พบผลลัพธ์ทั้งหมด 434 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9743/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตเลื่อนคดีและงดสืบพยานเมื่อมีเหตุจำเป็นทางการแพทย์ ศาลฎีกาพิพากษากลับ
ทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีสองนัดแรกมีสาเหตุมาจากผู้รับมอบอำนาจโจทก์ที่จะมาเบิกความจำสถานที่นัดหมายผิดพลาด และจำเวลานัดหมายคลาดเคลื่อนมิใช่เกิดจากทนายโจทก์เพิกเฉย ทอดทิ้งคดี หรือไม่ตระเตรียมพยานมาเบิกความต่อศาลส่วนวันนัดครั้งที่สามเมื่อศาลไม่อนุญาตให้ทนายโจทก์เลื่อนคดีทนายโจทก์ก็ได้อ้างตนเองเข้าเบิกความเป็นพยาน เมื่อเบิกความเสร็จก็ได้พยายามติดต่อกับโจทก์ จนกระทั่งทราบว่าผู้รับมอบอำนาจโจทก์ที่จะนำเข้าเบิกความอยู่ระหว่าง การตั้งครรภ์และเจ็บป่วยไม่สามารถมาเบิกความในช่วงเช้าได้ จึงขอเลื่อนการสืบพยานโจทก์ออกไปก่อน กรณีดังกล่าว นับว่ามีเหตุจำเป็น แม้ทนายโจทก์จะเคยแถลงต่อศาลว่าจะไม่ขอเลื่อนคดีอีกหากไม่มีพยานมาศาลก็ไม่ติดใจสืบพยานโจทก์อีก ต่อไปก็ตาม ศาลก็ไม่อาจนำคำแถลงดังกล่าวมาเป็นเหตุไม่อนุญาตให้ทนายโจทก์เลื่อนคดีและงดสืบพยานโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9693/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์ในบริเวณสถานที่ตั้งศพ ไม่ถือเป็นสถานที่บูชาสาธารณะตามกฎหมาย
สถานที่เกิดเหตุเป็นบริเวณหน้าที่ตั้งศพอดีตเจ้าอาวาสซึ่งอยู่หน้ากุฎิเจ้าอาวาส เป็นเพียงสถานที่ในวัดที่จัดนำศพอดีตเจ้าอาวาสมาตั้งไว้เพื่อรอการพระราชทานเพลิงศพเท่านั้น ไม่ถือว่าเป็นสถานที่บูชาสาธารณะ จำเลยลัก ตู้รับเงินบริจาคซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าศพอดีตเจ้าอาวาสดังกล่าวจึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะตาม ป.อ. มาตรา 335 (9)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9693/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานที่ตั้งศพไม่ใช่สถานที่บูชาสาธารณะ ไม่ถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ในสถานที่บูชา
สถานที่เกิดเหตุที่เป็นบริเวณหน้าที่ตั้งศพอดีตเจ้าอาวาสซึ่งอยู่หน้ากุฏิเจ้าอาวาส เป็นเพียงสถานที่ในวัดที่จัดนำศพอดีตเจ้าอาวาสมาตั้งไว้เพื่อรอการพระราชทานเพลิงศพเท่านั้น ไม่ถือว่าเป็นสถานที่บูชาสาธารณะ การที่จำเลยลักตู้รับเงินบริจาคซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าศพจึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9629/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดหลายกรรมต่างกันจากการครอบครองและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต และการพิจารณาโทษจำคุก
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันตามจำนวนเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางที่จำเลยมีและใช้โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานรวม 5 กรรม ซึ่งสามารถแยกการกระทำจากกันเป็นราย ๆ ไปได้ จำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงฟังว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดแยกเป็นราย ๆ ไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันรวม 5 กระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9319/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากจำเลยทิ้งฟ้องฎีกา และการพิจารณาคดีตามรูปคดีเดิมหลังยกคำร้อง
หลังจากที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งสองแล้ว โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งว่าจำเลยทั้งสองทิ้งฟ้องฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องดังกล่าวว่า จำเลยทั้งสองนำส่งสำเนาคำฟ้องฎีกาแล้ว ค่าคำร้องเป็นพับ อันมีผลเป็นการยกคำร้องของโจทก์ทั้งสอง โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวต่อศาลฎีกา ที่จำเลยทั้งสองแก้อุทธรณ์ว่าโจทก์ทั้งสองต้องยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์นั้น ปัญหาดังกล่าวเป็นกระบวนพิจารณาที่เกี่ยวเนื่องกับฎีกาของจำเลยทั้งสอง เนื่องจากหากฟังว่าจำเลยทั้งสองทิ้งฟ้องฎีกา ศาลฎีกาก็ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยทั้งสอง โจทก์ทั้งสองจึงชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวต่อศาลฎีกาได้ การพิจารณาสั่งว่าจำเลยทั้งสองทิ้งฟ้องฎีกาหรือไม่ เป็นอำนาจหน้าที่ของศาลฎีกา ที่ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องของโจทก์ทั้งสองดังกล่าวเสียเอง จึงเป็นการไม่ชอบ แต่คดีนี้ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งสอง โดยให้จำเลยทั้งสองนำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ทั้งสองภายใน 7 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฟ้องฎีกาและจำเลยทั้งสองได้เสียค่าธรรมเนียมในการส่งสำเนาฟ้องฎีกาเมื่อล่วงพ้นกำหนด 7 วันไปแล้ว ซึ่งถือได้ว่าจำเลยทั้งสองทิ้งฟ้องฎีกาซึ่งศาลฎีกามีอำนาจจำหน่ายคดีได้ก็ตาม แต่การจะจำหน่ายคดีหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาล คดีนี้ปรากฎว่าจำเลยทั้งสองเสียค่าธรรมเนียมในการส่งสำเนาฎีกาเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2543 ภายหลังล่วงพ้นระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดเพียง 2 วัน ในขณะที่ยังไม่มีการจำหน่ายคดี ทั้งต่อมาในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2543 เจ้าหน้าที่ศาลก็ได้ไปส่งสำเนาฎีกาให้แก่โจทก์ทั้งสองและส่งได้ ศาลฎีกาจึงไม่เห็นสมควรที่จะสั่งจำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9194/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: ศาลมีอำนาจวินิจฉัยการเสียสิทธิการครอบครองเดิม
ตามคำขอให้การของจำเลยระบุไว้ชัดว่าจำเลยไม่เคยรู้จักโจทก์มาก่อนและไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ใด ๆ จำเลยเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทโดยเข้าครอบครองยึดถือเพื่อตนด้วยความสงบเปิดเผย และได้ทำประโยชน์ตลอดมาจำเลยไม่เคยขออาศัยที่ดินของโจทก์ แม้จะไม่ระบุตรง ๆ ว่าจำเลยเข้าแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทของโจทก์ แต่เมื่ออ่านโดยรวมแล้วย่อมเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องที่จำเลยต่อสู้ว่าได้เข้าแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทของโจทก์แล้ว จึงเป็นประเด็นโดยตรงที่ศาลมีอำนาจวินิจฉัยว่าโจทก์เสียสิทธิที่จะเอาคืนซึ่งการครอบครองแล้วได้หาใช่เป็นการวินิจฉัยนอกคำฟ้องนอกคำให้การไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9167/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งบรรจุยาเสพติดเพื่อใช้เอง ไม่ถือเป็น 'ผลิต' ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด
การแบ่งบรรจุยาเสพติดให้โทษเพื่อความสะดวกในการใช้หรือเสพของผู้แบ่งบรรจุเอง มิใช่เพื่อจำหน่ายจ่ายแจกแก่บุคคลทั่วไป ไม่ใช่การแบ่งบรรจุซึ่งมีลักษณะเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมในทำนองเดียวกับการเพาะ ปลูก ทำ ผสม ปรุง แปรสภาพ เปลี่ยนรูป และสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ไม่อยู่ในความหมายของคำว่า "ผลิต" ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4 จึงไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันผลิตหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2544)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2544)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9072/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งริบยาเสพติด แม้โจทก์มิได้ขอริบ โดยอาศัยเจตนารมณ์ของกฎหมาย
พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 102 และ ป.อ. มาตรา 32 มีเจตนารมณ์มุ่งประสงค์ให้ศาลต้องสั่งริบยาเสพติดให้โทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้เสียทั้งสิ้นซึ่งเป็นบทบังคับเด็ดขาด ฉะนั้น แม้โจทก์จะมิได้ขอให้ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางมา แต่เมื่อโจทก์ได้กล่าวในฟ้องแล้วว่าเจ้าพนักงานตำรวจได้ยึดเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ ศาลจึงมีอำนาจสั่งริบได้ กรณีเป็นการพิพากษาหรือสั่งตามที่โจทก์ได้กล่าวมาในฟ้องแล้ว ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8881/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาครอบครองอาวุธปืน-การช่วยเหลือภรรยา-เหตุบรรเทาโทษ-รอการลงโทษ-การริบของกลาง
จำเลยแย่งอาวุธปืนจากผู้เสียหายมายิงผู้เสียหายในขณะเกิดเหตุวิวาทกัน แล้วก็ถูก ธ. แย่งอาวุธปืนคืนไปในขณะนั้น จึงต้องถือว่าจำเลยไม่มีเจตนาครอบครองอาวุธปืนและพาอาวุธปืนไปตามทางสาธารณะ
ผู้เสียหายกับพวกซึ่งมีทั้งผู้ชายและผู้หญิงหลายคนร่วมกันกลุ้มรุมทำร้าย พ. ซึ่งเป็นผู้หญิงแต่เพียงคนเดียวอย่างรุนแรงถึงขนาดล้มลุกคลุกคลานและในขณะ พ. กำลังตั้งครรภ์ด้วย การที่จำเลยซึ่งเป็นสามีของ พ. เห็นและเข้าช่วยเหลือ พ. จึงเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจอย่างยิ่ง สมควรลดโทษให้และตามพฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับจำเลยไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน จึงมีเหตุสมควรรอการลงโทษให้แก่จำเลย
ศาลล่างพิพากษาให้ริบเฉพาะอาวุธปืนของกลาง โดยมิได้ให้ริบปลอกกระสุนปืนของกลางตามฟ้องด้วย จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186(9) แม้คู่ความมิได้ฎีกาข้อนี้ แต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 และการริบทรัพย์สินของกลางไม่เป็นการเพิ่มโทษจำเลย จึงไม่ต้องห้ามตามมาตรา 212ศาลฎีกาจึงมีอำนาจพิพากษาให้ริบปลอกกระสุนปืนของกลางได้
ผู้เสียหายกับพวกซึ่งมีทั้งผู้ชายและผู้หญิงหลายคนร่วมกันกลุ้มรุมทำร้าย พ. ซึ่งเป็นผู้หญิงแต่เพียงคนเดียวอย่างรุนแรงถึงขนาดล้มลุกคลุกคลานและในขณะ พ. กำลังตั้งครรภ์ด้วย การที่จำเลยซึ่งเป็นสามีของ พ. เห็นและเข้าช่วยเหลือ พ. จึงเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจอย่างยิ่ง สมควรลดโทษให้และตามพฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับจำเลยไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน จึงมีเหตุสมควรรอการลงโทษให้แก่จำเลย
ศาลล่างพิพากษาให้ริบเฉพาะอาวุธปืนของกลาง โดยมิได้ให้ริบปลอกกระสุนปืนของกลางตามฟ้องด้วย จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186(9) แม้คู่ความมิได้ฎีกาข้อนี้ แต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 และการริบทรัพย์สินของกลางไม่เป็นการเพิ่มโทษจำเลย จึงไม่ต้องห้ามตามมาตรา 212ศาลฎีกาจึงมีอำนาจพิพากษาให้ริบปลอกกระสุนปืนของกลางได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8791/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: การฎีกาข้อเท็จจริงที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันในศาลอุทธรณ์ และการลงโทษเหมาะสม
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวน 7 เม็ด และได้จำหน่ายให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อไป 2 เม็ด เป็นความผิดสองกรรม จำเลยอุทธรณ์เฉพาะขอให้ลงโทษสถานเบาเท่านั้น มิได้อุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้น ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวน 7 เม็ดและได้จำหน่ายไป 2 เม็ด จึงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นการที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบ เพราะเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 8 ต้องห้ามไม่ให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15