คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 453

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 703 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกค่าเสียหายกรณีเครื่องดูดขี้กบถูกไฟไหม้หลังคดีเลิกสัญญาซื้อขาย กรรมสิทธิ์กลับคืนเจ้าของเดิม
คดีเดิม จำเลยฟ้องโจทก์ว่าผิดสัญญาซื้อขายเครื่องดูดขี้กบขอให้คืนเงินราคาของที่ซื้อโจทก์ต่อสู้ว่าไม่ผิดสัญญาส่วนคดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้ราคาค่าเครื่องดูดขี้กบของโจทก์ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องคืนให้แก่โจทก์แต่จำเลยไม่สามารถคืนให้ได้เพราะไฟไหม้เสียแล้วดังนี้ แม้โจทก์จำเลยในคดีทั้งสองนี้จะเป็นคู่ความเดียวกันก็จริงแต่ประเด็นที่ได้วินิจฉัยในคดีทั้งสองอาศัยเหตุต่างกันจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยไว้แล้วในคดีเดิมว่า สัญญาซื้อขายเครื่องดูดขี้กบระหว่างโจทก์จำเลยได้เลิกกัน โจทก์และจำเลยก็ย่อมกลับคืนสู่ฐานะเดิมกรรมสิทธิ์ในเครื่องดูดขี้กบก็กลับมาเป็นของโจทก์ตามเดิม โจทก์ชอบที่จะติดตามเอาได้ในฐานะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ กรณีหาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ในฐานะพ่อค้าฟ้องเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของ หรือฟ้องเรียกคืนฐานลาภมิควรได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกร้องค่าเสียหายกรณีเครื่องดูดขี้กบถูกไฟไหม้หลังคดีเลิกสัญญาซื้อขาย กรรมสิทธิ์กลับคืนเจ้าของเดิม
คดีเดิมจำเลยฟ้องโจทก์ว่าผิดสัญญาซื้อขายเครื่องดูดขี้กบขอให้คืนเงินราคาของที่ซื้อโจทก์ต่อสู้ว่าไม่ผิดสัญญาส่วน คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้ราคาค่าเครื่องดูดขี้กบของโจทก์ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องคืนให้แก่โจทก์แต่จำเลยไม่ สามารถคืนให้ได้เพราะไฟไหม้เสียแล้วดังนี้แม้โจทก์จำเลยในคดีทั้งสองนี้จะเป็นคู่ความเดียวกันก็จริง แต่ประเด็นที่ได้วินิจฉัยในคดีทั้งสองอาศัยเหตุต่างกันจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยไว้แล้วในคดีเดิมว่าสัญญาซื้อขายเครื่องดูดขี้กบระหว่างโจทก์จำเลยได้เลิกกันโจทก์และจำเลยก็ย่อมกลับคืนสู่ฐานะเดิม กรรมสิทธิ์ในเครื่องดูดขี้กบก็กลับมาเป็นของโจทก์ตามเดิมโจทก์ชอบที่จะติดตามเอาได้ในฐานะเป็นเจ้าของกรรม สิทธิ์ กรณีหาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ในฐานะพ่อค้าฟ้องเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของหรือฟ้องเรียกคืนฐานลาภมิควรได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายไม่ถือว่ามีสาระสำคัญ หากไม่ระบุเงื่อนไขการเลิกสัญญาชัดเจน และการบอกกล่าวเป็นหน้าที่ก่อนเลิกสัญญา
โจทก์ซื้อที่ดินและตึกแถวซึ่งแบ่งแยกโฉนดเป็นแปลง ๆ แล้วจากจำเลย เพื่อขายเอากำไร โจทก์ขายที่ดินและตึกแถวตามสัญญาไป 12 ห้อง 12 โฉนด โดยโจทก์ติดต่อจำเลยให้ทำใบมอบอำนาจให้โจทก์ไปโอนขายแก่ผู้ซื้อเป็นคราวๆ ไป และโจทก์ได้ชำระเงินให้จำเลยเป็นรายห้องตามที่ขายได้แล้วดังนี้ เห็นได้ว่าแม้สัญญาจะได้กำหนดจำนวนห้องที่ซื้อขายและวันชำระเงินที่เหลือครั้งสุดท้ายระบุเป็นวันโอนโฉนดด้วยก็ดี แต่โจทก์จำเลยก็มิได้มีเจตนาถือจำนวนห้อง กำหนดเวลาชำระเงินที่เหลือและวันโอนโฉนดเป็นสารสำคัญ เพราะสัญญามิได้ระบุชัดแจ้งว่าหากผู้ซื้อผิดนัดไม่นำเงินที่เหลือมาชำระแก่ผู้ขายตามกำหนด และผู้ขายไม่มาโอนโฉนดในวันชำระเงินดังกล่าวแล้ว สัญญาเป็นอันเลิกกันทันที และเมื่อทำสัญญากันแล้ว โจทก์ยังมีสิทธิที่จะเอาตึกแถวไปแบ่งขายและโอนโฉนดได้ก่อนเป็นห้องๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเลยยอมปฏิบัติไปตามสัญญาส่วนหนึ่งแล้ว จำนวนเงินคงเหลือที่จะชำระหนี้ครั้งสุดท้ายจึงไม่แน่นอน ชอบที่จะคิดเงินกันก่อน วัตถุที่ประสงค์แห่งสัญญาว่าโดยสภาพหรือโดยเจตนาที่คู่สัญญาแสดงไว้มิใช่ว่าจะเป็นผลสำเร็จได้ก็แต่ด้วยการชำระหนี้ ณ เวลาที่กำหนด หรือภายในระยะเวลาวันใดวันหนึ่งซึ่งกำหนดไว้ตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 388 สัญญาจะซื้อขายรายนี้จึงต้องบังคับตามมาตรา 387 กล่าวคือ โจทก์ต้องบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้ภายในระยะเวลาพอสมควรก่อน หากจำเลยไม่ชำระหนี้ โจทก์จึงจะบอกเลิกสัญญาได้ แต่โจทก์มิได้ปฏิบัติเช่นนั้น จึงไม่มีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดินและตึกแถว การบอกเลิกสัญญาต้องแจ้งให้ชำระหนี้ก่อน
โจทก์ซื้อที่ดินและตึกแถวซึ่งแยกโฉนดเป็นแปลง ๆ แล้วจากจำเลยเพื่อขายเอากำไร โจทก์ขายที่ดินและตึกแถวตามสัญญาไป 12 ห้อง 12 โฉนด โดยโจทก์ติดต่อจำเลยให้ทำใบมอบอำนาจให้โจทก์ไปโอนขายแก่ผู้ซื้อเป็นคราว ๆ ไป และโจทก์ได้ชำระเงินให้จำเลยเป็นรายห้องตามที่ขายได้แล้วดังนี้เห็นได้ว่าแม้สัญญาจะได้กำหนดจำนวนห้องที่ซื้อ ขายและวันชำระเงินที่เหลือครั้งสุดท้ายระบุเป็นวันโอนโฉนดด้วยก็ดี แต่โจทก์จำเลยก็มิได้มีเจตนาถือจำนวนห้องกำหนดเวลาชำระเงินที่เหลือและวันโอนโฉนดเป็นสารสำคัญ เพราะสัญญามิได้ระบุชัดแจ้งว่าหากผู้ซื้อผิดนัดไม่นำเงินที่เหลือมาชำระแก่ผู้ขายตามกำหนดและผู้ขายไม่มาโอน โฉนดในวันชำระเงินดังกล่าวแล้ว สัญญาเป็นอันเลิกกันทันทีและเมื่อทำสัญญากันแล้วโจทก์ยังมีสิทธิที่จะเอาตึกแถวไปแบ่งขายและโอนโฉนดได้ก่อนเป็นห้อง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเลยยอมปฏิบัติไปตามสัญญาส่วนหนึ่งแล้วจำนวนเงินคงเหลือที่จะชำระหนี้ครั้งสุดท้ายจึงไม่แน่นอนชอบที่จะคิดเงินกันก่อน วัตถุที่ประสงค์แห่งสัญญาว่าโดยสภาพหรือโดยเจตนาที่คู่สัญญาแสดงไว้มิใช่ว่าเป็นผลสำเร็จได้ก็แต่ด้วยการชำระหนี้ ณ เวลาที่กำหนดหรือภายในระยะเวลาวันใดวันหนึ่งซึ่งกำหนดไว้ตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 388 สัญญาจะซื้อขายรายนี้จึงต้องบังคับตามมาตรา 387 กล่าวคือ โจทก์ต้องบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้ภายในระยะเวลาพอสมควรก่อนหากจำเลยไม่ชำระหนี้โจทก์จึงจะบอกเลิก สัญญาได้แต่โจทก์มิได้ปฏิบัติเช่นนั้นจึงไม่มีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2742/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โจทก์รู้เห็นยินยอมให้จำเลยโอนขายที่ดินให้ผู้อื่นแทนที่จะโอนให้ตนเอง ทำให้ไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินพร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์ก่อนถึงกำหนดวันโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ จำเลยได้ทำนิติกรรมโอนขายที่พิพาทและสิ่งปลูกสร้างให้แก่บุคคลภายนอก โดยโจทก์ได้มาติดต่อกับเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อให้โอนที่พิพาทให้บุคคลภายนอกนั้นและโดยอาศัยใบมอบอำนาจของจำเลย ครั้นเจ้าพนักงานที่ดินไม่สามารถทำให้ได้ โจทก์ก็พาจำเลยมาทำนิติกรรมโอนขายให้บุคคลภายนอกเช่นนี้แสดงอยู่ว่าโจทก์รู้เห็นยินยอมให้จำเลยทำนิติกรรมโอนขายที่พิพาทให้บุคคลภายนอกแทนที่จะทำการโอนให้โจทก์ตามสัญญา โจทก์จะมากล่าวอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาต่อโจทก์หาได้ไม่ โจทก์มาฟ้องคดีถือว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2742/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โจทก์รู้เห็นยินยอมให้จำเลยโอนขายที่ดินให้ผู้อื่นแทนที่จะโอนให้ตนเอง ทำให้ไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินพร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์ก่อนถึงกำหนดวันโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ จำเลยได้ทำนิติกรรมโอนขายที่พิพาทและสิ่งปลูกสร้างให้แก่บุคคลภายนอก โดยโจทก์ได้มาติดต่อกับเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อให้โอนที่พิพาทให้บุคคลภายนอกนั้น และโดยอาศัยใบมอบอำนาจของจำเลย ครั้นเจ้าพนักงานที่ดินไม่สามารถทำให้ได้ โจทก์ก็พาจำเลยมาทำนิติกรรมโอนขายให้บุคคลภายนอก เช่นนี้แสดงอยู่ว่าโจทก์รู้เห็นยินยอมให้จำเลยทำนิติกรรมโอนขายที่พิพาทให้บุคคลภายนอกแทนที่จะทำการโอนให้โจทก์ตามสัญญา โจทก์จะมากล่าวอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาต่อโจทก์หาได้ไม่ โจทก์มาฟ้องคดีถือว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2644/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการริบเงินมัดจำเมื่อผู้ซื้อผิดสัญญาไม่ขุดดินตามกำหนด
ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์จำเลยทำสัญญาขายหน้าดินกันตามเอกสารหมาย จ.1 ซึ่งมีข้อความว่า จำเลยได้ขายหน้าดินจำนวน 15 ไร่ ให้กับโจทก์ราคาไร่ละ 3,800 บาท ราคานี้จะต้องขุดภายในปี พ.ศ.2512. ถ้าขุดไม่หมด จะขุดต่อไปในปีหน้าจะต้องเพิ่มราคาเป็น 4,000 บาท โจทก์ได้วางมัดจำไว้ก่อนล่วงหน้าเป็นเงิน 20,000 บาท เมื่อทำสัญญากันดังกล่าวแล้ว ต่อมาจำเลยได้รับเงินค่าหน้าดินไปจากโจทก์อีก 20,000 บาท โจทก์ขุดหน้าดินไปได้เพียง 3 ไร่ โดยขุดใน พ.ศ.2513 แล้วไม่ได้ขุดอีก โดยโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา ดังนี้ ในการวางเงินมัดจำกันดังกล่าวโจทก์จำเลยมิได้ตกลงเรื่องเงินมัดจำกันไว้เป็นอย่างอื่น กรณีจึงต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 378. เมื่อปรากฏว่าโจทก์ไม่ขุดหน้าดินให้เสร็จภายในกำหนดโดยโจทก์เป็นฝ่ายผิดโจทก์ย่อมได้ชื่อว่าได้ละเลยไม่ชำระหนี้ จำเลยผู้เป็นเจ้าของหน้าดินและรับมัดจำไว้จากโจทก์ ย่อมมีสิทธิที่จะริบมัดจำได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 378(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2613/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายสังหาริมทรัพย์เกิน 500 บาท ไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ หากมีการส่งมอบสินค้าและชำระหนี้แล้ว
ข้อที่ว่า การซื้อขายเป็นการซื้อขายสังหาริมทรัพย์เกินกว่า500 บาท แต่มิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ จะฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่นั้น เป็นปัญหาในอำนาจฟ้องอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
การซื้อขายกระดาษรายพิพาท จำเลยได้รับมอบกระดาษไปครบถ้วนตามที่สั่งซื้อแล้วถือว่าเป็นการซื้อขายเด็ดขาด ซึ่งมีการชำระหนี้แล้ว โจทก์ผู้ขายมีสิทธิฟ้องเรียกราคากระดาษได้โดยไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2613/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายสังหาริมทรัพย์เกิน 500 บาท ไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ หากมีการชำระหนี้แล้ว
ข้อที่ว่า การซื้อขายเป็นการซื้อขายสังหาริมทรัพย์เกินกว่า500 บาท แต่มิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อ ฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญจะฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่นั้น เป็นปัญหาในอำนาจฟ้องอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
การซื้อขายกระดาษรายพิพาท จำเลยได้รับมอบกระดาษไปครบถ้วนตามที่สั่งซื้อแล้วถือว่าเป็นการซื้อขายเด็ดขาดซึ่งมีการชำระหนี้แล้ว โจทก์ผู้ขายมีสิทธิฟ้องเรียกราคากระดาษได้โดยไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2339/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเสียหายจากการผิดสัญญาซื้อขายที่ดิน ศาลพิจารณาจากราคาตลาดและค่าปรับที่สมเหตุสมผล
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยฐานผิดสัญญาไม่ขายที่ดินให้โจทก์ โดยคำนวณจากผลกำไรทั้งหมดซึ่งโจทก์คาดหมายว่าจะขายที่ดินได้ในราคาสูงกว่าราคาที่ซื้อจากจำเลย แต่ความเสียหายที่โจทก์เรียกร้องนั้นเป็นเพียงความหวังของโจทก์โจทก์จะขายที่ดินได้ในราคานั้นหรือไม่ ไม่เป็นที่แน่นอน ยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษ แต่ที่ดินที่จะซื้อขายมีทางหลวงตัดผ่านไป พอคาดหมายได้ว่าต้องมีราคาเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นจากการไม่ชำระหนี้ของจำเลย ศาลมีอำนาจกำหนดค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายให้ตามที่เห็นสมควร
แม้ศาลชั้นต้นจะใช้ดุลพินิจพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ไม่เหมาะสม จำเลยก็จะร้องมาในคำแก้อุทธรณ์และคำแก้ฎีกาเพื่อให้แก้ไขคำพิพากษาศาลล่างโดยมิได้อุทธรณ์ฎีกาหาได้ไม่ แต่ศาลฎีกามีอำนาจที่จะสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมตลอดไปถึงของศาลล่างด้วย หากเห็นเป็นการสมควร
of 71