คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประทีป ชุ่มวัฒนะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 581 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1900/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการพิจารณาขึ้นเงินเดือนเป็นของนายจ้าง แม้มีหลักเกณฑ์ แต่ต้องพิจารณาครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่วางไว้
การให้บำเหน็จความชอบแก่พนักงานเป็นอำนาจโดยเฉพาะของจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างหาใช่เป็นสิทธิของพนักงานไม่ การพิจารณาขึ้นเงินเดือนกรณีปกติหนึ่งขั้นมีหลักเกณฑ์วางไว้โจทก์ทั้งสองไม่ได้รับการพิจารณาขึ้นเงินเดือนเพราะเหตุข้อเดียวที่จำเลยอ้างว่าโจทก์มีวันลาป่วยเกินสิทธิข้ออ้างของจำเลยนี้ฟังไม่ได้ยังมีหลักเกณฑ์ข้ออื่น ๆ อีกที่จำเลยไม่ได้พิจารณาจำเลยจึงต้องพิจารณาความดีความชอบประจำปีของโจทก์ใหม่
แม้จำเลยจะมอบให้ผู้บังคับบัญชาชั้นต้นใช้ดุลพินิจเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีปกติหนึ่งขั้นของพนักงานตามหลักเกณฑ์และคำสั่งของจำเลยเพราะมีพนักงานอยู่เป็นจำนวนมากก็ตามแต่ขั้นสุดท้ายก็เป็นอำนาจของผู้อำนวยการธนาคารจำเลยที่จะพิจารณาสั่งและตามคำสั่งของจำเลยก็กำหนดไว้ชัดว่าผู้ที่จะสั่งขึ้นเงินเดือนหรือไม่ขึ้นเงินเดือนก็คือผู้อำนวยการธนาคารจำเลย กรณีจึงหาใช่เป็นอำนาจพิจารณาเด็ดขาดของผู้บังคับบัญชาชั้นต้นเท่านั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1898/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเสี่ยงการจับปลาในน่านน้ำต่างประเทศ นายจ้างไม่ต้องจ่ายเงินทดแทนหากลูกจ้างเสียชีวิตจากเหตุการณ์ไม่แน่นอน
เรือประมงที่เข้าไปจับปลาในน่านน้ำประเทศกัมพูชามิได้ถูกยิงเสมอไปผู้นำเรือเข้าไปจับปลาดังกล่าวจึงไม่อาจเล็งเห็นผลได้ว่าจะต้องถูกยิงหรือน่าจะถูกยิงได้รับอันตรายหรือถึงแก่ความตายโดยแน่แท้การที่ผู้ตายซึ่งเป็นไต้ก๋งเรือประมงของโจทก์นำเรือเข้าไปจับปลาในน่านน้ำดังกล่าวแล้วถูกยิงถึงแก่ความตายจึงมิใช่ผู้ตายประสบอันตรายเพราะเหตุจงใจให้ตนเองประสบอันตรายโจทก์จึงต้องจ่ายเงินทดแทน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1888/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดชอบของรองผู้จัดการใหญ่ต่อการสูญหายของทรัพย์สิน และขอบเขตค่าชดเชยตามสัญญาจ้าง
ขณะเกิดเหตุโจทก์ดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่และรักษาการในตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ของชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทยจำเลยที่ 1 การที่ปุ๋ยในคลังสินค้าของจำเลยที่ 1 หายไปโจทก์ให้คนไปสืบได้เพียง 7 วัน จึงยังมิได้รายงานให้คณะกรรมการดำเนินการของจำเลยที่ 1 ทราบ เป็นการใช้ดุลพินิจปฏิบัติหน้าที่ตามที่เห็นสมควรในพฤติการณ์เช่นนั้น ถือไม่ได้ว่าเป็นการไม่รับผิดชอบในหน้าที่หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบแบบแผนข้อบังคับและคำสั่งของจำเลยที่ 1 หรือมิได้กระทำการโดยซื่อสัตย์สุจริตตามความในสัญญาจ้าง และหาใช่เป็นเรื่องไม่ดูแลรักษาทรัพย์สินตามระเบียบของจำเลยที่ 1 เกี่ยวกับเรื่องวินัยไม่ จึงไม่ผิดวินัยหรือเงื่อนไขในสัญญาจ้างการที่โจทก์แถลงขอเรียกเงินตามฟ้องเพียง 230,000 บาทเห็นได้ว่าโจทก์ติดใจเรียกเงินทุกประเภทรวมทั้งค่าชดเชยด้วยทั้งไม่ติดใจเรียกดอกเบี้ยจากเงินที่กล่าวนี้อีกเมื่อศาลแรงงานกลางใช้ดุลพินิจลดเงินที่โจทก์ติดใจเรียกร้องลงมาเหลือเพียง 159,64246 บาท เงินจำนวนนี้จึงรวมค่าชดเชยไว้แล้วนั่นเอง เมื่อเงินจำนวนนี้สูงกว่าค่าชดเชยที่โจทก์อ้างว่ามีสิทธิได้รับตามกฎหมายแล้วโจทก์จึงไม่อาจอ้างว่าศาลใช้ดุลพินิจลดค่าชดเชยลงให้โจทก์ได้รับต่ำกว่าที่กฎหมายบังคับไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1842/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสั่งไล่ออกลูกจ้าง: การปฏิบัติตามระเบียบและคำสั่งมอบอำนาจของผู้ว่าการรถไฟฯ
โจทก์เป็นลูกจ้างของการรถไฟแห่งประเทศไทยจำเลยที่ 1 โจทก์ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานทุจริตต่อหน้าที่และประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงอันเป็นความผิดซึ่งมีโทษถึงไล่ออกเมื่อมีการตั้งกรรมการสอบสวนกรณีที่โจทก์ถูกกล่าวหาดังกล่าวและจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาได้พิจารณาพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวนแล้วเห็นว่าโจทก์ทำความผิดจริงก็มีคำสั่งไล่โจทก์ออกจากงานได้ตามที่ได้รับมอบอำนาจ โดยมิต้องนำเรื่องเสนอที่ประชุมผู้อำนวยการฝ่ายและหัวหน้าสำนักงานให้พิจารณาเสียก่อนไม่เป็นการฝ่าฝืนระเบียบการและคำสั่งของจำเลยที่ 1 แต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1831-1832/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวความผิดเดียวกัน: ขนย้ายข้าวสารเหนียมออกนอกเขตห้าม แม้ใช้รถหลายคัน
จำเลยต้องการขนย้ายข้าวสารเหนียมออกนอกเขตห้ามขนย้ายข้าว จึงว่าจ้างรถบรรทุก 2 คัน บรรทุกข้าวดังกล่าวคนละ 100 กระสอบ แล้วจำเลยขับรถของจำเลยนำหน้ารถบรรทุกทั้งสองคันไป การกระทำผิดของจำเลยเป็นการขนย้ายข้าวสารเหนียม 200 กระสอบ ออกนอกเขตห้ามขนย้ายข้าวในครั้งเดียวกัน แม้จะบรรทุกไปในรถบรรทุก 2 คัน ๆ ละ 100 กระสอบ และคนขับรถบรรทุกคันนั้น จะได้สมคบกันหรือไม่ก็ตาม ต้องถือว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว มิใช่ว่าจะต้องแยกการกระทำของจำเลยไปตามจำนวนรถที่ขนย้ายข้าวหรือตามจำนวนคนขับรถซึ่งขับรถเหล่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1831-1832/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวความผิดเดียวกัน: ขนย้ายข้าวสารเหนียวออกนอกเขตห้าม แม้ใช้รถหลายคัน
จำเลยต้องการขนย้ายข้าวสารเหนียวออกนอกเขตห้ามขนย้ายข้าวจึงว่าจ้างรถบรรทุก 2 คันบรรทุกข้าวดังกล่าวคันละ 100 กระสอบ แล้วจำเลยขับรถของจำเลยนำหน้ารถบรรทุกทั้งสองคันไป การกระทำผิดของจำเลยเป็นการขนย้ายข้าวสารเหนียว 200 กระสอบออกนอกเขตห้ามขนย้ายข้าวในครั้งเดียวกัน แม้จะบรรทุกไปในรถบรรทุก 2 คัน ๆ ละ 100 กระสอบ และคนขับรถบรรทุกสองคันนั้นจะได้สมคบกันหรือไม่ก็ตาม ต้องถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว มิใช่ว่าจะต้องแยกการกระทำของจำเลยไปตามจำนวนรถที่ขนย้ายข้าวหรือตามจำนวนคนขับรถซึ่งขับรถเหล่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1828/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของสามยทรัพย์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาฐานทำให้เสียทรัพย์ต่อภารยทรัพย์ที่ตนเองไม่ได้เป็นเจ้าของร่วม
เจ้าของสามยทรัพย์ ไม่ใช่เจ้าของรวมในภารยทรัพย์ จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องในคดีอาญาขอให้ลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์แก่ผู้ที่ทำลายหรือทำให้ภารยทรัพย์เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1828/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารยทรัพย์: เจ้าของสามยทรัพย์ไม่มีสิทธิฟ้องคดีอาญาฐานทำให้เสียทรัพย์
เจ้าของสามยทรัพย์ ไม่ใช่เจ้าของรวมในภารยทรัพย์ จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องในคดีอาญา ขอให้ลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์แก่ผู้ที่ทำลายหรือทำให้ภารยทรัพย์เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1801/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของเจ้าของรถต่อการละเมิดของผู้อื่นขณะขับรถยนต์ของตน
ตำรวจขับรถยนต์ของกรมตำรวจกลับจากปฏิบัติราชการตำรวจกระทำโดยประมาท กรมตำรวจต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดของจำเลยที่ 1 ก่อขึ้นด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1799/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตายจากการทำร้ายร่างกายโดยเจตนา ไม่ถือเป็นการประสบอันตรายจากการทำงาน
แม้จะฟังว่า ผู้ช่วยผู้จัดการบริษัท อ. สั่งให้ผู้ตายดำเนินการให้ ป. ย้ายออกไปจากห้องพักของบริษัท ซึ่ง ป. อยู่โดยไม่มีสิทธิ ผู้ตายสั่งให้คนตาม ป. ไป พบ ป.ไม่ไป ผู้ตายจึงไปพบ ป. เพื่อเจรจาเรียกห้องพักคืน แต่ในการเจรจานั้นได้ความว่า ผู้ตายได้ทำร้ายร่างกาย ป. ก่อน โดยไม่จำเป็น ดังนี้ เป็นเรื่องผู้ตายทำร้ายร่างกาย ป.ไปตามเจตนาของผู้ตายเอง หาเกี่ยวเนื่องกับการเจรจาเรียกห้องพักคืนอันเป็นการทำงานให้นายจ้างไม่ เมื่อ ป. บันดาลโทสะ ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ความตายของผู้ตายจึงเกิดขึ้นเนื่องจากผู้ตายทำร้ายร่างกาย ป.ก่อน ถือไม่ได้ว่าผู้ตายประสบอันตรายถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างอันจะทำให้ภริยาของผู้ตายมีสิทธิได้รับเงินจากกองทุนเงินทดแทน
of 59