พบผลลัพธ์ทั้งหมด 223 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2405/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่รับอุทธรณ์ และการเพิกเฉยต่อคำสั่งศาล ทำให้คำสั่งศาลเป็นที่สุด
ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของโจทก์ว่าคดีโจทก์ไม่มีเหตุผลสมควรที่จะอุทธรณ์ ไม่อนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์อย่างคนอนาถา ถ้าโจทก์ประสงค์จะอุทธรณ์ให้นำค่าขึ้นศาลมาชำระภายในกำหนด ดังนี้ เท่ากับศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยเนื้อหาแห่งคำร้องของโจทก์แล้ว การที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวและศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับ โจทก์ได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอ้างว่าโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนดเวลาตามกฎหมายแล้วจึงเป็นการอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 234 มิใช่การอุทธรณ์ตามมาตรา 229 เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นคำสั่งศาลอุทธรณ์จึงเป็นที่สุดตามมาตรา 236 ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์เนื่องจากโจทก์ไม่นำเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์มาวางศาลภายในกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ถือเป็นการเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174(2) และคำสั่งศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามมาตรา 236 เช่นกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413-1415/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมและชำระตามคำพิพากษา หรือหาประกัน
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ โดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 34 ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยได้ และการที่ศาลชั้นต้นส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยไปยังศาลอุทธรณ์ทันทีโดยมิได้แจ้งให้จำเลยทราบถึงข้อบกพร่องดังกล่าวก็ไม่เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 มิได้บังคับให้ศาลชั้นต้นต้องปฏิบัติเช่นนั้น แต่บังคับผู้อุทธรณ์เพียงฝ่ายเดียวให้ต้องปฏิบัติหาใช่เป็นหน้าที่ของศาลไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ต้องวางค่าฤชาธรรมเนียมและชำระค่าเสียหายตามคำพิพากษา หรือหาประกันตามกฎหมาย
ป.วิ.พ. มาตรา 234 เป็นบทบัญญัติบังคับผู้อุทธรณ์คำสั่งต้อง นำค่าฤชาธรรมเนียมมาวางศาล และนำเงินมาชำระตาม คำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อ ศาลภายในกำหนด 10 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งนั้น หาใช่เป็นหน้าที่ของศาลที่ต้อง แจ้งให้จำเลยทราบไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต้องปฏิบัติตามมาตรา 234 วรรคหนึ่ง โดยนำเงินมาชำระหรือหาประกัน หากไม่ปฏิบัติตาม ศาลชอบที่จะยกคำร้อง
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์โดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยได้ และการที่ศาลชั้นต้นส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยไปยังศาลอุทธรณ์ทันทีโดยมิได้แจ้งให้จำเลยทราบถึงข้อบกพร่องดังกล่าวก็ไม่เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบเพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 มิได้บังคับให้ศาลชั้นต้นมีหน้าที่แจ้งให้ผู้อุทธรณ์ทราบ แต่เป็นบทบัญญัติที่บังคับผู้อุทธรณ์เพียงฝ่ายเดียวให้ต้องปฏิบัติ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมและชำระหนี้ตามคำพิพากษาเพื่ออุทธรณ์คำสั่งศาล
ในการตรวจอุทธรณ์ที่จำเลยยื่นต่อศาลชั้นต้นนั้นศาลชั้นต้นอาจตรวจทั้งในข้อที่คดีต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224,230 รวมตลอดทั้งตรวจอุทธรณ์ เพื่อปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์นั้นในเหตุอื่นตามมาตรา 230 วรรคสอง และมาตรา 232 ด้วย.
ศาลชั้นต้นตรวจอุทธรณ์ของจำเลยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 232แล้วมีคำสั่งว่าอุทธรณ์ของจำเลยต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง สั่งไม่รับอุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นสั่งว่า ผู้อุทธรณ์ไม่วางเงินและหาประกันมาวางเพื่อใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและหนี้ตามคำพิพากษาให้ส่งอุทธรณ์ไปศาลอุทธรณ์ซึ่ง ป.วิ.พ. มาตรา 234 บัญญัติว่าให้ผู้อุทธรณ์นำค่าฤชาธรรมเนียมและเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล เมื่อจำเลยมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามบทกฎหมายดังกล่าวแต่ไม่ปฏิบัติศาลอุทธรณ์จึงถือว่าคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งนั้นชอบแล้วจำเลยจะฎีกาโต้แย้งคัดค้านว่าจำเลยไม่จำต้องนำเงินหรือหาประกันตามบทกฎหมายดังกล่าวหาได้ไม่.
ศาลชั้นต้นตรวจอุทธรณ์ของจำเลยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 232แล้วมีคำสั่งว่าอุทธรณ์ของจำเลยต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง สั่งไม่รับอุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นสั่งว่า ผู้อุทธรณ์ไม่วางเงินและหาประกันมาวางเพื่อใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและหนี้ตามคำพิพากษาให้ส่งอุทธรณ์ไปศาลอุทธรณ์ซึ่ง ป.วิ.พ. มาตรา 234 บัญญัติว่าให้ผู้อุทธรณ์นำค่าฤชาธรรมเนียมและเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล เมื่อจำเลยมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามบทกฎหมายดังกล่าวแต่ไม่ปฏิบัติศาลอุทธรณ์จึงถือว่าคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งนั้นชอบแล้วจำเลยจะฎีกาโต้แย้งคัดค้านว่าจำเลยไม่จำต้องนำเงินหรือหาประกันตามบทกฎหมายดังกล่าวหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่วางเงิน-หาประกันเพื่ออุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์: ความชอบธรรมของคำสั่งศาล
ในการตรวจอุทธรณ์ที่จำเลยยื่นต่อศาลชั้นต้นนั้น ศาลชั้นต้นอาจตรวจทั้งในข้อที่คดีต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224,230 รวมตลอดทั้งตรวจอุทธรณ์ เพื่อปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์นั้นในเหตุอื่นตามมาตรา230 วรรคสองและมาตรา 232 ด้วย ศาลชั้นต้นตรวจอุทธรณ์ของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 232 แล้วมีคำสั่งว่าอุทธรณ์ของจำเลยต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ไม่รับอุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นสั่งว่าผู้อุทธรณ์ไม่วางเงินและหาประกันมาวางเพื่อใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและหนี้ตามคำพิพากษาให้ส่งอุทธรณ์ไปศาลอุทธรณ์ ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 234 บัญญัติว่า ให้ผู้อุทธรณ์นำค่าฤชาธรรมเนียมและเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล เมื่อจำเลยมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามบทกฎหมายดังกล่าวแต่ไม่ปฏิบัติ ศาลอุทธรณ์จึงถือว่าคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งนั้นชอบแล้ว จำเลยจะฎีกาโต้แย้งคัดค้านว่าจำเลยไม่จำต้องนำเงินหรือหาประกันตามบทกฎหมายดังกล่าวหาได้ไม่ คำสั่งศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธการรับอุทธรณ์เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการวางเงินค่าฤชาธรรมเนียม
ในการตรวจ อุทธรณ์ที่จำเลยยื่นต่อ ศาลชั้นต้นนั้น ศาลชั้นต้นอาจตรวจ ทั้งในข้อที่คดีต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224230 รวมตลอด ทั้งตรวจ อุทธรณ์-เพื่อปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์นั้นในเหตุอื่นตาม มาตรา 230วรรคสอง และมาตรา 232 ด้วย. ศาลชั้นต้นตรวจ อุทธรณ์ของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 232 แล้วมีคำสั่งว่าอุทธรณ์ของจำเลยต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ไม่รับอุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นสั่งว่าผู้อุทธรณ์ไม่วางเงินและหาประกันมาวางเพื่อใช้ ค่าฤชาธรรมเนียมและหนี้ตาม คำพิพากษาให้ส่งอุทธรณ์ไปศาลอุทธรณ์ ซึ่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 234 บัญญัติว่า ให้ผู้อุทธรณ์นำค่าฤชาธรรมเนียมและเงินที่ต้อง ชำระตาม คำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อ ศาล เมื่อจำเลยมีหน้าที่ต้อง ปฏิบัติตาม บทกฎหมายดังกล่าวแต่ ไม่ปฏิบัติ ศาลอุทธรณ์จึงถือว่าคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งนั้นชอบแล้ว จำเลยจะฎีกาโต้แย้งคัดค้านว่าจำเลยไม่จำต้องนำเงินหรือหาประกันตาม บทกฎหมายดังกล่าวหาได้ไม่ คำสั่งศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 537/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องอุทธรณ์ต้องแจ้งอีกฝ่ายและรอคำสั่งศาลอุทธรณ์ก่อนมีคำพิพากษา การเพิกเฉยเป็นการปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
จำเลยฝ่ายเดียวเป็นผู้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นและได้ร้องขอถอนฟ้อง อุทธรณ์นั้นในระหว่างการพิจารณา ของศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นจำต้องจัดการส่งสำเนาคำร้องขอถอนฟ้อง อุทธรณ์ให้อีกฝ่ายหนึ่ง แล้วส่งคำร้องไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อสั่ง และศาลอุทธรณ์ต้องสั่งคำร้องนั้นก่อนมีคำพิพากษา การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีและศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการส่งสำเนาคำร้องขอถอนอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ และศาลอุทธรณ์ยังมิได้สั่งคำร้องขอถอนอุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นการปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการส่งสำเนาคำร้องขอถอนฟ้อง อุทธรณ์ของจำเลยแล้วส่งศาลอุทธรณ์เพื่อสั่ง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6109/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการวางค่าฤชาธรรมเนียมและชำระเงินตามคำพิพากษา ทำให้ถือว่าทิ้งคำร้องอุทธรณ์
คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยว่าให้จำเลยนำค่าฤชาธรรมเนียมตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาวางศาลภายในกำหนด 7 วัน ย่อมหมายถึงให้นำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อ ศาลตามที่บังคับไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ในวันครบกำหนดจำเลยคงนำแต่ค่าฤชาธรรมเนียมที่ใช้แทนโจทก์มาวางศาลเท่านั้น มิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือประกันให้ไว้ต่อศาล ถือได้ว่าจำเลยทิ้งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6109/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติตามคำสั่งศาลเกี่ยวกับการวางค่าฤชาธรรมเนียมและชำระเงินตามคำพิพากษา หากไม่ปฏิบัติตามครบถ้วน ถือเป็นการทิ้งคำร้อง
คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยว่า ให้จำเลยนำค่าฤชาธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาวางศาลภายในกำหนด 7 วันย่อมหมายถึงให้นำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลตามที่บังคับไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ครั้นวันครบกำหนดจำเลยคงนำแต่ค่าฤชาธรรมเนียมที่ใช้แทนโจทก์มาวางศาลเท่านั้นมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล ถือได้ว่าจำเลยทิ้งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2)