พบผลลัพธ์ทั้งหมด 61 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1835/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งสำเนาคำอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาคดี ทำให้การพิจารณาพิพากษาของศาลอุทธรณ์ไม่ชอบ
พนักงานเดินหมายนำสำเนาอุทธรณ์ของโจทก์ไปส่งให้แก่จำเลย 2 ครั้ง ณ ภูมิลำเนาตามฟ้อง แต่ไม่พบจำเลย พบแต่ประตูบ้านปิดใส่กุญแจ และสอบถามผู้ที่อยู่บ้านข้างเคียง ไม่มีใครทราบว่าจำเลยไปไหน ครั้นนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พนักงานเดินหมายนำหมายนัดไปส่งให้แก่จำเลย ณ ภูมิลำเนาเดิมโดยในครั้งที่สองได้ปิดหมายไว้ จำเลยไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามกำหนดนัด เช่นนี้ แสดงว่าการที่พนักงานเดินหมายไม่พบจำเลยอาจเป็นเพราะจำเลยไม่อยู่บ้านหรือออกไปทำงานในตอนเช้าและกลับบ้านในตอนเย็นดังจำเลยกล่าวอ้างก็ได้ ถือไม่ได้ว่าการส่งสำเนาอุทธรณ์ของโจทก์ให้แก่จำเลยไม่ได้นั้นเป็นเพราะหาตัวจำเลยไม่พบ หรือหลบหนีหรือจงใจไม่รับสำเนาอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 201 การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 200
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1835/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งสำเนาอุทธรณ์โดยชอบด้วยกฎหมาย การพิจารณาคดีโดยไม่ส่งสำเนาอุทธรณ์เป็นเหตุให้คำพิพากษาไม่ชอบ
พนักงานเดินหมายนำสำเนาอุทธรณ์ของโจทก์ไปส่งให้แก่จำเลย 2 ครั้ง ณ ภูมิลำเนาตามฟ้อง แต่ไม่พบจำเลย พบแต่ประตูบ้านปิดใส่กุญแจ และสอบถามผู้ที่อยู่บ้านข้างเคียง ไม่มีใครทราบว่าจำเลยไปไหน ครั้นนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พนักงานเดินหมายนำหมายนัดไปส่งให้แก่จำเลย ณ ภูมิลำเนาเดิมโดยในครั้งที่สองได้ปิดหมายไว้ จำเลยไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามกำหนดนัด เช่นนี้ แสดงว่าการที่พนักงานเดินหมายไม่พบจำเลยอาจเป็นเพราะจำเลยไม่อยู่บ้านหรือออกไปทำงานในตอนเช้าและกลับบ้านในตอนเย็นดังจำเลยกล่าวอ้างก็ได้ ถือไม่ได้ว่าการส่งสำเนาอุทธรณ์ของโจทก์ให้แก่จำเลยไม่ได้นั้นเป็นเพราะหาตัวจำเลยไม่พบ หรือหลบหนีหรือจงใจไม่รับสำเนาอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 201 การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 200.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3993/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งสำเนาอุทธรณ์ไม่ถูกต้อง การพิจารณาคดีโดยจำเลยไม่ทราบเป็นเหตุให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้เพราะหมายนัดระบุที่อยู่ของจำเลยโดยไม่ได้ระบุว่าอยู่ถนนใด เจ้าหน้าที่ผู้ส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์จึงรายงานการส่งหมายว่าหมายนัดระบุที่อยู่ของจำเลยไม่ชัดเจนและออกติดตามหาจำเลยแล้วไม่มีผู้ใดรู้จักในชั้นส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หมายนัดก็ระบุแต่ชื่อและที่อยู่ของจำเลยโดยไม่ได้ระบุว่าอยู่ถนนใดเช่นกัน แต่ก็ปรากฏว่าเจ้าพนักงานศาลส่งหมายนัดให้จำเลยได้โดยจำเลยรับไว้เอง เช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่าการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้นั้นเป็นเพราะหาตัวจำเลยไม่พบหรือจำเลยหลบหนีหรือจงใจไม่รับสำเนาอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 201 การที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาคดีไปโดยมิได้ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยเพื่อแก้นั้นจึงเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 200
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3993/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งสำเนาอุทธรณ์ที่ไม่ถูกต้องตามที่อยู่ ทำให้การพิจารณาคดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้เพราะหมายนัดระบุที่อยู่ของจำเลยโดยไม่ได้ระบุว่าอยู่ถนนใดเจ้าหน้าที่ผู้ส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์จึงรายงานการส่งหมายว่าหมายนัดระบุที่อยู่ของจำเลยไม่ชัดเจนและออกติดตามหาจำเลยแล้วไม่มีผู้ใดรู้จักในชั้นส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หมายนัดก็ระบุแต่ชื่อและที่อยู่ของจำเลยโดยไม่ได้ระบุว่าอยู่ถนนใดเช่นกันแต่ก็ปรากฏว่าเจ้าพนักงานศาลส่งหมายนัดให้จำเลยได้โดยจำเลยรับไว้เองเช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่าการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้นั้นเป็นเพราะหาตัวจำเลยไม่พบหรือจำเลยหลบหนีหรือจงใจไม่รับสำเนาอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา201การที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาคดีไปโดยมิได้ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยเพื่อแก้นั้นจึงเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา200.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1649/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความถูกต้องของคำฟ้องอาญาและการพิพากษาลงโทษตามบทต่างๆ
โจทก์ฟ้องด้วยวาจาขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358,360 เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชอบที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 358 ได้ ส่วนกรณีตามมาตรา 360 ไม่ต้องด้วยพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ.2520 มาตรา 3 ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ชอบที่ศาลจะพิพากษายกฟ้องในส่วนนี้เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 161
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1649/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาและการพิพากษาคดีทำให้เสียทรัพย์ที่เกี่ยวกับทรัพย์สาธารณะ
โจทก์ฟ้องด้วยวาจาขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358, 360 เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชอบที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 358 ได้ ส่วนกรณีตามมาตรา 360 ไม่ต้องด้วยพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ.2520 มาตรา 7 ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ชอบที่ศาลจะพิพากษายกฟ้องในส่วนนี้เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 161
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1860/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีอาญาหยุดการพิจารณาเมื่อจำเลยเสียชีวิตระหว่างดำเนินคดี โจทก์ไม่จำเป็นต้องขอถอนฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 โจทก์ฎีกา ในระหว่างที่ศาลชั้นต้นส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยที่ 2 ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรม ศาลชั้นต้นส่งสำนวนให้ศาลฎีกาพิจารณาดังนี้ คดีสำหรับจำเลยที่ 2 ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (1) โดยโจทก์ไม่จำต้องขอถอนฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1860/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีอาญาหยุดระงับเมื่อจำเลยถึงแก่กรรม โจทก์ไม่ต้องถอนฎีกา ศาลจำหน่ายคดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 โจทก์ฎีกา ในระหว่างที่ศาลชั้นต้นส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยที่ 2 ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรม ศาลชั้นต้นส่งสำนวนให้ศาลฎีกาพิจารณา ดังนี้ คดีสำหรับจำเลยที่ 2 ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(1) โดยโจทก์ไม่จำต้องขอถอนฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจาก สารบบความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1003/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินคดีอาญาแม้โจทก์ถึงแก่กรรม: ศาลฎีกาสามารถพิจารณาพิพากษาต่อไปได้
ราษฎรเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญา ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลย จำเลยฎีกาส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ไม่ได้เพราะโจทก์ถึงแก่กรรมไปแล้ว ดังนี้ ศาลฎีกาพิจารณาพิพากษาคดีต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1003/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินคดีอาญาแม้โจทก์ถึงแก่กรรม: ศาลฎีกาสามารถพิจารณาพิพากษาต่อไปได้
ราษฎรเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญา ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลย จำเลยฎีกาส่งสำนวนฎีกาให้โจทก์ไม่ได้เพราะโจทก์ถึงแก่กรรมไปแล้ว ดังนี้ ศาลฎีกาพิจารณาพิพากษาคดีต่อไปได้