คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 453

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 703 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1976-1978/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความสัญญาซื้อขายหุ้น: สิทธิในเงินปันผลที่ยังมิได้ปันผลอาจรวมอยู่ในราคาขายได้
โจทก์ฟ้องว่าขายเฉพาะหุ้นให้แก่จำเลยไม่รวมทั้งเงินปันผล จำเลยต่อสู้ว่าขายเหมารวมทั้งเงินปันผล ดังนี้แม้ในสัญญาปรากฏชัดว่าโจทก์ขายหุ้นส่วนแก่จำเลยก็ตาม เมื่อคดีปรากฏว่ายังมิได้มีการปันผลหุ้นที่มีอยู่ กรณีอาจจะรวมทั้งทุนกำไรก็ได้แล้วแต่จะเป็นที่เข้าใจในระหว่างกัน ฉะนั้นการที่จำเลยจะนำสืบว่าเป็นการขายเหมาทั้งสิทธิและหน้าที่นั้นจึงเป็นการนำสืบถึงข้อเท็จจริงที่ได้มีความเข้าใจกันอยู่ จะว่าเป็นการนำสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความที่ปรากฏชัดอยู่ในสัญญาแล้วยังไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1709/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซื้อขายที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง การเปลี่ยนแปลงฐานสัญญาต้องยกขึ้นกล่าวอ้างตั้งแต่แรก
การที่ผู้ซื้อทรัพย์พิพาทจากจำเลยยอมให้โจทก์ชำระหนี้ค่าซื้อทรัพย์ที่ผู้ซื้อยังค้างชำระแก่จำเลยแทนผู้ซื้อดังนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องการซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลย เพราะโจทก์ไม่ใช่ผู้ซื้อ(โดยตรง) จึงไม่มีมูลหนี้ระหว่างโจทก์และจำเลย(ผู้ขาย) อันจะเป็นเหตุให้โจทก์เรียกให้ใช้เงิน(ที่ชำระแทนผู้ซื้อ)
เมื่อฟ้องตั้งรูปคดีว่าเป็นการซื้อขายโดยตรงระหว่างโจทก์จำเลย และมิได้โต้แย้งว่าเป็นเรื่องแปลงหนี้ใหม่มาจากบุคคลอื่น แต่ในชั้นฎีกาคัดค้านขึ้นมาว่าเป็นเรื่องแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ เป็นการนอกประเด็น เพราะมิได้กล่าวไว้ในฟ้อง และมิได้เป็นข้อโต้แย้งมาแต่ต้น ศาลฎีกาจึงรับวินิจฉัยให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1709/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซื้อขายคลาดเคลื่อน: โจทก์ชำระหนี้แทนผู้ซื้อ มิใช่ผู้ซื้อโดยตรง สัญญาซื้อขายจึงไม่ผูกพัน
การที่ผู้ซื้อทรัพย์พิพาทจากจำเลยยอมให้โจทก์ชำระหนี้ค่าซื้อทรัพย์ที่ผู้ซื้อยังค้างชำระแก่จำเลยแทนผู้ซื้อดังนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องการซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลย เพราะโจทก์ไม่ใช่ผู้ซื้อ(โดยตรง) จึงไม่มีมูลหนี้ระหว่างโจทก์และจำเลย(ผู้ขาย)อันจะเป็นเหตุให้โจทก์เรียกให้ใช้เงิน (ที่ชำระแทนผู้ซื้อ)
เมื่อฟ้องตั้งรูปคดีว่าเป็นการซื้อขายโดยตรงระหว่างโจทก์จำเลย และมิได้โต้แย้งว่าเป็นเรื่องแปลงหนี้ใหม่มาจากบุคคลอื่น แต่ในชั้นฎีกาคัดค้านขึ้นมาว่าเป็นเรื่องแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ เป็นการนอกประเด็นเพราะมิได้กล่าวไว้ในฟ้อง และมิได้เป็นข้อโต้แย้งมาแต่ต้น ศาลฎีกาจึงรับวินิจฉัยให้ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันสั่งซื้อไม้: พฤติการณ์แสดงเจตนาของผู้เยาว์ผ่านบิดาเป็นหลักฐานได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 สั่งซื้อไม้จากโจทก์ไปทำตู้ เตียง ซึ่งจำเลยรับเหมามาจากกองทัพอากาศ จำเลยที่ 2 รับว่าสั่งไม้จากโจทก์แต่ผู้เดียว จำเลยที่ 1 ไม่เกี่ยว จำเลยที่ 2 รับเหมาเด็ดขาดไปจากจำเลยที่ 1
เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของร้านไทยงามอาภรณ์ จำเลยที่ 1 เป็นผู้เยาว์บิดาจึงเป็นผู้ดำเนินกิจการ ประกอบกับพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ว่าจะไปเอาเงินที่ร้านไทยงามมาชำระโจทก์ให้โจทก์ทำบิลให้แล้ววันต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับบิดาจำเลยที่ 1 และเจ้าของร้านยูเนียนก็ได้พากันไปหาโจทก์ บิดาจำเลยที่ 1 เอาเงินให้ 2,000 บาทวางมัดจำค่าไม้ และบิดาจำเลยที่ 1 ยังบอกโจทก์ว่ามีร้านไทยงามอาภรณ์และสั่งให้โจทก์ส่งไม้ให้เรื่อย ๆ เงินก็จะชำระให้เรื่อย ๆ ดังนี้เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งซื้อไม้ของโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 2
และพฤติการณ์ที่โจทก์สืบดังกล่าวข้างต้นมิใช่พฤติการณ์ที่บิดาจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปแต่ฝ่ายเดียว แต่เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 ได้แสดงออกโดยชัดเจ้งว่าจำเลยที่ 1 ได้ให้บิดาจัดการเรื่องนี้แทนตน พฤติการณ์ทั้งนี้จึงเป็นข้อความที่จะพึงแสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 สั่งซื้อไม้ของโจทก์โดยบิดาจำเลยที่ 1 เป็นผู้เกี่ยวข้องเอาธุระจัดการให้จำเลยที่ 1 จึงเป็นข้อความที่เกี่ยวกับประเด็นตามคำฟ้องของโจทก์ หาเป็นความที่นอกประเด็นอย่างไรไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันสั่งซื้อไม้: พฤติการณ์แสดงเจตนาของผู้เยาว์ผ่านบิดาถือเป็นหลักฐานได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 สั่งซื้อไม้จากโจทก์ไปทำตู้ เตียง ซึ่งจำเลยรับเหมามาจากกองทัพอากาศ จำเลยที่ 2 รับว่าสั่งไม้จากโจทก์แต่ผู้เดียว จำเลยที่ 1 ไม่เกี่ยว จำเลยที่ 2 รับเหมาเด็ดขาดไปจากจำเลยที่ 1
เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของร้านไทยงามอาภรณ์ จำเลยที่ 1 เป็นผู้เยาว์บิดาจึงเป็นผู้ดำเนินกิจการ ประกอบกับพฤติการณ์ที่จำเลยที่2 ว่าจะไปเอาเงินที่ร้านไทยงามมาชำระโจทก์ให้โจทก์ทำบิลให้แล้ว วันต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับบิดาจำเลยที่ 1 และเจ้าของร้านยูเนียนก็ได้พากันไปหาโจทก์ บิดาจำเลยที่ 1 เอาเงินให้ 2,000 บาทวางมัดจำค่าไม้ และบิดาจำเลยที่ 1 ยังบอกโจทก์ว่ามีร้ายไทยงามอาภรณ์และสั่งให้โจทก์ส่งไม้ให้เรื่อยๆ เงินก็จะชำระให้เรื่อยๆ ดังนี้เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งซื้อไม้ของโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 2 และพฤติการณ์ที่โจทก์สืบดังกล่าวข้างต้นมิใช่พฤติการณ์ที่บิดาจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปแต่ฝ่ายเดียว แต่เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 ได้แสดงออกโดยชัดแจ้งว่าจำเลยที่ 1 ได้ให้บิดาจัดการเรื่องนี้แทนตน พฤติการณ์ทั้งนี้จึงเป็นข้อความที่จะพึงแสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 สั่งซื้อไม้ของโจทก์โดยบิดาจำเลยที่ 1 เป็นผู้เกี่ยวข้องเอาธุระจัดการให้จำเลยที่ 1 จึงเป็นข้อความที่เกี่ยวกับประเด็นตามคำฟ้องของโจทก์ หาเป็นความที่นอกประเด็นอย่างไรไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินกับคนต่างด้าว: สัญญาซื้อขายสมบูรณ์หากกฎหมายไม่ได้ห้าม เงื่อนไขทางวาจาไม่มีผลบังคับ อายุความครอบครองเป็นปัจจัยสำคัญ
การขายที่ดินให้คนต่างด้าวนั้น พระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว 2486 มิได้ห้ามเด็ดขาดการซื้อขายจึงสมบูรณ์
ข้อตกลงด้วยวาจาว่าถ้าผู้ซื้อแปลงชาติเป็นไทยไม่ได้ผู้ซื้อต้องขายที่ดินคืนให้ผู้ขายนั้น ไม่มีผลบังคับได้
คำร้องขอขายที่ดินมีว่า ถ้าผู้ซื้อเป็นคนต่างด้าวผู้ขายขอถอนคำร้องนั้น ถ้าผู้ขายรู้ความจริงอยู่แล้วขืนทำสัญญาขายไปย่อมเป็นการซื้อขายเด็ดขาด ไม่มีการเพิกถอน
ที่ดินมือเปล่าซึ่งคนต่างด้าวซื้อมา. และครอบครองเกิน 1 ปีคนต่างด้าวย่อมได้สิทธิครอบครองและจำหน่ายที่ดินนั้นได้ตามประมวลกฎหมายที่ดิน 2497 มาตรา94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 787/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายเชื่อโดยอ้างอิงจากเอกสารรับยาและเงื่อนไขการรับคืน ทำให้ฟังได้ว่าเป็นการซื้อขาย ไม่ใช่ฝากขาย
ในเอกสาร 2 ฉบับเป็นใบรับยามีราคาแจ้งเป็นรายการไปจำเลยลงชื่อรับของไว้ในเอกสารดังกล่าว ราคาที่แจ้งนั้นต่อกว่าราคาตลาดมาก ทั้งในเอกสารมีบันทึกของจำเลยว่าโนวาซาน(ชื่อยา) ของที่ส่งมา ถ้าครบวันที่สิ้นอายุ แล้วไม่หมด ทางห้างต้องรับคืน
ดังนี้ฟังได้ว่าจำเลยซื้อเชื่อของจากโจทก์ มิใช่รับฝากยาจากโจทก์เอาไว้ขาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 787/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายยาแบบมีเครดิต: พฤติการณ์บ่งชี้การซื้อเชื่อ ไม่ใช่การรับฝากขาย
ในเอกสาร 2 ฉบับเป็นใบรับยามีราคาแจ้งเป็นรายการไปจำเลยลงชื่อรับของไว้ในเอกสารดังกล่าวราคาที่แจ้งนั้นต่ำกว่าราคาตลาดมากทั้งในเอกสารมีบันทึกของจำเลยว่าโนวาซาน(ชื่อยา) ของที่ส่งมาถ้าครบวันที่สิ้นอายุแล้วไม่หมดทางห้างต้องรับคืน
ดังนี้ฟังได้ว่าจำเลยซื้อเชื่อของจากโจทก์ มิใช่รับฝากยาจากโจทก์เอาไว้ขาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์เรือนที่รื้อถอนได้หลังซื้อขาย แต่ไม่จดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดิน ย่อมตกเป็นของเจ้าของที่ดินที่ซื้อโดยสุจริตและจดทะเบียน
การซื้อขายเรือนโดยทำสัญญาซื้อขายกันที่กรมการอำเภอโดยมีข้อตกลงว่าโจทก์จะได้รื้อเอาไปภายในกำหนด 3 วันนั้นเป็นการขายสังหาริมทรัพย์
โจทก์ทำสัญญาซื้อขายเรือนกับเจ้าของเดิม ณ ที่ว่าการอำเภอโดยตกลงกันว่าจะรื้อเรือนไปภายใน 3 วัน แต่แล้วโจทก์กลับไม่รื้อเรือนไปตามข้อตกลงและกลับยอมให้เจ้าของเดิมเช่าเรือนพิพาทต่อไปอีกเป็นเวลานานถึง 10 ปี ถ้าโจทก์จะมีสิทธิเหนือพื้นดินของเจ้าของเดิมก็ต้องจดทะเบียนสิทธิต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม ป.พ.พ. ม.1299 จึงจะใช้ยันจำเลยผู้ซื้อซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ แต่คดีนี้ปรากฏว่าไม่มีนิติกรรมจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ซื้อที่พิพาทโดยสุจริตและโดยเสียค่าตอบแทนทั้งได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นหลักฐานอีกด้วยเรือนซึ่งเป็นส่วนความย่อมติดไปกับที่ดิน จำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ในเรือนนี้ด้วย.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2499).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายเรือนรื้อถอนติดที่ดิน: กรรมสิทธิ์ในเรือนเป็นของใครเมื่อมีการซื้อขายที่ดินโดยสุจริต?
การซื้อขายเรือนโดยทำสัญญาซื้อขายกันที่กรมการอำเภอโดยมีข้อตกลงว่าโจทก์จะได้รื้อเอาไปภายในกำหนด 3 วันนั้นเป็นการขายสังหาริมทรัพย์ไม่เป็นโมฆะ ผู้ซื้อได้กรรมสิทธิ์ตามฎีกาที่ 923/85
โจทก์ทำสัญญาซื้อขายเรือนกับเจ้าของเดิม ณ ที่ว่าการอำเภอโดยตกลงกันว่าจะรื้อเรือนไปภายใน 3 วัน แต่แล้วโจทก์กลับไม่รื้อเรือนไปตามข้อตกลงและกลับยอมให้เจ้าของเดิมเช่าเรือนพิพาทต่อไปอีกเป็นเวลานานถึง 10 ปี ถ้าโจทก์จะมีสิทธิเหนือพื้นดินของเจ้าของเดิมก็ต้องจดทะเบียนสิทธิต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1299 จึงจะใช้ยันจำเลยผู้ซื้อซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้แต่คดีนี้ปรากฏว่าไม่มีนิติกรรมจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
เมื่อจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ซื้อที่พิพาทโดยสุจริตและโดยเสียค่าตอบแทนทั้งได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นหลักฐานอีกด้วยเรือนซึ่งเป็นส่วนควบย่อมติดไปกับที่ดินจำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ในเรือนนี้ด้วย (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2499)
of 71