พบผลลัพธ์ทั้งหมด 581 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คลงวันที่ล่วงหน้า ความรับผิดของกองมรดกผู้สั่งจ่าย แม้ผู้สั่งจ่ายถึงแก่กรรมก่อนเช็คถึงกำหนด
การสั่งจ่ายเช็คลงวันที่ล่วงหน้านั้นหมายความเพียงว่าผู้ทรงมีสิทธิเบิกเงินตามเช็คจากธนาคารได้ต่อเมื่อถึงวันที่กำหนดในเช็คเท่านั้น แม้ผู้สั่งจ่ายจะถึงแก่กรรมไปก่อนวันเช็คถึงกำหนด ก็หาทำให้ผู้สั่งจ่ายที่ได้ลงลายมือชื่อไว้ในเช็คนั้นหลุดพ้นความรับผิดไปได้ไม่ หน้าที่และความรับผิดตามเช็คนั้นย่อมยังคงตกอยู่แก่กองมรดกของผู้สั่งจ่ายนั้นด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1600
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1356/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเลี้ยงดูหลังหย่า: สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน แม้จะบอกล้างสัญญาอื่นไม่ได้
โจทก์จำเลยตกลงทำสัญญายอมหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยากันและจำเลยยอมจ่ายค่าเลี้ยงดูให้โจทก์ 50,000 บาท ปรากฏในบันทึกประจำวันของสถานีตำรวจภูธรอำเภอชุมแพ บันทึกดังกล่าวมีลักษณะเป็นทั้งสัญญาหย่าและสัญญาประนีประนอมยอมความที่จะจ่ายค่าเลี้ยงชีพให้โจทก์เมื่อหย่ากันแล้ว และคู่กรณีอาจตกลงกันให้ชำระค่าเลี้ยงชีพครั้งเดียว เป็นจำนวนเงินตามที่ตกลงกันได้ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าเลี้ยงชีพ 50,000 บาทให้โจทก์ ตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ได้ทำไว้นั้น
สัญญาที่จำเลยยอมจ่ายเงินให้โจทก์ 50,000 บาทนี้เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับค่าเลี้ยงชีพของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1526 ซึ่งหมายถึงเงินเลี้ยงชีพหลังจากที่ได้หย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยากันแล้ว จึงไม่ใช่สัญญาที่เกี่ยวกับทรัพย์สินระหว่างเป็นสามีภรรยากันตามมาตรา 1469 จำเลยไม่มีสิทธิอ้างมาตรานั้นมาเป็นเหตุบอกล้างสัญญานี้
สัญญาที่จำเลยยอมจ่ายเงินให้โจทก์ 50,000 บาทนี้เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับค่าเลี้ยงชีพของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1526 ซึ่งหมายถึงเงินเลี้ยงชีพหลังจากที่ได้หย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยากันแล้ว จึงไม่ใช่สัญญาที่เกี่ยวกับทรัพย์สินระหว่างเป็นสามีภรรยากันตามมาตรา 1469 จำเลยไม่มีสิทธิอ้างมาตรานั้นมาเป็นเหตุบอกล้างสัญญานี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1313/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายและสิทธิยึดหน่วงการครอบครอง: โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยไม่ได้
โจทก์ตกลงขายบ้านให้จำเลยโดยรับเงินค่าบ้านมาเรียบร้อยแล้ว ยังไม่ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ โดยขอผัดผ่อนจะจดทะเบียนโอนกันวันหลัง แต่ได้มอบการครอบครองบ้านให้จำเลยนั้น ย่อมเข้าลักษณะเป็นสัญญาจะซื้อขายสัญญาจะซื้อขายดังกล่าวนี้ย่อมผูกพันโจทก์อยู่ จำเลยเป็นผู้ครอบครองบ้านพิพาทของโจทก์ในฐานะผู้ซื้อ และมีหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่ตนเกี่ยวด้วยบ้านซึ่งครอบครองนั้นจำเลยย่อมมีสิทธิยึดหน่วงบ้านหลังนั้นไว้ได้ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1275/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งสำเนาฟ้องและค่าธรรมเนียม: ศาลไม่ถือว่าทิ้งฟ้องหากมีการดำเนินการบางส่วนและแสดงเจตนาที่จะชำระ
โจทก์ขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถา ถึงวันนัดไต่สวน โจทก์แถลงว่าไม่ติดใจฟ้องคดีอย่างคนอนาถาต่อไป ขอนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลภายใน 15 วัน ศาลงดการไต่สวนและสั่งรับฟ้องโจทก์ หมายส่งสำเนาฟ้องให้จำเลย หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วันถ้าไม่แถลงให้ถือว่าทิ้งฟ้อง และให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลภายใน 15 วันตามขอ
ปรากฏว่าโจทก์ได้ส่งสำเนาคำฟ้องให้จำเลยในชั้นไต่สวนคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องส่งสำเนาฟ้องให้จำเลยอีกเมื่อศาลสั่งรับฟ้องทั้งเมื่อสั่งรับฟ้องแล้วศาลก็ไม่ได้ออกหมายเรียกให้จำเลยแก้คดีจึงไม่มีหมายเรียกที่จะให้โจทก์นำส่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(1) การที่โจทก์ไม่จัดการนำส่งสำเนาฟ้องภายในกำหนด จะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องไม่ได้
ส่วนเรื่องโจทก์ไม่วางเงินค่าธรรมเนียมภายในกำหนด ก็ฟังได้ว่าโจทก์ได้มอบให้ ต. มายื่นคำร้องขอเลื่อนการวางเงินแล้ว แสดงว่าโจทก์ไม่มีเจตนาทิ้งฟ้อง และต่อมาภายหลังโจทก์ก็ได้จัดการวางเงินค่าธรรมเนียมเรียบร้อยแล้วตามที่ศาลสั่งจึงไม่มีเหตุที่จะจำหน่ายคดีเพราะไม่วางเงินค่าธรรมเนียมอีก
ปรากฏว่าโจทก์ได้ส่งสำเนาคำฟ้องให้จำเลยในชั้นไต่สวนคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องส่งสำเนาฟ้องให้จำเลยอีกเมื่อศาลสั่งรับฟ้องทั้งเมื่อสั่งรับฟ้องแล้วศาลก็ไม่ได้ออกหมายเรียกให้จำเลยแก้คดีจึงไม่มีหมายเรียกที่จะให้โจทก์นำส่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(1) การที่โจทก์ไม่จัดการนำส่งสำเนาฟ้องภายในกำหนด จะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องไม่ได้
ส่วนเรื่องโจทก์ไม่วางเงินค่าธรรมเนียมภายในกำหนด ก็ฟังได้ว่าโจทก์ได้มอบให้ ต. มายื่นคำร้องขอเลื่อนการวางเงินแล้ว แสดงว่าโจทก์ไม่มีเจตนาทิ้งฟ้อง และต่อมาภายหลังโจทก์ก็ได้จัดการวางเงินค่าธรรมเนียมเรียบร้อยแล้วตามที่ศาลสั่งจึงไม่มีเหตุที่จะจำหน่ายคดีเพราะไม่วางเงินค่าธรรมเนียมอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1275/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งสำเนาฟ้องและวางค่าธรรมเนียม: ศาลไม่ถือว่าทิ้งฟ้องหากมีหลักฐานแสดงเจตนาและมีการดำเนินการแก้ไข
โจทก์ขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถา ถึงวันนัดไต่สวน โจทก์แถลงว่าไม่ติดใจฟ้องคดีอย่างคนอนาถาต่อไป ขอนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลภายใน 15 วัน ศาลงดการไต่สวนและสั่งรับฟ้องโจทก์ ทนายส่งสำนวนฟ้องให้จำเลย หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วัน ถ้าไม่แถลงให้ถือว่าทิ้งฟ้อง และให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลภายใน 15 วันตามขอ
ปรากฏว่าโจทก์ได้ส่งสำเนาคำฟ้องให้จำเลยในชั้นไต่สวนคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องส่งสำเนาฟ้องให้จำเลยอีกเมื่อศาลสั่งรับฟ้องทั้งเมื่อสั่งรับฟ้องแล้วศาลก็ไม่ได้ออกหมายเรียกให้จำเลยแก้คดี จึงไม่มีหมายเรียกที่จะให้โจทก์นำส่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (1) การที่โจทก์ไม่ทำการนำส่งสำเนาฟ้องภายในกำหนด จะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องไม่ได้
ส่วนเรื่องโจทก์ไม่วางเงินค่าธรรมเนียมภายในกำหนด ก็ฟังได้ว่าโจทก์ได้มอบให้ ต. มายื่นคำร้องขอเลื่อนการวางเงินแล้ว แสดงว่าโจทก์ไม่มีเจตนาทิ้งฟ้อง และต่อมาภายหลังโจทก์ก็ได้รับการวางเงินค่าธรรมเนียมเรียบร้อยแล้วตามที่ศาลสั่ง จึงไม่มีเหตุที่จะจำหน่ายคดีเพราะไม่วางเงินค่าธรรมเนียมอีก
ปรากฏว่าโจทก์ได้ส่งสำเนาคำฟ้องให้จำเลยในชั้นไต่สวนคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องส่งสำเนาฟ้องให้จำเลยอีกเมื่อศาลสั่งรับฟ้องทั้งเมื่อสั่งรับฟ้องแล้วศาลก็ไม่ได้ออกหมายเรียกให้จำเลยแก้คดี จึงไม่มีหมายเรียกที่จะให้โจทก์นำส่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (1) การที่โจทก์ไม่ทำการนำส่งสำเนาฟ้องภายในกำหนด จะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องไม่ได้
ส่วนเรื่องโจทก์ไม่วางเงินค่าธรรมเนียมภายในกำหนด ก็ฟังได้ว่าโจทก์ได้มอบให้ ต. มายื่นคำร้องขอเลื่อนการวางเงินแล้ว แสดงว่าโจทก์ไม่มีเจตนาทิ้งฟ้อง และต่อมาภายหลังโจทก์ก็ได้รับการวางเงินค่าธรรมเนียมเรียบร้อยแล้วตามที่ศาลสั่ง จึงไม่มีเหตุที่จะจำหน่ายคดีเพราะไม่วางเงินค่าธรรมเนียมอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1131/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องค่าเสียหาย: รู้ตัวผู้กระทำผิดเมื่อใด
อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขตั้งกรรมการสอบสวนกรณียักยอกเงินคณะกรรมการเปรียบเสมือนเครื่องมือของกรม ถือว่ากรมรู้ตัวผู้รับผิดในวันที่คณะกรรมการรายงานให้กรมทราบ ซึ่งเป็นวันที่ 10 มิถุนายน 2518 โจทก์ฟ้องคดีวันที่ 25 มิถุนายน 2519 คดีขาดอายุความตาม มาตรา 448 การที่อธิบดียังไม่ได้พิจารณารายงานและให้กองนิติการพิจารณาให้ความเห็นอีก ก็ไม่เป็นเหตุที่จะกล่าวว่ากรมซึ่งผู้รักษาการแทนอธิบดีเป็นผู้แทนนิติบุคคลอยู่ยังไม่รู้ตัวผู้ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการปิดอากรแสตมป์ไม่ครบ ใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้ แต่จำเลยบรรยายฟ้องยอมรับแล้ว ศาลไม่ยกฟ้อง
ปัญหาว่าคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการปิดอากรแสตมป์ไม่ครบ จึงใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ถึงแม้จำเลยมิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างในศาลชั้นต้นก็ยังยกขึ้นอ้างอิงในชั้นฎีกาได้
โจทก์บรรยายฟ้องเป็นใจความว่า อนุญาโตตุลาการได้มีคำสั่งชี้ขาดแล้วดังสำเนาคำชี้ขาดพร้อมด้วยคำแปลท้ายฟ้อง จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่าคำชี้ขาดนี้ขัดต่อกฎหมายไทย เป็นการยอมรับแล้ว่ามีคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการดังสำเนาที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องจริง ไม่มีประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบแสดงว่ามีคำชี้ขาดดังกล่าวอีก ดังนั้น จึงจะฟังว่าต้นฉบับปิดอากรแสตมป์ไม่ครบก็ไม่เป็นเหตุที่จะยกฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องเป็นใจความว่า อนุญาโตตุลาการได้มีคำสั่งชี้ขาดแล้วดังสำเนาคำชี้ขาดพร้อมด้วยคำแปลท้ายฟ้อง จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่าคำชี้ขาดนี้ขัดต่อกฎหมายไทย เป็นการยอมรับแล้ว่ามีคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการดังสำเนาที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องจริง ไม่มีประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบแสดงว่ามีคำชี้ขาดดังกล่าวอีก ดังนั้น จึงจะฟังว่าต้นฉบับปิดอากรแสตมป์ไม่ครบก็ไม่เป็นเหตุที่จะยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการใช้เป็นพยานได้แม้ปิดอากรแสตมป์ไม่ครบ หากจำเลยยอมรับมีจริง
ปัญหาว่าคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการปิดอากรแสตมป์ไม่ครบ จึงใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ถึงแม้จำเลยมิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างในศาลชั้นต้นก็ยังยกขึ้นอ้างอิงในชั้นฎีกาได้
โจทก์บรรยายฟ้องเป็นใจความว่า อนุญาโตตุลาการได้มีคำสั่งชี้ขาดแล้วดังสำเนาคำชี้ขาดพร้อมด้วยคำแปลท้ายฟ้อง จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่าคำชี้ขาดนี้ขัดต่อกฎหมายไทย เป็นการยอมรับแล้วว่ามีคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการดังสำเนาที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องจริง ไม่มีประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบแสดงว่ามีคำชี้ขาดดังกล่าวอีก ดังนั้นถึงจะฟังว่าต้นฉบับปิดอากรแสตมป์ไม่ครบก็ไม่เป็นเหตุที่จะยกฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องเป็นใจความว่า อนุญาโตตุลาการได้มีคำสั่งชี้ขาดแล้วดังสำเนาคำชี้ขาดพร้อมด้วยคำแปลท้ายฟ้อง จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่าคำชี้ขาดนี้ขัดต่อกฎหมายไทย เป็นการยอมรับแล้วว่ามีคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการดังสำเนาที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องจริง ไม่มีประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบแสดงว่ามีคำชี้ขาดดังกล่าวอีก ดังนั้นถึงจะฟังว่าต้นฉบับปิดอากรแสตมป์ไม่ครบก็ไม่เป็นเหตุที่จะยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1047/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนของนายจ้างจากอุบัติเหตุที่ลูกจ้างได้รับบาดเจ็บ/เสียชีวิต และขอบเขตความรับผิดของจำเลย
โจทก์มิใช่ผู้ถูกทำละเมิด หากเป็นเพียงนายจ้างของผู้ถูกทำละเมิด เป็นบุคคลภายนอก ที่โจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเอากับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ต้องมีกฎหมายรับรองสิทธิของโจทก์ ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้อง (ค่ารักษาพยาบาล ค่าทำศพ ค่าทดแทน และค่าชดเชย) ของผู้ถูกทำละเมิด เป็นเงินที่โจทก์จ่ายให้ลูกจ้างตามคำสั่งของแรงงานจังหวัด ผูกพันตามกฎหมายแรงงานซึ่งเป็นคนละเรื่องกับค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์กรณีที่ต้องขาดแรงงานในมูลละเมิด
ตามฟ้องของโจทก์ได้ความแล้วว่า โจทก์เป็นนายจ้างของลูกจ้างที่ได้รับอันตรายถึงตายและบาดเจ็บเพราะการกระทำโดยประมาทของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างกระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 โจทก์ต้องขาดแรงงานระหว่างลูกจ้างบาดเจ็บต้องจ่ายเงินเดือนระหว่างลูกจ้างปฏิบัติงานไม่ได้ โรงงานต้องหยุดกิจการเพราะขาดแรงงาน ถือได้ว่าโจทก์เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 445 แล้ว จำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงต้องรับผิดในค่าสินไหมทดแทนส่วนนี้
ตามฟ้องของโจทก์ได้ความแล้วว่า โจทก์เป็นนายจ้างของลูกจ้างที่ได้รับอันตรายถึงตายและบาดเจ็บเพราะการกระทำโดยประมาทของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างกระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 โจทก์ต้องขาดแรงงานระหว่างลูกจ้างบาดเจ็บต้องจ่ายเงินเดือนระหว่างลูกจ้างปฏิบัติงานไม่ได้ โรงงานต้องหยุดกิจการเพราะขาดแรงงาน ถือได้ว่าโจทก์เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 445 แล้ว จำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงต้องรับผิดในค่าสินไหมทดแทนส่วนนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาบุคคลภายนอกขอคืนของกลาง, กรรมสิทธิ์รถยนต์โอนเมื่อทำสัญญาซื้อขาย แม้ยังไม่ได้จดทะเบียน
กรณีบุคคลภายนอกขอคืนของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา36 ไม่มีกฎหมายจำกัดสิทธิในการอุทธรณ์ฎีกา แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันมาให้ยกคำร้องของผู้ร้องผู้ร้องก็ยังฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ คดีไม่ตกอยู่ในบังคับมาตรา 220 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
การแจ้งโอนทะเบียนรถยนต์ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2473 มาตรา 13 นั้น เป็นเรื่องกฎหมายกำหนดให้มีขึ้นเพื่อประโยชน์แก่การควบคุมของเจ้าพนักงานเท่านั้นไม่ใช่แบบ ที่กำหนดไว้เพื่อความสมบูรณ์แห่งนิติกรรมซื้อขายรถยนต์ รถยนต์เป็นสังหาริมทรัพย์อย่างหนึ่งซึ่งกรรมสิทธิ์ย่อมโอนไปยังผู้ซื้อตั้งแต่ขณะเมื่อได้ทำสัญญาซื้อขายกัน
การแจ้งโอนทะเบียนรถยนต์ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2473 มาตรา 13 นั้น เป็นเรื่องกฎหมายกำหนดให้มีขึ้นเพื่อประโยชน์แก่การควบคุมของเจ้าพนักงานเท่านั้นไม่ใช่แบบ ที่กำหนดไว้เพื่อความสมบูรณ์แห่งนิติกรรมซื้อขายรถยนต์ รถยนต์เป็นสังหาริมทรัพย์อย่างหนึ่งซึ่งกรรมสิทธิ์ย่อมโอนไปยังผู้ซื้อตั้งแต่ขณะเมื่อได้ทำสัญญาซื้อขายกัน