พบผลลัพธ์ทั้งหมด 88 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 242/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อเติมอาคารขัดข้อบัญญัติควบคุมอาคาร ศาลยืนตามคำสั่งรื้อถอน
ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเรื่องควบคุมการก่อสร้างอาคารข้อ 35 ระบุเกี่ยวกับเรื่องชั้นลอยหรือพื้นระหว่างชั้นของอาคารว่า"...ต้องมีเนื้อที่ไม่เกินร้อยละสี่สิบของพื้นที่ทั้งหมดของห้องนั้น ๆ..." อาคารของจำเลยมีพื้นที่ทั้งหมดของห้องที่มีชั้นลอย48 ตารางเมตร มีชั้นลอยพื้นที่ 16 ตารางเมตรอยู่แล้ว จำเลยก่อสร้างเพิ่มเติมชั้นลอยอีกเท่าหนึ่งรวมเป็นเนื้อที่ 32 ตารางเมตรเกินร้อยละสี่สิบของพื้นที่ทั้งหมด ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นเจ้าพนักงานท้องถิ่น ตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. ควบคุมอาคารจึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ต่อเติมได้ จำเลยฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่สั่งให้รื้อถอนอาคารภายในระยะเวลาที่กำหนดมิใช่กระทำละเมิดต่อผู้ใด จะอ้างอายุความ 1 ปี ในเรื่องละเมิดมาใช้หาได้ไม่ ข้ออ้างว่าการรื้อถอนจะมีผลกระทบกระเทือนต่อเจ้าของห้องข้างเคียง และการรื้อถอนโดยห้องข้างเคียงมิได้รื้อถอนส่วนที่ต่อเติมด้วยก็ไม่มีประโยชน์ ไม่เป็นข้อที่จะนำมาอ้างเพื่อไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3426/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสั่งรื้อถอนอาคารผิดกฎหมายเป็นของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องอาญาเท่านั้น
อำนาจในการสั่งให้รื้อถอนอาคารในกรณีที่มีผู้ต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษให้เป็นอำนาจหน้าที่โดยเฉพาะของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 40 และ 42 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ฐานะของผู้เสียหายตามมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวมีเพียงสิทธิในการดำเนินคดีในทางอาญาต่อผู้กระทำความผิดเท่านั้น ผู้เสียหายดังกล่าวหามีอำนาจที่จะฟ้องบังคับจำเลยเพื่อให้รื้อถอนอาคารส่วนที่ต่อเติมผิดกฎหมายอันเป็นอำนาจหน้าที่ในทางแพ่งโดยเฉพาะของเจ้าพนักงานท้องถิ่นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3426/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องรื้อถอนอาคารผิดกฎหมาย: ศาลตัดสินว่าสิทธิเป็นของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ไม่ใช่ผู้เสียหาย
อำนาจในการที่จะสั่งให้รื้อถอนอาคารที่ผิดกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ในทางแพ่งโดยเฉพาะของเจ้าพนักงานท้องถิ่นฐานะของผู้เสียหายตามมาตรา73มีเพียงสิทธิในการดำเนินคดีในทางอาญาต่อจำเลยผู้กระทำความผิดเท่านั้นหาได้มีอำนาจฟ้องบังคับจำเลยให้รื้อถอนอาคารส่วนที่ต่อเติมผิดกฎหมายด้วยไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3426/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสั่งรื้ออาคารผิดกฎหมาย: เจ้าพนักงานท้องถิ่นเท่านั้นที่ทำได้ ผู้เสียหายฟ้องบังคับไม่ได้
อำนาจในการสั่งให้รื้อถอนอาคารในกรณีที่มีผู้ต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษให้เป็นอำนาจหน้าที่โดยเฉพาะของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา40และ42แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522ฐานะของผู้เสียหายตามมาตรา73แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวมีเพียงสิทธิในการดำเนินคดีในทางอาญาต่อผู้กระทำความผิดเท่านั้นผู้เสียหายดังกล่าวหามีอำนาจที่จะฟ้องบังคับจำเลยเพื่อให้รื้อถอนอาคารส่วนที่ต่อเติมผิดกฎหมายอันเป็นอำนาจหน้าที่ในทางแพ่งโดยเฉพาะของเจ้าพนักงานท้องถิ่นไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2100/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรื้อถอนอาคารต่อเติมที่ไม่ได้รับอนุญาต จำเป็นต้องพิสูจน์การกระทำหลังกฎหมายมีผลบังคับใช้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ดัดแปลงต่อเติมตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2522แต่นำสืบรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ดัดแปลงต่อเติมอาคารหลังจากวันที่31ตุลาคม2522แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่าหลังจากจำเลยได้รับคำสั่งจากโจทก์ให้ระงับการก่อสร้างและให้รื้อถอนอาคารส่วนที่ดัดแปลงต่อเติมแล้วจำเลยไม่ได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวรวมทั้งจำเลยได้ให้การรับสารภาพเมื่อถูกฟ้องที่ศาลแขวงพระนครเหนือ จนศาลพิพากษาปรับจำเลยเป็นเงิน500บาทก็หาทำให้ข้อเท็จจริงผูกพันจำเลยว่าจำเลยได้ทำการดัดแปลงต่อเติมอาคารหลังจากวันที่31ตุลาคม2522ไม่โจทก์จึงไม่อาจขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ดัดแปลงต่อเติมดังกล่าวตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2522กรณีไม่ต้องวินิจฉัยปรับบทกฎหมายตามพ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างอาคารพ.ศ.2479เพราะพยานโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ดัดแปลงต่อเติมอาคารในระหว่างที่พ.ร.บ.ดังกล่าวใช้บังคับอยู่ ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าการชี้ขาดคดีส่วนแพ่งต้องถือข้อเท็จจริงตามส่วนอาญานั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์ไม่ได้ยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2100/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรื้อถอนอาคารดัดแปลง: โจทก์ต้องพิสูจน์การดัดแปลงหลังวันที่กฎหมายควบคุมอาคารมีผลบังคับใช้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ดัดแปลงต่อเติมตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522แต่นำสืบรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ดัดแปลงต่อเติมอาคารหลังจากวันที่31ตุลาคม2522แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่าหลังจากจำเลยได้รับคำสั่งจากโจทก์ให้ระงับการก่อสร้างและให้รื้อถอนอาคารส่วนที่ดัดแปลงต่อเติมแล้วจำเลยไม่ได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวรวมทั้งจำเลยได้ให้การรับสารภาพเมื่อถูกฟ้องที่ศาลแขวงพระนครเหนือจนศาลพิพากษาปรับจำเลยเป็นเงิน500บาทก็หาทำให้ข้อเท็จจริงผูกพันจำเลยว่าจำเลยได้ทำการดัดแปลงต่อเติมอาคารหลังจากวันที่31ตุลาคม2522ไม่โจทก์จึงไม่อาจขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ดัดแปลงต่อเติมดังกล่าวตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522กรณีไม่ต้องวินิจฉัยปรับบทกฎหมายตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารพ.ศ.2479เพราะพยานโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ดัดแปลงต่อเติมอาคารในระหว่างที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับอยู่. ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าการชี้ขาดคดีส่วนแพ่งต้องถือข้อเท็จจริงตามส่วนอาญานั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์ไม่ได้ยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรื้อถอนอาคารที่ต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้มีความมั่นคงแข็งแรง แต่ขัดต่อกฎหมายผังเมืองและป้องกันอัคคีภัย
หัวหน้าเขตซึ่งเป็นเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้มีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่จำเลยก่อสร้างปกคลุมทางเดินแล้วต่อมาได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยระงับการก่อสร้างปรากฏว่าจำเลยมิได้ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดแม้ต่อมาหัวหน้าเขตจะมีคำสั่งให้จำเลยระงับการก่อสร้างอาคารดังกล่าวอีกและจำเลยได้ใช้สิทธิอุทธรณ์ก็เป็นการอุทธรณ์เมื่อเกินสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่งครั้งหลังโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่ต่อเติมขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตได้โดยไม่จำต้องรอฟังคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก่อนกรณีเช่นนี้แม้จะได้ความว่าอาคารพิพาทมีความมั่นคงแข็งแรงแต่เมื่อจำเลยก่อสร้างต่อเติมจนเป็นเหตุให้ขาดประโยชน์แห่งการป้องกันอัคคีภัยก็ถือได้ว่ามีเหตุสมควรที่จะต้องรื้อถอน แม้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่ต่อเติมน้อยกว่าสามสิบวันอันเป็นการไม่ชอบด้วยพ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2522มาตรา42วรรคแรกก็ตามแต่โจทก์ฟ้องคดีนี้ภายหลังที่จำเลยได้รับคำสั่งนานถึง3ปีเศษโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตและขัดต่อกฎหมายผังเมือง เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งรื้อถอนได้
จำเลยเป็นผู้ก่อสร้างต่อเติมอาคารพิพาทโดยไม่ได้รับอนุญาตและการต่อเติมนั้นเป็นเหตุให้ขาดประโยชน์แห่งการป้องกันอัคคีภัยและการผังเมืองไม่ต้องด้วยวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522แม้อาคารพิพาทจะมีความมั่นคงแข็งแรงก็ถือได้ว่ามีเหตุสมควรที่จะต้องรื้อถอนหัวหน้าเขตมีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่จำเลยก่อสร้างปกคลุมทางเดินและต่อมาได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยระงับกับการก่อสร้างปรากฏว่าจำเลยมิได้ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งของหัวหน้าเขตดังกล่าวภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดแม้ต่อมาหัวหน้าเขตจะมีคำสั่งให้จำเลยระงับการก่อสร้างอาคารที่ปิดทางเดินด้านหลังและที่ต่อเชื่อมอาคารด้านข้างโดยไม่ได้รับอนุญาตและยังได้มีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่จำเลยก่อสร้างปกคลุมทางเดินอีกครั้งหนึ่งจำเลยได้รับคำสั่งแล้วแต่จำเลยก็มิได้ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งของหัวหน้าเขตครั้งหลังนี้ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดเช่นเดียวกันโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่จำเลยต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาตได้การที่จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของหัวหน้าเขตในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นเกินสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่งต้องห้ามตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522มาตรา52โจทก์จึงไม่จำต้องรอฟังคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก่อน. แม้คำสั่งให้รื้อถอนอาคารพิพาทจะกำหนดให้จำเลยรื้อถอนอาคารน้อยกว่าสามสิบวันอันเป็นการไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522มาตรา42วรรคแรกแต่โจทก์ฟ้องคดีนี้ภายหลังที่จำเลยได้รับคำสั่งดังกล่าวนานถึง2ปีเศษโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องส่วนที่คำสั่งให้รื้อถอนอาคารพิพาทออกภายหลังคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างเกินกว่า30วันก็ไม่ทำให้อำนาจทั้งตามมาตรา11ทวิแห่งพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารพุทธศักราช2479และตามมาตรา42แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522ของเจ้าพนักงานท้องถิ่นในการที่จะสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่ดัดแปลงหรือต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องหมดไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตและขาดความปลอดภัย กฎหมายให้อำนาจเจ้าพนักงานท้องถิ่นสั่งรื้อถอนได้ แม้มีข้อบกพร่องในคำสั่ง
จำเลยเป็นผู้ก่อสร้างต่อเติมอาคารพิพาทโดยไม่ได้รับอนุญาตและการต่อเติมนั้นเป็นเหตุให้ขาดประโยชน์แห่งการป้องกันอัคคีภัย และการผังเมืองไม่ต้องด้วยวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 แม้อาคารพิพาทจะมีความมั่นคงแข็งแรงก็ถือได้ว่ามีเหตุสมควรที่จะต้องรื้อถอน หัวหน้าเขตมีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่จำเลยก่อสร้างปกคลุมทางเดิน และต่อมาได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยระงับกับการก่อสร้าง ปรากฏว่าจำเลยมิได้ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งของหัวหน้าเขตดังกล่าวภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด แม้ต่อมาหัวหน้าเขตจะมีคำสั่งให้จำเลยระงับการก่อสร้างอาคารที่ปิดทางเดินด้านหลังและที่ต่อเชื่อมอาคารด้านข้างโดยไม่ได้รับอนุญาต และยังได้มีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่จำเลยก่อสร้างปกคลุมทางเดินอีกครั้งหนึ่ง จำเลยได้รับคำสั่งแล้วแต่จำเลยก็มิได้ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งของหัวหน้าเขตครั้งหลังนี้ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดเช่นเดียวกันโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่จำเลยต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาตได้การที่จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของหัวหน้าเขตในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นเกินสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่ง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 52 โจทก์จึงไม่จำต้องรอฟังคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก่อน
แม้คำสั่งให้รื้อถอนอาคารพิพาทจะกำหนดให้จำเลยรื้อถอนอาคารน้อยกว่าสามสิบวัน อันเป็นการไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 42 วรรคแรก แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้ภายหลังที่จำเลยได้รับคำสั่งดังกล่าวนานถึง 2 ปีเศษ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ส่วนที่คำสั่งให้รื้อถอนอาคารพิพาทออกภายหลังคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างเกินกว่า 30 วัน ก็ไม่ทำให้อำนาจทั้งตามมาตรา 11 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช 2479 และตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ของเจ้าพนักงานท้องถิ่นในการที่จะสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่ดัดแปลงหรือต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องหมดไป
แม้คำสั่งให้รื้อถอนอาคารพิพาทจะกำหนดให้จำเลยรื้อถอนอาคารน้อยกว่าสามสิบวัน อันเป็นการไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 42 วรรคแรก แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้ภายหลังที่จำเลยได้รับคำสั่งดังกล่าวนานถึง 2 ปีเศษ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ส่วนที่คำสั่งให้รื้อถอนอาคารพิพาทออกภายหลังคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างเกินกว่า 30 วัน ก็ไม่ทำให้อำนาจทั้งตามมาตรา 11 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช 2479 และตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ของเจ้าพนักงานท้องถิ่นในการที่จะสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่ดัดแปลงหรือต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องหมดไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 975/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรื้อถอนอาคารผิดแบบ และอำนาจเจ้าพนักงานท้องถิ่นในการสั่งรื้อถอนตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร
เมื่อช. พยานคนสุดท้ายของโจทก์ตอบคำถามติงแล้วโจทก์ส่งคำสั่งกรุงเทพมหานครที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมอบอำนาจให้หัวหน้าเขตปฏิบัติราชการแทนเป็นพยานต่อศาลและให้ช. ดูและแถลงรับรองเอกสารดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการถามพยานเมื่อได้ถามติงพยานเสร็จแล้วโดยได้รับอนุญาตจากศาลตามป.วิ.พ.มาตรา117วรรคสี่จึงรับฟังเอกสารนั้นเป็นพยานได้ การมอบอำนาจของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2522ให้หัวหน้าเขตปฏิบัติราชการแทนนั้นเป็นการมอบอำนาจให้ปฏิบัติราชการแทนตามที่พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครพ.ศ.2518มาตรา35ให้อำนาจไว้จึงไม่จำต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรทั้งไม่มีกฎหมายบังคับให้จำต้องมีพยานรับรองลายมือชื่อผู้มอบอำนาจด้วย หัวหน้าเขตผู้ได้รับมอบอำนาจจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครทำหนังสือมอบหมายงานโยธาให้ผู้ช่วยหัวหน้าเขตควบคุมรับผิดชอบวินิจฉัยสั่งการแทนถือเป็นการมอบอำนาจตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2522ซึ่งอยู่ในอำนาจของหน่วยงานโยธาให้ผู้ช่วยหัวหน้าเขตปฏิบัติราชการแทนซึ่งชอบที่จะกระทำได้ตามมาตรา17แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครพ.ศ.2518ที่บัญญัติว่าการปฏิบัติราชการที่หัวหน้าเขตจะพึงปฏิบัติหรือดำเนินการตามกฎหมายใด หัวหน้าเขตจะมอบอำนาจให้ผู้ช่วยหัวหน้าเขตปฏิบัติราชการแทนในนามหัวหน้าเขตก็ได้ไม่ถือเป็นการมอบอำนาจช่วงและไม่จำต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎรกร เมื่อจำเลยก่อสร้างอาคารโดยผิดแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตและฝ่าฝืนข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครที่กำหนดให้เว้นที่ว่างด้านหน้าอาคารสามชั้นไว้ไม่น้อยกว่า6เมตรอันเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2522มาตรา31ซึ่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้สั่งให้จำเลยระงับการก่อสร้างตามมาตรา40และให้รื้อถอนตามมาตรา42วรรคแรกแล้วอาคารดังกล่าวก็จะต้องถูกรื้อถอนแม้พนักงานสอบสวนจะเปรียบเทียบปรับจำเลยตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2522มาตรา22,65อันเป็นการอ้างบทกฎหมายไม่ถูกต้องและแม้เจ้าพนักงานจะได้ออกหมายเลขที่บ้านให้จำเลยไปแล้วโดยมิได้คัดค้านว่าจำเลยก่อสร้างอาคารผิดแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตก็ตาม ในการบอกกล่าวให้จำเลยระงับการก่อสร้างและให้รื้อถอนอาคารนั้นเมื่อปรากฏว่าผู้ควบคุมงานของจำเลยเป็นผู้รับคำสั่งดังกล่าวแล้วย่อมถือได้ว่าจำเลยได้ทราบด้วยโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตได้.