พบผลลัพธ์ทั้งหมด 223 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3655/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลเรื่องค่าธรรมเนียมอุทธรณ์ทำให้คดีถึงที่สุด จำเลยไม่อาจขอวางเงินค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ของจำเลย และให้จำเลยนำค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์มาชำระภายใน 15 วัน แต่จำเลยไม่ชำระภายในกำหนด กลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาการวางเงินศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องและไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย ดังนี้ ทางแก้ของจำเลยคือจำเลยต้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นไปยังศาลอุทธรณ์ และนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาล และนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 234 เมื่อจำเลยไม่ดำเนินการดังกล่าวจนพ้นกำหนดระยะเวลา คดีย่อมถึงที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 147 วรรคสอง จึงไม่อาจยื่นคำร้องขอวางเงินค่าธรรมเนียมศาลได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1415/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดเวลาอุทธรณ์คำสั่งศาล: การพิจารณา 'คำสั่งปฏิเสธไม่ส่ง' และผลของการรับทราบคำสั่ง
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์โดยเห็นว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เป็นคำสั่งปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ การอุทธรณ์คำสั่งในกรณีเช่นนี้แม้จะเป็นการอุทธรณ์ก่อนศาลมีคำพิพากษาก็ต้องอุทธรณ์ภายใน 15วัน ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 234
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 451/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์: ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งเอง ต้องส่งศาลอุทธรณ์-กำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ที่ถูกต้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีหน้าที่ต้องส่งอุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 1 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 236 วรรคหนึ่ง ศาลชั้นต้นไม่มีหน้าที่ตรวจอุทธรณ์และมีคำสั่งกรณีนี้ตามมาตรา 232 การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเสียเองเป็นการไม่ชอบ จำเลยย่อมมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวนี้ได้ภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่ได้อ่านคำสั่งตามมาตรา 229 กรณีมิใช่การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ซึ่งต้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งภายใน 15 วัน ตามมาตรา 234
การอุทธรณ์คำสั่งที่ปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 กำหนดให้ทำเป็นคำร้อง ต้องชำระค่าธรรมเนียมคำร้องเพียง 40 บาท
การอุทธรณ์คำสั่งที่ปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 กำหนดให้ทำเป็นคำร้อง ต้องชำระค่าธรรมเนียมคำร้องเพียง 40 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 132/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่วางเงินค่าธรรมเนียมเมื่ออุทธรณ์ ทำให้ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งไม่รับอุทธรณ์ได้ และจำเลยยังไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้น
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี โดยขอให้ศาลอุทธรณ์ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปแล้วมีคำพิพากษาใหม่ จึงอยู่ภายใต้บังคับ ป.วิ.พ. มาตรา 229 เมื่อจำเลยมิได้วางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะสั่งไม่รับอุทธรณ์ได้ทันที การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยนำเงินดังกล่าวมาวางศาลภายในเวลาที่กำหนดเท่ากับเปิดโอกาสให้จำเลยปฏิบัติให้ถูกต้องอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะพิจารณาสั่งอุทธรณ์ว่าจะให้ส่งหรือปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ตามมาตรา 232 ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลชั้นต้นโดยเฉพาะ คำสั่งของศาลชั้นต้นเช่นนี้จำเลยยังไม่มีสิทธิอุทธรณ์ เพราะมิใช่คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ตามมาตรา 234 แม้จำเลยจะมิได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวโดยตรง โดยกล่าวมาในอุทธรณ์ว่าขออุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวตามคำร้องของจำเลย แต่ศาลชั้นต้นก็ยกคำร้องเพราะเห็นว่าไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม อันเป็นการยืนยันให้จำเลยปฏิบัติตามคำสั่งเดิม ทั้งในอุทธรณ์ก็ขอให้ศาลอุทธรณ์ยกเลิกเพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาลนั่นเอง จำเลยจึงยังไม่มีสิทธิอุทธรณ์ ดังนั้นแม้ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยก็เป็นการไม่ชอบ การที่จำเลยฎีกาต่อมา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 132/2549 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่อนุญาตเลื่อนคดี และหน้าที่การวางเงินค่าธรรมเนียมตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229
การที่จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสี่เลื่อนคดีโดยขอให้ศาลอุทธรณ์ยกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยทั้งสี่ต่อไปแล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดีนั้น อาจทำให้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่บังคับให้จำเลยทั้งสี่ชำระหนี้แก่โจทก์ถูกยกเลิกเพิกถอนไปได้หากอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสี่ฟังขึ้น กรณีจึงอยู่ภายใต้บังคับของ ป.วิ.พ. มาตรา 229 ที่ผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ด้วย
เมื่อจำเลยทั้งสี่ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสี่เลื่อนคดี โดยมิได้วางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะสั่งไม่รับอุทธรณ์ได้ทันที การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยทั้งสี่นำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลภายในเวลาที่กำหนดเท่ากับศาลชั้นต้นเปิดโอกาสให้จำเลยทั้งสี่ปฏิบัติให้ถูกต้องอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะพิจารณาสั่งอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสี่ว่าจะให้ส่งหรือปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสี่ไปยังศาลอุทธรณ์อันเป็นกระบวนพิจารณาในชั้นตรวจคำฟ้องอุทธรณ์ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 232 ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลชั้นต้นโดยเฉพาะ คำสั่งของศาลชั้นต้นเช่นนี้จำเลยทั้งสี่ยังไม่มีสิทธิอุทธรณ์ได้ เพราะมิใช่คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ซึ่งผู้อุทธรณ์อาจอุทธรณ์คำสั่งนั้นไปยังศาลอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 234 คดีนี้แม้จำเลยทั้งสี่จะมิได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยทั้งสี่วางเงินค่าธรรมเนียมโดยตรง โดยกล่าวมาในอุทธรณ์ว่าขออุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวตามคำร้องของจำเลยทั้งสี่ก็ตาม แต่ศาลชั้นต้นก็ยกคำร้องเพราะเห็นว่าไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม อันเป็นการยืนยันให้จำเลยทั้งสี่ปฏิบัติตามคำสั่งเดิมที่ให้จำเลยทั้งสี่นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาล ทั้งอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสี่ก็ขอให้ศาลอุทธรณ์ยกเลิกเพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยทั้งสี่วางเงินค่าธรรมเนียมนั้นเสีย จึงมีผลเท่ากับเป็นการอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นในเรื่องที่ให้จำเลยทั้งสี่นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาลนั้นเอง จำเลยทั้งสี่จึงยังไม่มีสิทธิอุทธรณ์
เมื่อจำเลยทั้งสี่ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสี่เลื่อนคดี โดยมิได้วางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะสั่งไม่รับอุทธรณ์ได้ทันที การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยทั้งสี่นำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลภายในเวลาที่กำหนดเท่ากับศาลชั้นต้นเปิดโอกาสให้จำเลยทั้งสี่ปฏิบัติให้ถูกต้องอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะพิจารณาสั่งอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสี่ว่าจะให้ส่งหรือปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสี่ไปยังศาลอุทธรณ์อันเป็นกระบวนพิจารณาในชั้นตรวจคำฟ้องอุทธรณ์ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 232 ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลชั้นต้นโดยเฉพาะ คำสั่งของศาลชั้นต้นเช่นนี้จำเลยทั้งสี่ยังไม่มีสิทธิอุทธรณ์ได้ เพราะมิใช่คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ซึ่งผู้อุทธรณ์อาจอุทธรณ์คำสั่งนั้นไปยังศาลอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 234 คดีนี้แม้จำเลยทั้งสี่จะมิได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยทั้งสี่วางเงินค่าธรรมเนียมโดยตรง โดยกล่าวมาในอุทธรณ์ว่าขออุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวตามคำร้องของจำเลยทั้งสี่ก็ตาม แต่ศาลชั้นต้นก็ยกคำร้องเพราะเห็นว่าไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม อันเป็นการยืนยันให้จำเลยทั้งสี่ปฏิบัติตามคำสั่งเดิมที่ให้จำเลยทั้งสี่นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาล ทั้งอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสี่ก็ขอให้ศาลอุทธรณ์ยกเลิกเพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยทั้งสี่วางเงินค่าธรรมเนียมนั้นเสีย จึงมีผลเท่ากับเป็นการอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นในเรื่องที่ให้จำเลยทั้งสี่นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาลนั้นเอง จำเลยทั้งสี่จึงยังไม่มีสิทธิอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6008/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตเลื่อนคดี: ศาลต้องพิจารณาประเภทคดีและคำขอเพื่อกำหนดค่าธรรมเนียมที่ถูกต้อง
คำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 1 มีเนื้อหาคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งในอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 1 เสียค่าขึ้นศาลเสียใหม่ภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด มิฉะนั้นจะถือว่าไม่ติดใจอุทธรณ์ คำสั่งของศาลชั้นต้นเช่นนี้มิใช่คำสั่งที่ศาลชั้นต้นปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์หรือมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 232 จึงมิใช่กรณีที่ผู้อุทธรณ์ (จำเลยที่ 1) จะต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 234 หากแต่เป็นการอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 18 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 229 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยคำร้องของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวโดยนำบทบัญญัติมาตรา 234 มาปรับแก่คดีนั้นจึงไม่ถูกต้อง
อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 เป็นอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 1 เลื่อนคดีและงดสืบพยานของจำเลยที่ 1 ซึ่งมิใช่อุทธรณ์ในเนื้อหาของคำพิพากษา แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งว่า อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 เป็นอุทธรณ์ในเนื้อหาของคำพิพากษาต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ให้จำเลยที่ 1 นำค่าฤชาธรรมเนียมมาชำระให้ถูกต้อง ก็แปลได้ว่าหมายถึงค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในตอนแรก เมื่ออุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 มีคำขอเพียงให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและย้อนสำนวนขึ้นไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยที่ 1 แล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี จึงเป็นอุทธรณ์ในคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ตามตาราง 1 (2) (ก) ท้าย ป.วิ.พ. เพียง 200 บาท ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 เสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพิ่มเติมตามจำนวนทุนทรัพย์จึงไม่ชอบ
อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 เป็นอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 1 เลื่อนคดีและงดสืบพยานของจำเลยที่ 1 ซึ่งมิใช่อุทธรณ์ในเนื้อหาของคำพิพากษา แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งว่า อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 เป็นอุทธรณ์ในเนื้อหาของคำพิพากษาต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ให้จำเลยที่ 1 นำค่าฤชาธรรมเนียมมาชำระให้ถูกต้อง ก็แปลได้ว่าหมายถึงค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในตอนแรก เมื่ออุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 มีคำขอเพียงให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและย้อนสำนวนขึ้นไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยที่ 1 แล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี จึงเป็นอุทธรณ์ในคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ตามตาราง 1 (2) (ก) ท้าย ป.วิ.พ. เพียง 200 บาท ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 เสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพิ่มเติมตามจำนวนทุนทรัพย์จึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4817/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ป.วิ.พ. มาตรา 234 ครบถ้วน มิเช่นนั้นอุทธรณ์ไม่ชอบ
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ โดยขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับคำสั่งของศาลชั้นต้น เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย หากจำเลยประสงค์จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นจำเลยก็ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 234 โดยยื่นคำขอเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้น และนำค่าธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง แม้อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการขอให้พิจารณาคดีใหม่มิใช่อุทธรณ์ในเนื้อหาของคำพิพากษาศาลชั้นต้นก็ตาม แต่เป็นการอุทธรณ์คำสั่งให้รับอุทธรณ์ภายหลังที่ศาลชั้นต้นพิพากษาชี้ขาดตัดสินคดีแล้ว เมื่อมีการอุทธรณ์เช่นนี้ ย่อมทำให้การบังคับล่าช้าออกไปและอาจเสียหายแก่โจทก์ผู้ชนะคดีได้ จำเลยจึงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของบทบัญญัติมาตรา 234 ดังกล่าวให้ครบถ้วนด้วย เมื่อปรากฏว่าจำเลยเพียงแต่นำค่าฤชาธรรมเนียมมาวางศาลโดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ชอบที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จะปฏิเสธไม่รับวินิจฉัยให้ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ และถือไม่ได้ว่าฎีกาของจำเลยเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 1 จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4802/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่วางค่าธรรมเนียมพร้อมอุทธรณ์ ทำให้ศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งไม่รับอุทธรณ์ได้
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษากลับคำสั่งของศาลชั้นต้น และให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยไว้พิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี มีผลเท่ากับขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่บังคับให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ จึงอยู่ภายใต้บังคับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 เมื่อจำเลยมิได้วางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์พร้อมอุทธรณ์ จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งไม่รับอุทธรณ์ได้ทันที แต่เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยมิได้จงใจฝ่าฝืน และมีคำสั่งให้จำเลยปฏิบัติให้ถูกต้องเท่ากับศาลชั้นต้นเปิดโอกาสให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลให้ถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะพิจารณาสั่งอุทธรณ์ว่าจะให้ส่งหรือปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ อันเป็นกระบวนพิจารณาในชั้นตรวจคำฟ้องอุทธรณ์ตามมาตรา 232 ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลชั้นต้นโดยเฉพาะ คำสั่งของศาลชั้นต้นเช่นนี้มิใช่เป็นคำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ซึ่งผู้อุทธรณ์อาจอุทธรณ์คำสั่งนั้นไปยังศาลอุทธรณ์ตามมาตรา 234 ได้ จำเลยจึงยังไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2882/2548 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินการของศาลเมื่อจำเลยขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ต้องแยกค่าธรรมเนียมศาลออกจากเงินตามคำพิพากษา
การที่ศาลอนุญาตให้บุคคลใดฟ้องหรือต่อสู้ความอย่างคนอนาถา บุคคลนั้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลในการดำเนินกระบวนพิจารณารวมถึงเงินวางศาลในการยื่นฟ้องอุทธรณ์หรือฎีกาเท่านั้นตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 157 สำหรับเงินวางศาลในการยื่นฟ้องอุทธรณ์ คือ เงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลชั้นต้นซึ่งจะต้องนำมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตามในมาตรา 229 ส่วนเงินที่จำเลยต้องชำระตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือประกันที่ต้องให้ไว้ต่อศาลตามมาตรา 234 มิใช่ค่าธรรมเนียมศาลดังกล่าว จำเลยจะขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาให้ศาลยกเว้นไม่ต้องชำระหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2520/2548 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางเงินค่าธรรมเนียมเพื่ออุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น: คำสั่งให้วางเงินไม่ใช่คำสั่งไม่รับอุทธรณ์
จำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 1 เลื่อนคดี หากศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นกรณีที่จำเลยที่ 1 ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 แต่จำเลยที่ 1 มิได้ปฏิบัติตาม ศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ได้ทันที แต่เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลภายในเวลาที่กำหนดก่อนแล้วจึงจะพิจารณาสั่งอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 เท่ากับศาลชั้นต้นเปิดโอกาสให้จำเลยที่ 1 นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลให้ถูกต้องครบถ้วนอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะพิจารณาสั่งอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวถือเป็นกระบวนการชั้นตรวจคำฟ้องอุทธรณ์ตามมาตรา 232 มิใช่คำสั่งไม่รับอุทธรณ์อันจะทำให้จำเลยที่ 1 มีสิทธิยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งนั้นไปยังศาลอุทธรณ์ตามมาตรา 234 ได้ เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว จึงไม่ก่อสิทธิที่จะฎีกาต่อมา