คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 453

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 703 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3341/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายสิทธิการเช่าโทรศัพท์และการบังคับให้โอนสิทธิ แม้ศาลชั้นต้นพิพากษาตามคำขอเดิม ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้
เดิมฟ้องโจทก์มีคำขอให้บังคับจำเลยถอนการระงับการย้ายโทรศัพท์หมายเลจพิพาท ต่อมาโจทก์ขอเพิ่มเติมคำขอท้ายฟ้องขอให้บังคับจำเลยจัดการโอนโทรศัพท์หมายเลขดังกล่าวแก่โจทก์ด้วย ศาลชั้นต้นอนุญาตแล้ว ดังนี้เมื่อคดีฟังได้ตามฟ้องโจทก์ การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาบังคับจำเลยตามคำขอเดิมของโจทก์จึงไม่ชอบ ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขโดยให้บังคับจำเลยตามคำขอท้ายฟ้องที่เพิ่มเติมใหม่เพื่อให้ถูกต้องได้
จำเลยขายสิทธิการเช่าโทรศัพท์ของจำเลยให้แก่โจทก์และรับเงินจากโจทก์แล้ว โจทก์จึงมีสิทธิขอให้ศาลบังคับให้จำเลยโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์ดังกล่าวให้แก่โจทก์ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3341/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายสิทธิการเช่าโทรศัพท์และคำขอให้บังคับโอนสิทธิ การแก้ไขคำพิพากษาให้ถูกต้องตามคำขอที่เพิ่มเติม
เดิมฟ้องโจทก์มีคำขอให้บังคับจำเลยถอนการระงับการย้ายโทรศัพท์หมายเลจพิพาท ต่อมาโจทก์ขอเพิ่มเติมคำขอท้ายฟ้องขอให้บังคับจำเลยจัดการโอนโทรศัพท์หมายเลขดังกล่าวแก่โจทก์ด้วย ศาลชั้นต้นอนุญาตแล้ว ดังนี้เมื่อคดีฟังได้ตามฟ้องโจทก์ การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาบังคับจำเลยตามคำขอเดิมของโจทก์จึงไม่ชอบ ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขโดยให้บังคับจำเลยตามคำขอท้ายฟ้องที่เพิ่มเติมใหม่เพื่อให้ถูกต้องได้
จำเลยขายสิทธิการเช่าโทรศัพท์ของจำเลยให้แก่โจทก์และรับเงินจากโจทก์แล้ว โจทก์จึงมีสิทธิขอให้ศาลบังคับให้จำเลยโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์ดังกล่าวให้แก่โจทก์ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2965/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในสภาพที่ดิน: สัญญาจะซื้อขายเป็นโมฆะ ผู้ขายต้องคืนเงิน
โจทก์ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินมี น.ส.3 จาก จ. บิดาจำเลยโดยเชื่อตามที่ จ. บอกว่าที่ดินอยู่ใกล้โรงงาน และติดถนนตามแผนที่ที่แสดงให้ดูเมื่อปรากฏว่าที่ดินมิได้อยู่ติดถนนจ. จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาที่ไม่สามารถส่งมอบที่ดินตามที่ตกลงจะขายให้โจทก์และโจทก์ได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นทายาทของ จ. จึงต้องคืนเงินมัดจำ และราคาที่ดินที่ได้รับไว้พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีแก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2965/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในสภาพที่ดิน: สิทธิเลิกสัญญาและการคืนเงิน
โจทก์ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินมี น.ส.3 จาก จ. บิดาจำเลยโดยเชื่อตามที่ จ. บอกว่าที่ดินอยู่ใกล้โรงงาน และติดถนนตามแผนที่ที่แสดงให้ดูเมื่อปรากฏว่าที่ดินมิได้อยู่ติดถนนจ. จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาที่ไม่สามารถส่งมอบที่ดินตามที่ตกลงจะขายให้โจทก์และโจทก์ได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นทายาทของ จ. จึงต้องคืนเงินมัดจำ และราคาที่ดินที่ได้รับไว้พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีแก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1867/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายรถเกรดเดอร์: ความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายขนส่งและโกดังหลังซื้อคืน
เดิมจำเลยสั่งซื้อรถเกรดเดอร์ 11 คันจากโจทก์และจะต้องขนส่งทางเรือมาจากประเทศอังกฤษ แต่ต่อมาโจทก์จำเลยตกลงกันว่าให้โจทก์ซื้อรถทั้งหมดกลับคืนจากจำเลยโดยจำเลยขอรับผิดชอบสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการส่งคืนรถทั้ง 11 คันแก่โจทก์ และโจทก์ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและภาษีใด ๆ จนสินค้าลงเรือในกรุงเทพ ฯ ดังนี้ เมื่อค่าระวางขนส่งทางเรือจากประเทศอังกฤษมายังประเทศไทยไม่ได้รวมอยู่ในราคารถที่ขายคืนจึงเป็นค่าใช้จ่ายอย่างหนึ่งซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญา
ค่าขนส่งทางรถไฟจากกรุงเทพ ฯ ไปกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซียเป็นค่าระวางขนส่งต่อไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศ ตามข้อตกลงดังกล่าวโจทก์ผู้ซื้อรถคืนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ จนกระทั่งรถได้บรรทุกลงเรือ ดังนั้น เมื่อโจทก์เปลี่ยนมาเป็นการขนส่งทางบกโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยตกลงด้วย โจทก์จะเรียกค่าขนส่งดังกล่าวจากจำเลยโดยอาศัยข้อสัญญาดังกล่าวหาได้ไม่
สำหรับค่าเช่าโกดังสินค้าหลังจากมีข้อตกลงดังกล่าวแล้วนั้นการที่โจทก์จะนำรถบรรทุกลงเรือก็จำเป็นจะต้องออกของจากโกดังสินค้าซึ่งจะต้องเสียค่าเช่าโกดัง และตามสัญญาก็ได้ระบุให้ค่าเช่าโกดังเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเลยจะต้องรับผิดด้วยเช่นนี้ แม้การออกของจากโกดังสินค้าจะเนิ่นช้าไปบ้างแต่ก็ไม่ปรากฏว่าความล่าช้าเกิดจากเจตนาอันไม่สุจริตของโจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดในค่าเช่าโกดังสินค้าหลังจากวันทำสัญญาจนถึงวันออกของด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1867/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทสัญญาซื้อขายรถเกรดเดอร์ การรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขนส่ง และค่าเช่าโกดังตามสัญญา
เดิมจำเลยสั่งซื้อรถเกรดเดอร์ 11 คันจากโจทก์และจะต้องขนส่งทางเรือมาจากประเทศอังกฤษ แต่ต่อมาโจทก์จำเลยตกลงกันว่าให้โจทก์ซื้อรถทั้งหมดกลับคืนจากจำเลยโดยจำเลยขอรับผิดชอบสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการส่งคืนรถทั้ง 11 คันแก่โจทก์ และโจทก์ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและภาษีใด ๆ จนสินค้าลงเรือในกรุงเทพ ฯ ดังนี้ เมื่อค่าระวางขนส่งทางเรือจากประเทศอังกฤษมายังประเทศไทยไม่ได้รวมอยู่ในราคารถที่ขายคืนจึงเป็นค่าใช้จ่ายอย่างหนึ่งซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญา
ค่าขนส่งทางรถไฟจากกรุงเทพ ฯ ไปกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซียเป็นค่าระวางขนส่งต่อไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศ ตามข้อตกลงดังกล่าวโจทก์ผู้ซื้อรถคืนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ จนกระทั่งรถได้บรรทุกลงเรือ ดังนั้น เมื่อโจทก์เปลี่ยนมาเป็นการขนส่งทางบกโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยตกลงด้วย โจทก์จะเรียกค่าขนส่งดังกล่าวจากจำเลยโดยอาศัยข้อสัญญาดังกล่าวหาได้ไม่
สำหรับค่าเช่าโกดังสินค้าหลังจากมีข้อตกลงดังกล่าวแล้วนั้นการที่โจทก์จะนำรถบรรทุกลงเรือก็จำเป็นจะต้องออกของจากโกดังสินค้าซึ่งจะต้องเสียค่าเช่าโกดัง และตามสัญญาก็ได้ระบุให้ค่าเช่าโกดังเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเลยจะต้องรับผิดด้วยเช่นนี้ แม้การออกของจากโกดังสินค้าจะเนิ่นช้าไปบ้าง แต่ก็ไม่ปรากฏว่าความล่าช้าเกิดจากเจตนาอันไม่สุจริตของโจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดในค่าเช่าโกดังสินค้าหลังจากวันทำสัญญาจนถึงวันออกของด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1565/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดทรัพย์สิน: ผลกระทบต่อกรรมสิทธิ์และการคุ้มครองผู้ขายเมื่อราคาต่ำกว่าที่ควร
จำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยอ้างว่าราคาต่ำและยื่นคำร้องขอให้งดการดำเนินการเกี่ยวกับการขายทอดตลาดศาลอุทธรณ์เห็นว่าไม่มีเหตุสมควรที่จะสั่งให้งดการดำเนินการเกี่ยวกับการขายทอดตลาดให้ยกคำร้อง จำเลยฎีกาว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยในราคาต่ำมาก ทำให้จำเลยเสียหายและเสียเปรียบซึ่งจำเลยได้อุทธรณ์คำสั่ง หากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ทำการขายทอดตลาดใหม่ แต่ผู้ซื้อได้โอนทรัพย์ไปให้บุคคลอื่นเสียก่อนจะทำให้ไม่สามารถขายทอดตลาดได้ ดังนี้ แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้เพิกถอนการขายทอดตลาดดังกล่าวและให้ศาลชั้นต้นขายทอดตลาดใหม่ กรณีก็ไม่ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายเพราะผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดและผู้รับโอนทรัพย์ต่อจากนั้นก็คงไม่ได้ไปซึ่งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าว จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะสั่งให้งดการดำเนินการเกี่ยวกับการขายทอดตลาด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1217/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องสัญญาซื้อขาย และการสิ้นสุดสัญญาซื้อขายรถยนต์ โดยการตีราคารถเก่าเป็นส่วนหนึ่งของราคา
โจทก์ลงชื่อในใบสั่งซื้อรถยนต์จากจำเลยในนามส่วนตัวโดยมิได้ระบุว่าทำแทนผู้ใด แม้โจทก์จะใช้ข้อความในหนังสือบอกเลิกสัญญาว่าบริษัท ม. จำกัดได้จองรถไว้ก็เป็นเพราะความเข้าใจผิดของโจทก์เอง เนื่องจากโจทก์มีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าวจึงอาจใช้ตำแหน่งปะปนกับกิจการส่วนตัว ดังนั้นถือว่าโจทก์เป็นคู่สัญญากับจำเลยในนามส่วนตัว
โจทก์ซื้อรถจากจำเลยโดยนำรถเก่าของโจทก์ให้จำเลยตีราคาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของราคารถใหม่ที่จะซื้อ เมื่อปรากฏว่าจำเลยตีราคารถเก่า 330,000 บาท และรับรถไปแล้ว การที่โจทก์ขอเปลี่ยนรถคันที่ซื้อใหม่และจำเลยยอมคืนเงินให้โจทก์300,000 บาท โดยนำเงินส่วนที่เหลือ 30,000 บาท รวมกับเช็คเงินสดจำนวน 50,000 บาทที่โจทก์มอบแก่จำเลยแล้วเป็นการวางมัดจำรถคันใหม่ที่ขอเปลี่ยน ดังนี้ การตีราคารถเก่าเพื่อขายรถใหม่จึงสิ้นสุดไปแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ในสิ่งต่าง ๆ ที่จำเลยทำลงในรถเก่าที่โจทก์นำมาตีราคา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1217/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องสัญญาซื้อขาย, การตีราคารถเก่าเป็นส่วนหนึ่งของราคา, สัญญาซื้อขายสิ้นสุดลง
โจทก์ลงชื่อในใบสั่งซื้อรถยนต์จากจำเลยในนามส่วนตัวโดยมิได้ระบุว่าทำแทนผู้ใด แม้โจทก์จะใช้ข้อความในหนังสือบอกเลิกสัญญาว่าบริษัท ม. จำกัด ได้จองรถไว้ก็เป็นเพราะความเข้าใจผิดของโจทก์เอง เนื่องจากโจทก์มีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าวจึงอาจใช้ตำแหน่งปะปนกับกิจการส่วนตัว ดังนั้น ถือว่าโจทก์เป็นคู่สัญญากับจำเลยในนามส่วนตัว โจทก์ซื้อรถจากจำเลยโดยนำรถเก่าของโจทก์ให้จำเลยตีราคาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของราคารถใหม่ที่จะซื้อ เมื่อปรากฏว่าจำเลยตีราคารถเก่า 330,000 บาท และรับรถไปแล้ว การที่โจทก์ขอเปลี่ยนรถคันที่ซื้อใหม่และจำเลยยอมคืนเงินให้โจทก์ 300,000 บาท โดยนำเงินส่วนที่เหลือ 30,000 บาท รวมกับเช็คเงินสดจำนวน 50,000บาทที่โจทก์มอบแก่จำเลยแล้วเป็นการวางมัดจำรถคันใหม่ที่ขอเปลี่ยนดังนี้ การตีราคารถเก่าเพื่อขายรถใหม่จึงสิ้นสุดไปแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ในสิ่งต่าง ๆ ที่จำเลยทำลงในรถเก่าที่โจทก์นำมาตีราคา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขาย vs. รับจ้างทำของ: การผลิตอิฐทนไฟตามสั่งเสียภาษีการค้าประเภทใด
ข้อแตกต่างระหว่างการซื้อขายและการรับจ้างทำของนั้นหาได้อยู่ที่เจตนาและกริยาของคู่กรณีที่ประพฤติต่อกันแต่ประการเดียวไม่ แต่ความสำคัญอยู่ที่ว่า สัมภาระกับการงานที่รับทำจนสำเร็จนั้นสิ่งไหนสำคัญกว่ากัน ถ้าการงานที่รับทำจนสำเร็จสำคัญกว่าสัมภาระก็เป็นรับจ้างทำของ แต่ถ้าไม่สำคัญกว่าก็เป็นการซื้อขาย
การผลิตอิฐทนไฟไม่ว่าจะเป็นการผลิตแบบมาตรฐานหรือผลิตตามคำสั่งเป็นการเฉพาะราย วัตถุดิบหรือสัมภาระที่ใช้ได้แก่บล๊อกไซด์ ชามอส อลูมิน่า ดินทนไฟ นำมาผสมกัน เติมด้วยสารเคมีแล้วนาไปอัดเป็นรูปแบบต่าง ๆ จากนั้นจึงนำไปเผาไฟ จึงเห็นได้ว่าอิฐทนไฟที่ผลิตหาได้มีความสำคัญไปกว่าสัมภาระหรือวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการผลิตไม่ การผลิตอิฐทนไฟตามคำสั่งเฉพาะรายของลูกค้าจึงมิใช่เป็นการรับจ้างทำของ แต่เป็นการผลิตและจำหน่ายอิฐทนไฟเช่นเดียวกับอิฐทนไฟแบบมาตรฐานนั่นเอง ดังนั้นรายรับที่ได้จากการผลิตและจำหน่ายอิฐทนไฟตามคำสั่งของลูกค้าเป็นการเฉพาะราย จึงต้องเสียภาษีการค้าในประเภทการค้า 1.การขายของ ชนิด 1 (ก) ตามบัญชีอัตราภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 7 เช่นเดียวกับรายรับที่ได้จากการผลิตและจำหน่ายอิฐทนไฟแบบมาตรฐาน มิใช่เสียภาษีการค้าในประเภทการค้า 4.การรับจ้างทำของ ชนิด 1 (ฉ) ในอัตราร้อยละ 2
of 71