พบผลลัพธ์ทั้งหมด 72 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3603/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนการทำแผนที่พิพาท: เหตุผลความจำเป็นและผลกระทบต่อการจำหน่ายคดี
การที่ศาลสั่งให้คู่ความไปจัดทำแผนที่พิพาท โดยห้ามมิให้เลื่อนและระบุว่าถ้าโจทก์ไม่ไปนำชี้จะจำหน่ายคดีเสียนั้น หากทนายโจทก์ผู้จะไปนำชี้จำเป็นต้องจัดการศพบิดาของภริยาจนไม่สามารถไปตามนัด และไม่อาจขอเลื่อนการทำแผนที่พิพาทได้ก่อนวันนัดแต่ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนในวันต่อมา ดังนี้ ถือว่าเป็นความจำเป็นและมีเหตุผลสมควรที่จะอนุญาตได้ ศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า ถึงวันนัดหากคู่ความฝ่ายใดไม่ไปนำชี้ ก็ให้อีกฝ่ายหนึ่งนำชี้ไปฝ่ายเดียว ดังนั้น แม้คู่ความฝ่ายใดไม่ไปนำชี้ก็หาเป็นอุปสรรคต่อการทำแผนที่พิพาทไม่ ด้วยเหตุนี้หากโจทก์มีความจำเป็นและมิได้ขอเลื่อนการทำแผนที่พิพาท กรณีก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดอันจะเป็นเหตุให้สั่งจำหน่ายคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3603/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุผลสมควรในการขอเลื่อนการทำแผนที่พิพาทและการจำหน่ายคดีที่ไม่เป็นธรรม
การที่ศาลสั่งให้คู่ความไปจัดทำแผนที่พิพาท โดยห้ามมิให้เลื่อน และระบุว่าถ้าโจทก์ไม่ไปนำชี้จะจำหน่ายคดีเสียนั้นหากทนายโจทก์ ผู้จะไปนำชี้จำเป็นต้องจัดการศพบิดาของภริยาจนไม่สามารถไปตามนัด และไม่อาจขอเลื่อนการทำแผนที่พิพาทได้ก่อนวันนัดแต่ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนในวันต่อมาดังนี้ ถือว่าเป็นความจำเป็นและมีเหตุผลสมควรที่จะอนุญาตได้ ศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาว่าถึงวันนัดหากคู่ความฝ่ายใดไม่ไปนำชี้ ก็ให้อีกฝ่ายหนึ่งนำชี้ไปฝ่ายเดียวดังนั้น แม้คู่ความฝ่ายใดไม่ไปนำชี้ ก็หาเป็นอุปสรรคต่อการทำแผนที่พิพาทไม่ด้วยเหตุนี้หากโจทก์มีความจำเป็นและมิได้ขอเลื่อนการทำแผนที่พิพาทกรณีก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์เพิกเฉย ไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดอันจะเป็นเหตุให้ สั่งจำหน่ายคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา174(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3569/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เนื่องจากการเพิกเฉยไม่ชำระค่าขึ้นศาล ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค จำเลยขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้องแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องโจทก์และถ้าหากศาลอุทธรณ์เห็นว่ายังไม่สมควรให้ยกฟ้องก็ขอให้สั่งพิจารณาคดีใหม่ ดังนี้ จำเลยต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ โจทก์ฟ้องเพราะหาได้อุทธรณ์ว่าตนมิได้จงใจขาดนัดเพียงประการเดียวไม่ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลให้ถูกต้องเสียก่อนแล้วจำเลยเพิกเฉยไม่ยอมชำระ จึงเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจจำหน่ายคดีเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3569/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เนื่องจากเพิกเฉยต่อคำสั่งชำระค่าขึ้นศาล ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค จำเลยขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้องแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องโจทก์และถ้าหากศาลอุทธรณ์เห็นว่ายังไม่สมควรให้ยกฟ้องก็ขอให้สั่งพิจารณาคดีใหม่ ดังนี้ จำเลยต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ เพราะหาได้อุทธรณ์ว่าตนมิได้จงใจขาดนัดเพียงประการเดียวไม่ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลให้ถูกต้องเสียก่อนแล้วจำเลยเพิกเฉยไม่ยอมชำระ จึงเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจจำหน่ายคดีเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1262/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องคดีอาญาเนื่องจากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการนำส่งหมายเรียกจำเลย ทำให้ศาลจำหน่ายคดีออกจากสารบบได้
ในคดีอาญาศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า คดีของโจทก์มีมูล ให้ประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณา หมายเรียกจำเลยมาให้การ และให้โจทก์นำส่งหมายภายใน 7 วัน คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ออกหมายเรียกจำเลยมานั้น นอกจากจะเป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 169 แล้วยังเป็นการปฏิบัติตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ด้วย และ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์นำส่งหมายเรียกให้จำเลยก็เป็นการสั่งให้โจทก์ปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 70 วรรคท้าย โจทก์ จึงมีหน้าที่ที่จะต้องดำเนินคดีต่อไปภายในกำหนดเวลาที่ศาลกำหนดไว้นั้น
เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้ทราบคำสั่งศาลที่กำหนดเวลาให้โจทก์นำส่งหมายให้จำเลยดังกล่าวแล้ว. โจทก์ไม่ดำเนินคดีภายในกำหนดเวลานั้น กรณีต้องถือว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดี ภายในเวลาที่ศาลกำหนดไว้เพื่อการนั้นโดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) อันเป็นการทิ้งฟ้อง ซึ่งศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีของโจทก์เสียจากสารบบความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132(1) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้ทราบคำสั่งศาลที่กำหนดเวลาให้โจทก์นำส่งหมายให้จำเลยดังกล่าวแล้ว. โจทก์ไม่ดำเนินคดีภายในกำหนดเวลานั้น กรณีต้องถือว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดี ภายในเวลาที่ศาลกำหนดไว้เพื่อการนั้นโดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) อันเป็นการทิ้งฟ้อง ซึ่งศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีของโจทก์เสียจากสารบบความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132(1) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1262/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องคดีอาญาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งหมายเรียกจำเลย ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีได้
ในคดีอาญาศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งว่าคดีของโจทก์มีมูล ให้ประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณา หมายเรียกจำเลยมาให้การ และให้โจทก์นำส่งหมายภายใน 7 วัน คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ออกหมายเรียกจำเลยมานั้น นอกจากจะเป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 169 แล้ว ยังเป็นการปฏิบัติตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ด้วย และ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์นำส่งหมายเรียกให้จำเลยก็เป็นการสั่งให้โจทก์ปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 70 วรรคท้าย โจทก์จึงมีหน้าที่ที่จะต้องดำเนินคดีต่อไปภายในกำหนดเวลาที่ศาลกำหนดไว้นั้น
เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้ทราบคำสั่งศาลที่กำหนดเวลาให้โจทก์นำส่งหมายให้จำเลยดังกล่าวแล้ว โจทก์ไม่ดำเนินคดีภายในกำหนดเวลานั้น กรณีต้องถือว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดี ภายในเวลาที่ศาลกำหนดไว้เพื่อการนั้นโดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) อันเป็นการทิ้งฟ้อง ซึ่งศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีของโจทก์เสียจากสารบบความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132(1) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้ทราบคำสั่งศาลที่กำหนดเวลาให้โจทก์นำส่งหมายให้จำเลยดังกล่าวแล้ว โจทก์ไม่ดำเนินคดีภายในกำหนดเวลานั้น กรณีต้องถือว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดี ภายในเวลาที่ศาลกำหนดไว้เพื่อการนั้นโดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) อันเป็นการทิ้งฟ้อง ซึ่งศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีของโจทก์เสียจากสารบบความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132(1) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3448/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลไม่ถูกต้องและทิ้งฟ้อง คดีพินัยกรรม
โจทก์ฟ้องขอให้ทำลายพินัยกรรม อันเป็นการเรียกร้องให้ทรัพย์ตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมคืนมาเป็นทรัพย์มรดกเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ผู้เป็นทายาท จึงเป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามราคาทรัพย์ที่ระบุไว้ในพินัยกรรม แต่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาอย่างคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ซึ่งไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาได้สั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่ม แต่โจทก์ไม่จัดการเสียเพิ่มภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา174 (2) ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3448/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลไม่ถูกต้องและทิ้งฟ้อง ทำให้จำหน่ายคดี
โจทก์ฟ้องขอให้ทำลายพินัยกรรม อันเป็นการเรียกร้องให้ทรัพย์ตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมคืนมาเป็นทรัพย์มรดกเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ผู้เป็นทายาท จึงเป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามราคาทรัพย์ที่ระบุไว้ในพินัยกรรม แต่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาอย่างคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ซึ่งไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาได้สั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่ม แต่โจทก์ไม่จัดการเสียเพิ่มภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา174(2) ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 376/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอุทธรณ์: การจำกัดขอบเขตอุทธรณ์เฉพาะฟ้องโจทก์ และผลต่อค่าธรรมเนียมศาล
อุทธรณ์ของจำเลยได้ระบุไว้ชัดแล้วว่า จำเลยอุทธรณ์เฉพาะที่โจทก์ฟ้องจำเลยเท่านั้น มิได้อุทธรณ์ข้อที่เกี่ยวกับฟ้องแย้งแต่อย่างใด จำเลยจึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลตามที่ฟ้องแย้งอีก ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้เรียกค่าธรรมเนียมตามฟ้องแย้งเพิ่ม จำเลยแถลงเข้ามาใหม่ว่าจำเลยอุทธรณ์เฉพาะฟ้องโจทก์ ไม่ประสงค์อุทธรณ์ในข้อฟ้องแย้งต่อไปและไม่ยอมเสียค่าธรรมเนียมศาลตามฟ้องแย้ง ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ถือเอาคำแถลงของจำเลยเป็นข้อวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงคำสั่งใหม่ได้ ศาลอุทธรณ์ย่อมพิจารณาวินิจฉัยให้จำเลยเฉพาะแต่ที่เกี่ยวกับฟ้องโจทก์เท่านั้น กรณีไม่มีเหตุที่จะสั่งจำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 376/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการอุทธรณ์และการเปลี่ยนแปลงคำสั่งของศาล การจำหน่ายคดี
อุทธรณ์ของจำเลยระบุไว้ชัดแจ้งว่า จำเลยขออุทธรณ์แต่เฉพาะที่โจทก์ฟ้องจำเลยเท่านั้น มิได้อุทธรณ์ข้อที่เกี่ยวกับฟ้องแย้งแต่อย่างใดจำเลยจึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลตามที่ฟ้องแย้งอีกศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้เรียกค่าธรรมเนียมศาลตามฟ้องแย้งเพิ่ม จำเลยแถลงเข้ามาใหม่ว่าจำเลยอุทธรณ์เฉพาะฟ้องโจทก์ ไม่ประสงค์อุทธรณ์ในข้อฟ้องแย้งต่อไปและไม่ยอมเสียค่าธรรมเนียมศาลตามฟ้องแย้งดังนี้ ศาลอุทธรณ์ถือเอาคำแถลงของจำเลยเป็นข้อวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงคำสั่งใหม่ได้และศาลอุทธรณ์ย่อมพิจารณาวินิจฉัยคดีให้จำเลยเฉพาะแต่ที่เกี่ยวกับฟ้องโจทก์เท่านั้นกรณีไม่มีเหตุที่จะสั่งจำหน่ายคดี