พบผลลัพธ์ทั้งหมด 581 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2627/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบอาวุธปืนที่ได้รับอนุญาต: ศาลไม่สามารถริบได้หากลงโทษตามบทหนักของ พ.ร.บ.อาวุธปืน
จำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวจำเลยพาอาวุธปืนนั้นไปในทางสาธารณะในเมือง โดยไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ และ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 เมื่อลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แล้ว จะอาศัยบทเบาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 มาเพื่อริบอาวุธปืนของกลางไม่ได้ อาวุธปืนของกลางจำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้ได้โดยชอบ เมื่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ ที่ลงโทษจำเลยไม่ได้บัญญัติเรื่องริบไว้ ศาลก็ริบอาวุธปืนของกลางไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2627/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบอาวุธปืนที่ได้รับอนุญาต: ศาลไม่สามารถริบได้หากลงโทษตามบทหนักของ พ.ร.บ.อาวุธปืน
จำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว จำเลยพาอาวุธปืนนั้นไปในทางสาธารณะในเมือง โดยไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 เมื่อลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แล้ว จะอาศัยบทเบาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 มาเพื่อริบอาวุธปืนของกลางไม่ได้ อาวุธปืนของกลางจำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้ได้โดยชอบ เมื่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ ที่ลงโทษจำเลยไม่ได้บัญญัติเรื่องริบไว้ ศาลก็ริบอาวุธปืนของกลางไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2522/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภริยาไม่จดทะเบียนมีสิทธิเป็นผู้จัดการมรดกได้ หากมีส่วนได้เสียในทรัพย์สินที่ทำมาหากินร่วมกัน
ภริยาไม่จดทะเบียนของเจ้ามรดก แต่เป็นเจ้าของทรัพย์สินรวมกับเจ้ามรดก มีส่วนได้เสียที่จะขอตั้งผู้จัดการมรดกและเป็นผู้จัดการมรดกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2493/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตรวจศพผู้ตายในคดีอาญา: ศาลอุทธรณ์ไม่จำเป็นต้องเผชิญสืบหากมีพยานหลักฐานยืนยันบาดแผล
เมื่อการพิจารณาคดีได้เสร็จสิ้นแล้ว โดยเฉพาะการตรวจศพผู้ตายได้มีแพทย์มาเบิกความยืนยันว่า ผู้ตายมีบาดแผลตามรายงานการชันสูตรพลิกศพ ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ไม่ไปเผชิญสืบตรวจศพผู้ตายตามคำขอของจำเลย จึงไม่ผิดกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2464/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องนอกเหนือจากข้อหาเดิม เป็นการกระทำที่มิชอบ ศาลรับฟังลงโทษไม่ได้
เมื่อโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยขับรถจักรยานยนต์แซงขึ้นหน้ารถคันอื่นตรงบริเวณทางแยก ข้อเท็จจริงดังกล่าวก็เป็นข้อเท็จจริงนอกเหนือจากฟ้อง จะรับฟังลงโทษจำเลยหาได้ไม่ เพราะเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) และมาตรา 192วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2461-2462/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์, ครอบครองอาวุธปืน, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน, และการเสียชีวิตของตัวประกัน
ขณะเข้าปล้น จำเลยที่ 1 ถือปืนสั้น จำเลยที่ 2 ถือปืนยาว ต่อมาในขณะถูกจับพบปืนลูกซองสั้นข้างตัวจำเลยที่ 1 ค้นตัวพบกระสุนปืนลูกซอง 2 นัด ส่วนจำเลยที่ 2 มีปืนลูกซองยาวอยู่ที่หว่างขา ค้นตัวพบกระสุนปืนลูกซอง 2นัด แม้ปืนลูกซองยาวจะเป็นปืนของเจ้าทรัพย์และมีทะเบียน แต่จำเลยที่ 2 นำมาไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตเช่นนี้ก็เป็นความผิด จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ
จำเลยทั้งสองร่วมทำการปล้นทรัพย์ แล้วบังคับเอาตัวเจ้าทรัพย์และบุตรไปเป็นตัวประกัน แม้ที่เกิดเหตุปล้นทรัพย์จะอยู่ในเขตหมู่ 4 แต่ตำรวจติดตามพบคนร้ายในคืนนั้นเอง ในเขตหมู่ 9 เกิดยิงต่อสู้กัน เป็นเหตุให้บุตรผู้เสียหายถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตาย ก็ต้องถือว่าขณะนั้นการปล้นทรัพย์ยังไม่ขาดตอน เพราะยังอยู่ในระหว่างที่ถูกคนร้ายขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายและบุตร และเพื่อให้ความสะดวกแก่การพาทรัพย์ที่ถูกปล้นไป ทั้งเพื่อให้คนร้ายพ้นจากการจับกุม แม้ไม่ได้ความชัดว่าบุตรผู้เสียหายถึงแก่ความตายเพราะกระสุนปืนของฝ่ายจำเลยหรือฝ่ายตำรวจ ก็ต้องถือว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกระทำการปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยยิงไปโดยไม่เห็นตัวตำรวจ เพียงแต่รู้ว่าตำรวจยิงมาเท่านั้นเป็นการยิงสุ่มๆ ไปเพื่อขัดขวางมิให้ตำรวจเข้าจับกุม จึงมีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ไม่มีผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน
จำเลยทั้งสองร่วมทำการปล้นทรัพย์ แล้วบังคับเอาตัวเจ้าทรัพย์และบุตรไปเป็นตัวประกัน แม้ที่เกิดเหตุปล้นทรัพย์จะอยู่ในเขตหมู่ 4 แต่ตำรวจติดตามพบคนร้ายในคืนนั้นเอง ในเขตหมู่ 9 เกิดยิงต่อสู้กัน เป็นเหตุให้บุตรผู้เสียหายถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตาย ก็ต้องถือว่าขณะนั้นการปล้นทรัพย์ยังไม่ขาดตอน เพราะยังอยู่ในระหว่างที่ถูกคนร้ายขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายและบุตร และเพื่อให้ความสะดวกแก่การพาทรัพย์ที่ถูกปล้นไป ทั้งเพื่อให้คนร้ายพ้นจากการจับกุม แม้ไม่ได้ความชัดว่าบุตรผู้เสียหายถึงแก่ความตายเพราะกระสุนปืนของฝ่ายจำเลยหรือฝ่ายตำรวจ ก็ต้องถือว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกระทำการปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยยิงไปโดยไม่เห็นตัวตำรวจ เพียงแต่รู้ว่าตำรวจยิงมาเท่านั้นเป็นการยิงสุ่มๆ ไปเพื่อขัดขวางมิให้ตำรวจเข้าจับกุม จึงมีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ไม่มีผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2461-2462/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ขณะเข้าปล้น จำเลยที่ 1 ถือปืนสั้น จำเลยที่ 2 ถือปืนยาว ต่อมาในขณะถูกจับพบปืนลูกซองสั้นข้างตัวจำเลยที่ 1 ค้นตัวพบกระสุนปืนลูกซอง 2 นัด ส่วนจำเลยที่ 2 มีปืนลูกซองยาวอยู่หว่างขา ค้นตัวพบกระสุนปืนลูกซอง 2 นัด แม้ปืนลูกซองยาวจะเป็นปืนของเจ้าทรัพย์และมีทะเบียน แต่จำเลยที่ 2 นำมาไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตเช่นนี้ก็เป็นความผิด จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ
จำเลยทั้งสองร่วมทำการปล้นทรัพย์ แล้วบังคับเอาตัวเจ้าทรัพย์และบุตรไปเป็นตัวประกัน แม้ที่เกิดเหตุปล้นทรัพย์จะอยู่ในเขตหมู่ 4 แต่ตำรวจติดมาพบคนร้ายในคืนนั้นเอง ในเขตหมู่ 9 เกิดยิงต่อสู้กัน เป็นเหตุให้บุตรผู้เสียหายถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตาย ก็ต้องถือว่าขณะนั้นการปล้นทรัพย์ยังไม่ขาดตอน เพราะยังอยู่ในระหว่างที่ถูกคนร้ายขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายและบุตร และเพื่อให้ความสะดวกแก่การพาทรัพย์ที่ถูกปล้นไป ทั้งเพื่อให้คนร้ายพ้นจากการจับกุม แม้ไม่ได้ความชัดว่าบุตรผู้เสียหายถึงแก่ความตายเพราะกระสุนปืนของฝ่ายจำเลยหรือฝ่ายตำรวจ ก็ต้องถือว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกระทำการปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยยังไปโดยไม่เห็นตัวตำรวจ เที่ยวแต่รู้ว่าตำรวจยังมาเท่านั้นเป็นการยังสุ่มๆ ไปเพื่อขัดขวางมิให้ตำรวจเข้าจับกุม จึงมีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่มีผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน
จำเลยทั้งสองร่วมทำการปล้นทรัพย์ แล้วบังคับเอาตัวเจ้าทรัพย์และบุตรไปเป็นตัวประกัน แม้ที่เกิดเหตุปล้นทรัพย์จะอยู่ในเขตหมู่ 4 แต่ตำรวจติดมาพบคนร้ายในคืนนั้นเอง ในเขตหมู่ 9 เกิดยิงต่อสู้กัน เป็นเหตุให้บุตรผู้เสียหายถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตาย ก็ต้องถือว่าขณะนั้นการปล้นทรัพย์ยังไม่ขาดตอน เพราะยังอยู่ในระหว่างที่ถูกคนร้ายขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายและบุตร และเพื่อให้ความสะดวกแก่การพาทรัพย์ที่ถูกปล้นไป ทั้งเพื่อให้คนร้ายพ้นจากการจับกุม แม้ไม่ได้ความชัดว่าบุตรผู้เสียหายถึงแก่ความตายเพราะกระสุนปืนของฝ่ายจำเลยหรือฝ่ายตำรวจ ก็ต้องถือว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกระทำการปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยยังไปโดยไม่เห็นตัวตำรวจ เที่ยวแต่รู้ว่าตำรวจยังมาเท่านั้นเป็นการยังสุ่มๆ ไปเพื่อขัดขวางมิให้ตำรวจเข้าจับกุม จึงมีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่มีผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2450/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานประกอบการลงโทษอาญา: คำบอกเล่าผู้ตาย, คำรับสารภาพ, พยานบุคคลที่ไม่อาจเบิกความต่อศาล
คำบอกเล่าของผู้ตายซึ่งรู้ตัวว่าตนจะถึงแก่ความตาย ระบุตัวผู้ที่ทำร้ายตนคำของผู้ตายเช่นนี้จึงมีน้ำหนักรับฟังได้
คำให้การชั้นสอบสวนของพยานโจทก์โดยลำพังไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยได้เท่านั้น แต่ยังใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบพยานหลักฐานอื่นได้
แม้โจทก์ไม่สามารถนำประจักษ์พยานซึ่งรู้เห็นขณะจำเลยแทงทำร้ายผู้ตายมาเบิกความต่อศาลได้ เพราะพยานย้ายไปเสียจากภูมิลำเนาสืบหาที่อยู่ไม่พบก็ตาม แต่ศาลก็รับฟังคำให้การในชั้นสอบสวนของประจักษ์พยานโจทก์ดังกล่าวประกอบคำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลย และคำของผู้ตายซึ่งรู้ตัวว่าใกล้จะตายและระบุว่าจำเลยเป็นผู้แทงทำร้ายผู้ตาย ลงโทษจำเลยได้
คำให้การชั้นสอบสวนของพยานโจทก์โดยลำพังไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยได้เท่านั้น แต่ยังใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบพยานหลักฐานอื่นได้
แม้โจทก์ไม่สามารถนำประจักษ์พยานซึ่งรู้เห็นขณะจำเลยแทงทำร้ายผู้ตายมาเบิกความต่อศาลได้ เพราะพยานย้ายไปเสียจากภูมิลำเนาสืบหาที่อยู่ไม่พบก็ตาม แต่ศาลก็รับฟังคำให้การในชั้นสอบสวนของประจักษ์พยานโจทก์ดังกล่าวประกอบคำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลย และคำของผู้ตายซึ่งรู้ตัวว่าใกล้จะตายและระบุว่าจำเลยเป็นผู้แทงทำร้ายผู้ตาย ลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2414/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลให้หยุดกิจการโรงงาน ไม่ถือเป็นคำสั่งห้ามตาม ม.196 หากความผิดไม่ได้เกิดจากอาชีพหรือวิชาชีพ
คดีก่อนศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานตั้งโรงงานและประกอบกิจการโรงงานโดยไม่รับอนุญาต ซึ่งความผิดในคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะจำเลยมิได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานและประกอบกิจการ ไม่เกี่ยวกับอาชีพหรือวิชาชีพที่จำเลยประกอบอยู่ คำสั่งศาลในคดีก่อนที่สั่งให้จำเลยหยุดประกอบกิจการโรงงานจนกว่าจะได้รับอนุญาตนั้น หาใช่คำสั่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 50 ไม่ เมื่อปรากฏต่อมาว่าจำเลยได้ประกอบกิจการโรงงานของจำเลยอีก ดังนี้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งห้ามของศาลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 196
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2375/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฉ้อโกงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องฟังจากพยานหลักฐาน การซื้อขายข้าวสารและการชำระหนี้ด้วยเช็ค
จำเลยจะมีเจตนาเพื่อฉ้อโกงผู้เสียหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่จะต้องฟังจากพยานหลักฐานในสำนวน ฎีกาโจทก์จึงต้องห้าม
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกง และความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เมื่อศาลวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดฐานฉ้อโกง ซึ่งมีความหมายว่าจำเลยได้รับโอนกรรมสิทธิ์ในข้างสารทั้งหมดไปจากผู้เสียหาย-โดยการซื้อขายตามปกติ เพียงแต่เช็คที่ออกให้เป็นการชำระราคาข้างสารนั้น จำเลยออกให้โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และออกให้ใช้เงินจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ ดังนี้ หนี้ค่าข้าวสารซึ่งผู้เสียหายได้ส่งมอบให้แก่จำเลย-ยังไม่ระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคสาม ผู้เสียหายชอบที่จะฟ้องเรียกให้จำเลยชำระหนี้เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก ศาลจะสั่งให้คืนข้างสารของกลางแก่ผู้เสียหาย และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาข้าวสารซึ่งไม่ได้ถูกยึดมาเป็นของกลางไปในคดีนี้หาได้ไม่
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกง และความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เมื่อศาลวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดฐานฉ้อโกง ซึ่งมีความหมายว่าจำเลยได้รับโอนกรรมสิทธิ์ในข้างสารทั้งหมดไปจากผู้เสียหาย-โดยการซื้อขายตามปกติ เพียงแต่เช็คที่ออกให้เป็นการชำระราคาข้างสารนั้น จำเลยออกให้โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และออกให้ใช้เงินจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ ดังนี้ หนี้ค่าข้าวสารซึ่งผู้เสียหายได้ส่งมอบให้แก่จำเลย-ยังไม่ระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคสาม ผู้เสียหายชอบที่จะฟ้องเรียกให้จำเลยชำระหนี้เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก ศาลจะสั่งให้คืนข้างสารของกลางแก่ผู้เสียหาย และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาข้าวสารซึ่งไม่ได้ถูกยึดมาเป็นของกลางไปในคดีนี้หาได้ไม่