คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 453

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 703 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3450/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินโดยไม่สุจริตและเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ ศาลเพิกถอนการโอนและให้ชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยที่ 2 มีอาชีพค้าขายที่ดินและบ้านจัดสรรมาหลายปีแล้วทั้งจำเลยที่ 2 เห็นรั้วอิฐบล็อกที่กั้นที่ดินพิพาทจากทางทิศใต้ไปทางทิศเหนือรวม 2 แนวซึ่งไปจดรั้วของบ้านจำเลยที่ 2 และเห็นการถมดินและอาคารซึ่งเทพื้นคอนกรีตโดยมีโครงหลังคาเหล็กก่อสร้างในที่ดินพิพาทเช่นนี้ จำเลยที่ 2 น่าจะรู้ราคาจริงของที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างว่าเป็นเงินเท่าใด และราคาซื้อขายที่ดินพิพาทซึ่งจำเลยที่ 2 รับซื้อไว้จากจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 900,000 กว่าบาทนั้น ต่ำกว่าราคาซื้อขายที่แท้จริงเพียงใดหรือไม่เพราะตามปกติราคาซื้อขายที่แท้จริงของที่ดินจะสูงกว่าราคาที่เจ้าพนักงานที่ดินประเมินเพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม แต่ได้ความตามคำเบิกความของจำเลยที่ 2 เองว่าราคาซื้อขายที่ดินพิพาทเป็นเงิน 900,000 กว่าบาท ส่วนราคาที่ดินพิพาทซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินประเมินไว้เป็นเงินถึง 1,480,000 บาทดังนั้นถ้าถือตามราคาที่ดินพิพาทที่ซื้อขายกันดังคำเบิกความของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมินมากเมื่อพิเคราะห์ประกอบกับการที่จำเลยที่ 2 รู้จักกับจำเลยที่ 1 มาเป็นเวลาหลายปีและจำเลยที่ 2 มีที่ดินติดต่อกันด้วยแล้ว จึงฟังได้ว่าการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 เป็นไปโดยไม่สุจริตโดยจำเลยทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ การที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินพิพาท ให้จำเลยทั้งสองโอนที่ดินดังกล่าวแก่โจทก์ หากโอนไม่ได้จึงให้ชำระค่าเสียหายนั้น ตราบใดที่ยังไม่มีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เพิกถอนการโอน ก็ยังถือว่าเป็นการโอนโดยชอบอยู่ จึงถือไม่ได้ว่ามีการผิดนัดนับแต่วันทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาท โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยนับแต่วันดังกล่าว คงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยนับแต่วันที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาเป็นต้นไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2763/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับผิดในหนี้จากการเชิดตัวแทนสั่งซื้อสินค้า และขอบเขตความรับผิดของหุ้นส่วนผู้จัดการ
จำเลยทั้งสองได้เชิดช.ออกแสดงเป็นตัวแทนของตนสั่งซื้อวงกบประตู หน้าต่างจากโจทก์ และค้างชำระหนี้ค่าสินค้าโจทก์ตามฟ้องจำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ชำระค่าวงกบประตู หน้าต่างที่ค้าง ปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่จำเลยทั้งสองยกขึ้นฎีกาจำเลยทั้งสองไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ และเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคแรก ศาลฎีกาไม่วินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2385/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของหน่วยงานราชการต่อหนี้ที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแล
ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 218 เป็นกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินและกำหนดหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดในการบริหารส่วนจังหวัด การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามอนุมัติและมอบอำนาจให้หัวหน้าสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทจังหวัดมหาสารคามสั่งซื้อน้ำมัน และผู้ว่าราชการจังหวัดทำสัญญาซื้อน้ำมัน เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพัสดุ เป็นการทำหน้าที่แทนจำเลยตามกฎหมาย จำเลยซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงต้องรับผิดชอบในการกระทำของสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทจังหวัดมหาสารคาม เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า สำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทจังหวัดมหาสารคามเป็นหนี้โจทก์จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องชำระหนี้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 969/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ แม้ผู้ขายเดิมมิใช่เจ้าของ
ผู้ร้องเข้าครอบครองที่พิพาทโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 10 ปี แม้ผู้ขายที่พิพาทให้แก่บิดาผู้ร้องมิใช่เจ้าของที่พิพาทก็ตาม แต่เมื่อผู้ร้องมิได้ครอบครองแทนผู้อื่น ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 390/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายข้าวโพด และผลของการบอกเลิกสัญญา
ตามสัญญาซื้อขายข้าวโพดได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้แน่นอนตามวันแห่งปฏิทินคือภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 ปรากฎว่าในวันที่ 24 พฤษภาคม 2527 ก่อนจะครบกำหนดระยะเวลาโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบทางโทรพิมพ์ข้อความว่า หากข้าวโพดส่วนที่ยังไม่รับมอบตามสัญญาถูกยกเลิกไปจำเลยจะต้องชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน 1,033,333.50 บาท กับมีข้อความตอนท้ายว่า การชำระหนี้เต็มจำนวนต้องกระทำภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 เท่ากับโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญา แสดงให้เห็นว่าโจทก์ได้ถือเอากำหนดเวลาชำระหนี้ตามสัญญาเป็นสาระสำคัญ เมื่อจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้มิได้ชำระหนี้ภายในเวลาตามที่กำหนดไว้ในสัญญาจำเลยจึงตกเป็นผู้ผิดนัดและผิดสัญญา แต่ตามสัญญาไม่ได้ระบุว่าหากจำเลยผิดนัดผิดสัญญา สัญญาซื้อขายเป็นอันเลิกกันทันทีดังนั้น ตราบใดที่โจทก์ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญา สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยยังมีผลผูกพันอยู่ จำเลยมีสิทธิขอชำระหนี้ตามสัญญาได้ โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาซื้อขายข้าวโพดเนื่องจากจำเลยผิดสัญญา ระหว่างที่โจทก์ยังไม่บอกเลิกสัญญา จำเลยติดต่อขอรับข้าวโพดจำนวน 10,000 เมตริกตัน จากโจทก์โดยจำเลยเพียงแต่มีหนังสือถึงโจทก์ว่าจำเลยจะส่งเจ้าหน้าที่ของจำเลยและเจ้าหน้าที่ของธนาคารไปตรวจสินค้าที่ไซโล เพื่อจำเลยจะขอเบิกเงินจากธนาคารมาชำระค่าข้าวโพดให้โจทก์เท่านั้นยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ขอชำระราคาข้าวโพดทั้งหมดก่อนที่จำเลยจะมารับมอบข้าวโพดจากโจทก์ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ขอปฏิบัติการชำระหนี้ต่อโจทก์และฟังไม่ได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยจึงไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา เมื่อปรากฎในเวลาต่อมาว่าโจทก์ได้บอกเลิกสัญญากับจำเลยแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 390/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายและการบอกเลิกสัญญา สิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย
ตามสัญญาซื้อขายข้าวโพดได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้แน่นอนตามวันแห่งปฏิทินคือภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 ปรากฏว่าในวันที่ 24พฤษภาคม 2527 ก่อนจะครบกำหนดระยะเวลาโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบทางโทรพิมพ์มีข้อความว่า หากข้าวโพดส่วนที่ยังไม่รับมอบตามสัญญาถูกยกเลิกไปจำเลยจะต้องชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน 1,033,333.50 บาท กับมีข้อความตอนท้ายว่า การชำระหนี้เต็มจำนวนต้องกระทำภายในวันที่ 31 พฤษภาคม2527 เท่ากับโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญา แสดงให้เห็นว่าโจทก์ได้ถือเอากำหนดเวลาชำระหนี้ตามสัญญาเป็นสาระสำคัญ เมื่อจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้มิได้ชำระหนี้ภายในเวลาตามที่กำหนดไว้ในสัญญา จำเลยจึงตกเป็นผู้ผิดนัดและผิดสัญญา แต่ตามสัญญาไม่ได้ระบุว่า หากจำเลยผิดนัดผิดสัญญา สัญญาซื้อขายเป็นอันเลิกกันทันที ดังนั้น ตราบใดที่โจทก์ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญา สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยยังมีผลผูกพันอยู่ จำเลยมีสิทธิขอชำระหนี้ตามสัญญาได้
โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาซื้อขายข้าวโพดเนื่องจากจำเลยผิดสัญญา ระหว่างที่โจทก์ยังไม่บอกเลิกสัญญา จำเลยติดต่อขอรับข้าวโพดจำนวน10,000 เมตริกตัน จากโจทก์โดยจำเลยเพียงแต่มีหนังสือถึงโจทก์ว่าจำเลยจะส่งเจ้าหน้าที่ของจำเลยและเจ้าหน้าที่ของธนาคารไปตรวจสินค้าที่ไซโลเพื่อจำเลยจะขอเบิกเงินจากธนาคารมาชำระค่าข้าวโพดให้โจทก์เท่านั้น ยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ขอชำระราคาข้าวโพดทั้งหมดก่อนที่จำเลยจะมารับมอบข้าวโพดจากโจทก์ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ขอปฏิบัติการชำระหนี้ต่อโจทก์และฟังไม่ได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยจึงไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา เมื่อปรากฏในเวลาต่อมาว่าโจทก์ได้บอกเลิกสัญญากับจำเลยแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 89/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดินของผู้เยาว์: จำเลยไม่ต้องรับผิดหากศาลไม่อนุญาตขาย
โจทก์ทราบดีอยู่แล้วในขณะทำสัญญาว่าที่ดินพิพาทเป็นของบุตรผู้เยาว์ของจำเลย ซึ่งจะต้องขออนุญาตศาลก่อนจึงจะขายได้จำเลยยื่นคำร้องต่อศาล ขออนุญาตขายที่ดินแทนผู้เยาว์ภายหลังทำสัญญาจะซื้อขายกับโจทก์เพียงเดือนเศษไม่ปรากฏว่าพยานหลักฐานที่จำเลยนำเข้าไต่สวนในคดีดังกล่าวนั้น จำเลยจงใจจะไม่ให้ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตเพื่อหลีกเลี่ยงการโอนขายที่ดินให้แก่โจทก์ การที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ขายที่ดินของบุตรผู้เยาว์ จะถือว่าเป็นพฤติการณ์ที่จำเลยต้องรับผิดชอบหาได้ไม่ จำเลยไม่ผิดสัญญาจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าปรับให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3783/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รถยนต์โอนเมื่อตกลงซื้อขาย แม้ยังมิได้ส่งมอบหรือจดทะเบียน ผู้ให้เช่าซื้อไม่ต้องรับผิดกับความผิดของผู้เช่าซื้อ
ป. ขายรถยนต์ของกลางให้จำเลยที่ 1 แต่ยังมิได้โอนกรรมสิทธิ์การที่ ป. กับจำเลยที่ 1 ไปทำคำเสนอใช้บริการของผู้ร้องโดยให้ผู้ร้องตกลงชำระราคารถยนต์ของกลางให้แก่ ป. และให้จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ของกลางจากผู้ร้อง เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่า ป. ตกลงขายรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้องโดยความยินยอมของจำเลยที่ 1 แม้ผู้ร้องจะมิได้ครอบครองรถยนต์ของกลางเลยก็ถือได้ว่าเป็นการส่งมอบกันโดยปริยาย กรรมสิทธิ์รถยนต์ของกลางตกเป็นของผู้ร้องในทันทีที่ตกลงซื้อขายกัน แม้จะจดทะเบียนโอนกันในภายหลังการซื้อขายก็สมบูรณ์เพราะใบคู่มือการจดทะเบียนมิใช่หลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์รถยนต์ของกลาง ผู้ร้องเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์ประกอบธุรกิจเงินทุนลงทุนในกิจการต่าง ๆ รวมทั้งการให้เช่าซื้อ มิได้มีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการค้าไม้ อันเป็นเหตุให้มีการจับกุมจำเลยที่ 1 มาดำเนินคดีแต่อย่างใด เมื่อไม่ปรากฏว่ามีพนักงานของผู้ร่วมร้องในการกระทำความผิดด้วย จึงไม่อาจถือได้ว่าผู้ร้องมีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิด ต้องคืนรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3124/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของหน่วยงานราชการต่อการสั่งซื้อของข้าราชการในสังกัด แม้ไม่ปฏิบัติตามระเบียบ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 เป็นข้าราชการสังกัดกรมราชทัณฑ์จำเลยที่ 4 โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้บัญชาการเรือนจำกลาง จำเลยที่ 2เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัสดุในเรือนจำกลาง และจำเลยที่ 3 เป็นหัวหน้าฝ่ายอบรมและฝึกวิชาชีพในเรือนจำกลาง จำเลยที่ 1 ที่ 2และที่ 3 ได้ร่วมกันสั่งซื้อสินค้าประเภทวัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือในการก่อสร้างจากโจทก์โดยไม่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการจัดซื้อ อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบของทางราชการ แต่ระเบียบดังกล่าวเป็นระเบียบปฏิบัติของทางราชการ กำหนดให้หน่วยราชการปฏิบัติจึงเป็นหน้าที่ของจำเลยที่ 4 จะต้องคอยควบคุมดูแลให้ข้าราชการในสังกัดปฏิบัติตาม การที่จำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบการสั่งซื้อวัสดุ การทำบัญชีหนี้สินและการส่งมอบจึงเป็นเรื่องภายในระหว่างจำเลยที่ 4 กับจำเลยที่ 1 โดยเฉพาะหาผูกพันบุคคลภายนอกไม่ จำเลยที่ 4 จะอ้างระเบียบปฏิบัติของส่วนหรือหน่วยราชการมาเพื่อให้พ้นจากความรับผิดหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3115/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดิน: การไถ่ถอนจำนองเป็นเงื่อนไข การพิพาทหนี้จำนองไม่ถือเป็นการผิดสัญญา
จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์ โดยมีข้อตกลงว่า เมื่อธนาคารผู้รับจำนองที่ดินดังกล่าวให้ไถ่ถอนจำนองวันใด จำเลยจะไปจดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์ในวันนั้น ย่อมหมายถึงการที่ธนาคารยอมให้ไถ่ถอนจำนองในจำนวนหนี้ที่ถูกต้องด้วย เมื่อปรากฏว่าจำนวนหนี้ที่ธนาคารยอมให้จำเลยชำระเพื่อไถ่ถอนจำนองยังมีข้อพิพาทโต้เถียงเป็นคดีความกันอยู่ จะถือว่าธนาคารยอมให้ไถ่ถอนจำนองแล้วไม่ได้ การที่จำเลยได้ดำเนินการเพื่อไถ่ถอนที่ดินพิพาทแล้วแต่มีเหตุขัดข้องเนื่องจากมีข้อโต้แย้งกับธนาคารผู้รับจำนองเช่นนี้ย่อมฟังไม่ได้ว่าจำเลยจงใจไม่ปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินต่อโจทก์อันเป็นการผิดสัญญา โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญา
of 71