้ว ปัญหาดังกล่าวเป็น ข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6433/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของพินัยกรรมและการยกทรัพย์สินให้ทายาท แม้มีข้อความเพิ่มเติมโดยไม่ลงชื่อ
ผู้ตายซึ่งเป็นพระภิกษุเขียนพินัยกรรมขึ้นเองทั้งฉบับ มีการลงวัน เดือน ปี และลายมือชื่อของผู้ตายไว้ครบถ้วนถูกต้องตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1675 วรรคหนึ่ง บัญญัติไว้ โดยเฉพาะข้อกำหนดในพินัยกรรมข้อ 1 ที่ระบุว่า"ทรัพย์สินเงินทองและเข้าของต่างของข้าพเจ้า ที่อยู่ในห้องของข้าพเจ้านี้มอบให้กับทายาทของข้าพเจ้า ในเมื่อข้าพเจ้าตายไปแล้ว" นั้น ก็มีความหมายชัดแจ้งอยู่ในตัวแล้วว่า ผู้ตายประสงค์จะยกทรัพย์สินเงินทองทั้งหมดซึ่งรวมทั้งเงินในสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารที่พบในห้องนอนของผู้ตายให้แก่ทายาทเมื่อผู้ตายมรณภาพ การที่ผู้ตายเขียนข้อความเพิ่มเติมต่อไปว่า "และสมุดฝากในธนาคารต่าง ๆ ด้วย" แม้จะไม่ชอบตามมาตรา 1657 วรรคสอง เพราะผู้ตายมิได้ลงลายมือชื่อกำกับไว้ก็มีผลเพียงว่าไม่มีการเติมข้อความดังกล่าว เท่านั้นส่วนข้อความอื่นยังคงสมบูรณ์ หามีผลทำให้พินัยกรรมที่สมบูรณ์อยู่แล้วต้องตกเป็นโมฆะไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6433/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของพินัยกรรม แม้มีการแก้ไขเพิ่มเติม และสิทธิของผู้รับพินัยกรรมเมื่อไม่มีทรัพย์สินตกทอดแก่วัด
เอกสารนี้ผู้ตายเขียนขึ้นเองทั้งฉบับ มีการลงวัน เดือน ปี และลงลายมือชื่อผู้ตายไว้ครบถ้วนเป็นพินัยกรรม ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1657 วรรคหนึ่งแล้ว การที่ผู้ตายเขียนข้อความเพิ่มเติมต่อไปว่า "และสมุดฝากในธนาคารต่างๆ ด้วย" แม้จะไม่ชอบตาม ป.พ.พ. มาตรา 1657 วรรคสอง เพราะผู้ตายมิได้ลงลายมือชื่อกำกับไว้ก็ตาม ก็มีผลเพียงว่าไม่มีเพิ่มเติมข้อความที่ว่า "และสมุดฝากในธนาคารต่างๆ ด้วย" เท่านั้น ส่วนข้อความอื่นในพินัยกรรมยังคงมีผลสมบูรณ์ หามีผลทำให้พินัยกรรมที่สมบูรณ์อยู่แล้วตกเป็นโมฆะแต่อย่างใด
เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ตายมีทรัพย์สินอันจะตกเป็นสมบัติแก่วัดผู้คัดค้านเพราะผู้ตายได้จำหน่ายโดยพินัยกรรมแล้วตาม ป.พ.พ.มาตรา 1623 ผู้คัดค้านจึงไม่เป็นทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตาย อันจะยื่นคำร้องคัดค้านการร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกของผู้ร้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6055/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้องเพิ่มข้อหาและขอบังคับใหม่ ถือเป็นการนอกเหนือคำฟ้องเดิม และไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เดิมโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งหกดำเนินการเพิกถอนการจดทะเบียนรับผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนและให้เพิกถอนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2543 และครั้งที่ 2/2543 โดยมิได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายแต่อย่างใด การที่โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์ได้รับความเสียหายเพราะโจทก์เสียโอกาสได้รับการจัดสรรซื้อหุ้นเพิ่มทุนซึ่งโจทก์มีสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งหกชำระค่าเสียหายจำนวน 90,000,000 บาท ดั้งนี้เป็นการขอเพิ่มข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาและขอบังคับนอกเหนือไปจากคำฟ้องเดิม มิใช่เป็นกรณีที่เพิ่มจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทในฟ้องเดิมหรือเพิ่มเติมฟ้องเดิมให้บริบูรณ์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 179 ทั้งมิใช่การแก้ไขเล็กน้อย การแก้ไขคำฟ้องของโจทก์จึงไม่ชอบที่จะกระทำได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6055/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้องนอกเหนือจากขอบเขตเดิม และการเพิ่มข้อหาใหม่ในคดีผู้ถือหุ้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งหกได้ร่วมกันจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทจำเลยที่ 1 จำนวน227,894,845 หุ้น ให้แก่บุคคลผู้ไม่มีสิทธิและจดทะเบียนรับผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวเป็นผู้ถือหุ้นใหม่ของจำเลยที่ 1 อันเป็นการขัดต่อข้อบังคับของบริษัท ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนรับผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว โจทก์มิได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายเพราะโจทก์ไม่ได้รับการจัดสรรซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วนที่ถือหุ้นเดิมอยู่ 9,299,990 หุ้น เป็นเงินทั้งสิ้น 92,999,900 บาท ดังนั้นที่โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องว่า การกระทำของจำเลยทั้งหกเป็นเหตุให้โจทก์ในฐานะผู้ถือหุ้นเดิมได้รับความเสียหาย เสียโอกาสได้รับการจัดสรรซื้อหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งโจทก์จะมีสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนได้ 9,299,990 หุ้น ในราคาหุ้นละ10 บาท เป็นเงินค่าเสียหายทั้งสิ้น 92,999,900 บาท แต่โจทก์ขอคิดค่าเสียหายเพียง90,000,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งหกร่วมกันชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ 90,000,000บาทจึงเป็นการขอเพิ่มข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาและขอบังคับนอกเหนือไปจากคำฟ้องเดิม มิใช่เป็นกรณีที่เพิ่มจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทในฟ้องเดิมหรือเพิ่มเติมฟ้องเดิมให้บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179(1)(2)
of 44