คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พลรัตน์ ประทุมทาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 321 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5401/2553 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลักษณะบ่งเฉพาะของเครื่องหมายการค้าโดยการใช้ แม้ผู้ใช้ไม่ใช่เจ้าของสิทธิ
พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 7 วรรคสาม ระบุเพียงว่า ชื่อ คำ หรือข้อความที่ไม่มีลักษณะบ่งเฉพาะตาม (1) หรือ (2) หากได้มีการจำหน่ายเผยแพร่ หรือโฆษณาสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้านั้นจนแพร่หลายแล้วตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด และพิสูจน์ได้ว่าได้ปฏิบัติถูกต้องตามหลักเกณฑ์นั้นแล้ว ก็ให้ถือว่ามีลักษณะบ่งเฉพาะ เมื่อเครื่องหมายการค้าของโจทก์มีการจำหน่าย เผยแพร่ และโฆษณามาตั้งแต่ปี 2543 แสดงว่าสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของโจทก์มีการจำหน่าย เผยแพร่ หรือโฆษณาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานพอที่จะทำให้สาธารณชนที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยรู้จักและเข้าใจว่าสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวแตกต่างจากสินค้าอื่น เครื่องหมายการค้าของโจทก์มีลักษณะบ่งเฉพาะโดยการใช้ ตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 7 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5401/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า: การพิจารณาความแพร่หลายของการใช้เครื่องหมายการค้าโดยไม่จำกัดตัวผู้ใช้
แม้ฝ่ายจำเลยโต้แย้งว่า หลักฐานการใช้เครื่องหมายการค้าไม่ใช่การใช้เครื่องหมายการค้ากับสินค้าโดยโจทก์ แต่เป็นการใช้โดยบุคคลอื่น แต่ พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 7 วรรคสาม ระบุเพียงว่า ชื่อ คำ หรือข้อความที่ไม่มีลักษณะบ่งเฉพาะตามมาตรา 7 วรรคสอง (1) หรือ (2) หากได้มีการจำหน่าย เผยแพร่ หรือโฆษณาสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้านั้นจนแพร่หลายแล้วตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ก็ให้ถือว่ามีลักษณะบ่งเฉพาะ ซึ่งในการพิจารณาความแพร่หลายนี้ กฎหมายไม่ได้ระบุถึงบุคคลที่ใช้เครื่องหมายดังกล่าว ทั้งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง หลักเกณฑ์การพิสูจน์ลักษณะบ่งเฉพาะตามมาตรา 7 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ก็ไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับคุณสมบัติของบุคคลที่ใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวไว้ เมื่อสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของโจทก์มีการจำหน่าย เผยแพร่ หรือโฆษณาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานพอที่จะทำให้สาธารณชนที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยรู้จักและเข้าใจว่าสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวแตกต่างจากสินค้าอื่น จึงรับฟังได้ว่าเครื่องหมายการค้าของโจทก์มีลักษณะบ่งเฉพาะโดยการใช้ ตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 7 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5400/2553 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า: 'DR PEPPER' ไม่ใช่คำสามัญ แม้ 'DR' จะเชื่อมโยงกับ 'DOCTOR'
คำย่อของคำว่า "DOCTOR" ตามที่ปรากฏในพจนานุกรมคือ "Dr" โดยใช้อักษรตัวพิมพ์ใหญ่กับตัวพิมพ์เล็ก ไม่ใช่ "DR" ตามที่ปรากฏในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ จึงไม่ใช่คำย่อของคำว่า "DOCTOR" เครื่องหมายการค้าของโจทก์จึงอาจเรียกขานได้ว่า "ดี-อา-เปป-เปอร์" นอกจากนั้นอักษรโรมัน "DR" ในเครื่องหมายการค้าของโจทก์แม้จะพิจารณาว่าเป็นคำที่มาจากคำย่อของคำว่า "DOCTOR" ซึ่งเป็นคำทั่วไปที่มีความหมายในพจนานุกรมแปลว่า "แพทย์ หมอดุษฎีบัณฑิต" แต่ไม่ใช่ชื่อเรียกสามัญของสินค้าตามที่โจทก์ขอจดทะเบียน ทั้งความหมายของอักษรโรมันดังกล่าวไม่ได้เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าจำพวก น้ำดื่ม น้ำอัดลมหรือน้ำหวานที่โจทก์ขอจดทะเบียนใช้เครื่องหมายการค้าโดยตรง จึงไม่ใช่เครื่องหมายที่ไม่อาจจดทะเบียนได้ และมีลักษณะบ่งเฉพาะโดยโจทก์ไม่ต้องปฏิเสธไม่ขอถือเป็นสิทธิของตนแต่ผู้เดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5400/2553 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า: 'DR' ไม่ใช่คำย่อทั่วไปและไม่ใช่คำสามัญที่จดทะเบียนไม่ได้
คดีนี้คำย่อของคำว่า "DOCTOR" ตามที่ปรากฏในพจนานุกรมคือ "DR" โดยใช้อักษรตัวพิมพ์ใหญ่กับตัวพิมพ์เล็ก ไม่ใช่ "DR" ตามที่ปรากฏในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ จึงไม่ใช่คำย่อของคำว่า "DOCTOR" ตามหลักเกณฑ์ในพจนานุกรมตามที่จำเลยกล่าวอ้าง เครื่องหมายการค้าของโจทก์จึงอาจเรียกขานได้ว่า "ดี-อา-เปป-เปอร์" นอกจากนั้น คำสามัญ (Generic word) ที่ไม่อาจรับจดทะเบียนได้นั้นหมายถึง คำที่เป็นชื่อเรียกสามัญของสินค้านั้นๆ เช่น คำว่า "เก้าอี้" สำหรับสินค้าเก้าอี้ เป็นต้น และไม่มีบุคคลใดสามารถหวงกันคำสามัญเช่นนั้นไว้ใช้กับสินค้าดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว สำหรับอักษรโรมัน "DR" ในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ แม้จะพิจารณาว่าเป็นคำที่มาจากคำย่อของคำว่า "DOCTOR" ซึ่งเป็นคำทั่วไปที่มีความหมายในพจนานุกรมแปลว่า "แพทย์ หมอ ดุษฎีบัณฑิต" แต่คำดังกล่าวไม่ใช่ชื่อเรียกสามัญของสินค้าตามที่โจทก์ขอจดทะเบียน ทั้งความหมายของอักษรโรมันดังกล่าวไม่ได้เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าจำพวก น้ำดื่ม น้ำอัดลมหรือน้ำหวาน ที่โจทก์ขอจดทะเบียนใช้เครื่องหมายการค้าโดยตรง เมื่อเป็นเช่นนี้อักษรโรมัน "DR" จึงไม่ใช่เครื่องหมายที่ไม่อาจจดทะเบียนได้และมีลักษณะบ่งเฉพาะโดยโจทก์ไม่ต้องปฏิเสธไม่ขอถือเป็นสิทธิของตนแต่ผู้เดียวแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5400/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า: 'DR PEPPER' ไม่ขัดต่อกฎหมาย แม้ 'DR' เป็นคำย่อทั่วไป
โจทก์ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าอักษรโรมัน คำว่า "DR PEPPER" ซึ่งอาจเรียกขานได้ว่า "ดี - อา - เปป - เปอร์" เพื่อใช้กับสินค้าจำพวก 32 รายการสินค้าน้ำดื่ม น้ำอัดลมและน้ำหวาน เป็นต้น เมื่อตามพจนานุกรม "DOCTOR" มีคำแปลว่า "แพทย์ หมอ ดุษฎีบัณฑิต" มีตัวย่อคือ "Dr" โดยใช้อักษรตัวพิมพ์ใหญ่กับตัวพิมพ์เล็ก ไม่ใช่ "DR" ตามที่ปรากฏในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ ทั้ง "DR" เป็นคำสามัญทั่วไป ไม่ใช่ชื่อเรียกสามัญของสินค้าจำพวกน้ำดื่ม น้ำอัดลมหรือน้ำหวานที่โจทก์ขอจดทะเบียน ความหมายของอักษรโรมันดังกล่าวจึงไม่ได้เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าที่โจทก์ขอจดทะเบียน ดังนั้น อักษรโรมัน "DR" จึงไม่ใช่เครื่องหมายการค้าที่ไม่อาจจดทะเบียนได้และมีลักษณะบ่งเฉพาะ โดยโจทก์ไม่ต้องปฏิเสธไม่ขอถือเป็นสิทธิของตนแต่ผู้เดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5397/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งสินค้าทางอากาศ: การพิสูจน์ความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
โจทก์บรรยายฟ้องอ้างว่า จำเลยทั้งสองกระทำการโดยทุจริตหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุให้สินค้าที่โจทก์รับประกันภัยไว้สูญหายไปบางส่วนระหว่างการขนส่งสินค้า จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ โจทก์จึงมีภาระการพิสูจน์ เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาสืบเพื่อสนับสนุนข้ออ้างของตน ข้อเท็จจริงย่อมรับฟังไม่ได้ว่าสินค้าพิพาทสูญหายจากการกระทำโดยทุจริตหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองสามารถยกข้อตกลงจำกัดความรับผิดด้านหลังใบรับขนของทางอากาศขึ้นอ้างเป็นประโยชน์แก่ตนได้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่าข้อตกลงดังกล่าวตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 373 นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5337/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของผู้ขนส่งสินค้าทางทะเลภายใต้เงื่อนไข CFS/CY: ความรับผิดสิ้นสุดเมื่อส่งสินค้าเข้าโรงพัก
จำเลยที่ 1 ผู้ขนส่งรับขนส่งสินค้าพิพาทในเงื่อนไขการขนส่งแบบ CFS/CFS ส่วนจำเลยที่ 3 ผู้ขนส่งอื่นรับการว่าจ้างหรือมอบหมายให้ขนส่งสินค้าพิพาททางทะเลในเงื่อนไขการขนส่งแบบ CY/CFS ซึ่งเงื่อนไขการขนส่งแบบ CFS เมื่อตู้คอนเทนเนอร์บรรจุสินค้ามาถึงท่าเรือปลายทาง ผู้ขนส่งมีหน้าที่ขนย้ายแพลเล็ตสินค้าออกจากตู้คอนเทนเนอร์นำเข้าเก็บไว้ในโรงพักสินค้าของการท่าเรือแห่งประไทย หน้าที่ของผู้ขนส่งจะสิ้นสุดลงเมื่อผู้ขนส่งนำสินค้าเข้าเก็บในโรงพักสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทยแล้ว เมื่อสินค้าพิพาทสูญหายไปหลังจากจำเลยที่ 3 ขนถ่ายออกจากตู้คอนเทนเนอร์ไปเก็บไว้ในโรงพักสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทยแล้ว สินค้าพิพาทที่สูญหายจึงไม่อยู่ในระหว่างความดูแลรับผิดชอบของผู้ขนส่ง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในความสูญหายของสินค้าดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5337/2553 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ขนส่งสิ้นสุดเมื่อส่งสินค้าเข้าโรงพักสินค้า การสูญหายภายหลังเป็นความรับผิดของการท่าเรือ
พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเลฯ มาตรา 39 บัญญัติ "...ผู้ขนส่งต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันเป็นผลจากการที่ของซึ่งได้รับมอบจากผู้ส่งของสูญหาย... ถ้าเหตุแห่งการสูญหายนั้นได้เกิดขึ้นในระหว่างที่ของดังกล่าวอยู่ในความดูแลของตนเพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ให้ถือว่าของอยู่ในความดูแลของผู้ขนส่งนับตั้งแต่เวลาที่ผู้ขนส่งได้รับของนั้นไว้จากผู้ส่งของหรือตัวแทนของผู้ส่งของ... จนถึงเวลาที่ผู้ขนส่งส่งมอบของนั้น ณ ท่าปลายทางหรือที่หมายปลายทางตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 40" และมาตรา 40 บัญญัติว่า "ในกรณีดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าผู้ขนส่งได้ส่งมอบของซึ่งตนได้รับไว้แล้ว... (3) ผู้ขนส่งได้มอบของไว้กับเจ้าหน้าที่หรือบุคคลใดๆ ซึ่งกฎหมายหรือข้อบังคับที่ใช้อยู่ ณ ท่าปลายทางกำหนดให้ผู้ขนส่งต้องมอบของไว้กับเจ้าหน้าที่หรือบุคคลใดๆ ซึ่งกฎหมายหรือกฎข้อบังคับที่ใช้อยู่ ณ ท่าปลายทางกำหนดให้ผู้ขนส่งต้องมอบของที่ขนถ่ายขึ้นจากเรือไว้กับเจ้าหน้าที่หรือบุคคลดังกล่าว" ซึ่งตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวสินค้าอยู่ในความดูแลของผู้ขนส่งนับตั้งแต่ผู้ขนส่งได้รับมอบสินค้าจนถึงเวลาส่งมอบไว้กับเจ้าหน้าที่ ณ ท่าเรือปลายทาง หากสินค้าสูญหายในระหว่างเวลาดังกล่าวผู้ขนส่งก็ต้องรับผิดเพื่อความสูญหายของสินค้านั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยที่ 1 ผู้ขนส่งรับขนส่งสินค้าพิพาทในเงื่อนไขการส่งแบบ CFS/CFS ตามสำเนาใบตราส่งเอกสารหมาย จ.7 ต่อมาจำเลยที่ 3 ผู้ขนส่งอื่นได้รับการว่าจ้างหรือมอบหมายให้ขนส่งสินค้าพิพาททางทะเลในเงื่อนไขการขนส่ง CY/CFS ซึ่งการขนส่งในเงื่อนไขการขนส่งแบบ CFSปลายทางตามสำเนาใบตราส่งเอกสารหมาย จ.7 และ ล.5 เมื่อตู้คอนเทนเนอร์บรรจุสินค้ามาถึงท่าเรือปลายทาง ผู้ขนส่งมีหน้าที่ขนย้ายแพลเล็ตสินค้าออกจากตู้คอนเทนเนอร์นำเข้าเก็บไว้ในโรงพักสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทย หน้าที่ของผู้ขนส่งจะสิ้นสุดลงเมื่อผู้ขนส่งนำสินค้าเข้าเก็บในโรงพักสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทยแล้ว ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าขณะเปิดตู้คอนเทนเนอร์นำสินค้าพิพาทเข้าเก็บในโรงพักสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทย หีบห่อของสินค้าพิพาทไม่มีความเสียหายชำรุดฉีกขาด เมื่อสิ่งห่อหุ้มหีบห่อของสินค้าพิพาทฉีกขาดเพิ่งมาพบเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2547 ตามรายการสำรวจสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (survey note) เอกสารหมาย จ.8 และสินค้าพิพาทได้สูญหายไปบางส่วน ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าสินค้าพิพาทสูญหายไปหลังจากจำเลยที่ 3 ขนถ่ายออกจากตู้คอนเทนเนอร์ไปเก็บไว้ในโรงพักสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทยแล้วสินค้าพิพาทที่สูญหายจึงไม่อยู่ในระหว่างความดูแลรับผิดชอบของผู้ขนส่ง จำเลยทั้งสามจึงไม่ต้องรับผิดในความสูญหายของสินค้าดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4674/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกเว้นความรับผิดของผู้ขนส่งสินค้าทางอากาศกรณีสินค้าสูญหายจากการทุจริตของลูกจ้าง
พฤติการณ์แห่งคดีมีน้ำหนักน่าเชื่อว่า สินค้าสูญหายไปเพราะจำเลยทั้งสองปล่อยให้ลูกจ้าง ตัวแทนหรือผู้ที่เกี่ยวข้องทุจริตลักขโมยสินค้าไป ดังนั้น แม้จำเลยทั้งสองจะมีข้อตกลงยกเว้นและจำกัดความรับผิดในความสูญหายของสินค้าจากการขนส่งทางอากาศ ก็ไม่อาจนำข้อตกลงยกเว้นและจำกัดความรับผิดในการขนส่งทางอากาศดังกล่าวมาใช้บังคับได้ มิฉะนั้นจะเป็นการขัดต่อ ป.พ.พ. มาตรา 373 ที่ว่า "ความตกลงทำไว้ล่วงหน้าเป็นข้อความยกเว้นมิให้ลูกหนี้ต้องรับผิดเพื่อกลฉ้อฉลหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของตนนั้น ท่านว่าเป็นโมฆะ" สำหรับจำนวนค่าสินไหมทดแทนนั้น เมื่อโจทก์ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยไป ดังนั้น โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวนดังกล่าวตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4673/2553 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ขนส่งสินค้ากรณีสินค้าสูญหายจากการส่งมอบผิดพลาด การจำกัดความรับผิดไม่อาจใช้ได้หากเป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
คดีนี้จำเลยทั้งสองไม่ได้แสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้กระทำการตามข้ออ้างของโจทก์แต่อย่างใด เพียงแต่ให้การว่าจำเลยทั้งสองจำกัดความรับผิดไว้ในใบรับขนทางอากาศไม่เกิน 500 ดอลลาร์สหรัฐ กรณีจึงถือว่าจำเลยทั้งสองยอมรับข้อเท็จจริงตามข้ออ้างของโจทก์ว่าผู้รับตราส่งไม่ได้รับสินค้าพิพาทเนื่องจากลูกจ้างของจำเลยทั้งสองที่ปลายทางนำสินค้าไปส่งมอบให้แก่ผู้อื่นที่มิใช่ผู้รับตราส่ง และไม่ตรงตามสถานที่ส่งมอบที่ระบุไว้ในใบรับขนทางอากาศ ที่จำเลยทั้งสองนำสืบต่อสู้ว่าผู้ส่งระบุที่อยู่ของผู้รับตราส่งผิดไปเป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 นำสินค้าไปส่งผิดสถานที่ ก็เป็นการนำสืบนอกคำให้การนอกประเด็น แม้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจะวินิจฉัยให้ก็เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา จึงต้องห้ามมิให้รับฟัง เมื่อคดีรับฟังได้ดังกล่าวถือได้ว่าผู้รับตราส่งไม่ได้รับสินค้าพิพาท อันเนื่องมาจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยทั้งสองและลูกจ้างซึ่งตาม ป.พ.พ. มาตรา 373 บัญญัติว่า "ความตกลงทำไว้ล่วงหน้าเป็นข้อความยกเว้นมิให้ลูกหนี้ต้องรับผิดเพื่อกลฉ้อฉลหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของตนนั้น ท่านว่าเป็นโมฆะ" ดังนั้น แม้จำเลยจะมีเงื่อนไขจำกัดความผิดในความสูญหายของสินค้าไว้ที่ด้านหลังใบรับขนทางอากาศก็ไม่อาจนำเงื่อนไขความรับผิดในการขนส่งทางอากาศดังกล่าวมาใช้บังคับแก่การกระทำละเมิดต่อผู้ส่งสินค้าได้
of 33