พบผลลัพธ์ทั้งหมด 237 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 748/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังคำให้การชั้นสอบสวนในคดีข่มขืน: จำเป็นต้องมีพยานเบิกความต่อศาลเพื่อยืนยันความผิด
ในคดีข่มขืนกระทำชำเรา โจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาเบิกความ คงมีแต่คำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหาย ซึ่งจะรับฟังประกอบได้ก็แต่เพียงว่าผู้เสียหายได้ให้การไว้ในชั้นสอบสวนเช่นนั้นจริง แต่ความจริงจะเป็นอย่างไรในชั้นศาลโจทก์จะต้องมีพยานมาเบิกความต่อศาลว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงเมื่อชั้นศาลโจทก์ไม่มีพยานมาเบิกความว่าจำเลยได้กระทำผิดโดยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย เช่นนี้ เพียงแต่คำให้การชั้นสอบสวนจึงยังฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ (อ้างฎีกา165/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1988/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเรา: การจำกัดความผิดตามมาตรา 278 เมื่อไม่มีการกระทำอนาจารอื่น
จำเลยกับพวกช่วยกันถอดเสื้อผ้าผู้เสียหายออก และจับผู้เสียหายให้นอนหงาย แล้วผลัดกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ไม่ปรากฏว่าจำเลยกับพวกได้กระทำอนาจารผู้เสียหายอย่างอื่นอีก การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 ไม่ผิดตามมาตรา 278 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1403/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการข่มขืน: การกระทำเตรียม การรอคอย และการเป็นผู้ร่วมกระทำผิด
พวกของจำเลยคนหนึ่งกำลังข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายส่วนจำเลยถอดกางเกงขายาว เสื้อ และหมวกวางไว้คงนุ่งแต่กางเกงในตัวเดียวนั่งคอยข่มขืนกระทำชำเราอยู่ข้างผู้เสียหายพร้อมที่จะเข้ากระทำการข่มขืนเป็นคนต่อไป แม้จำเลยจะยังไม่ทันลงมือข่มขืนก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ร่วมกระทำผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1403/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกระทำความผิดฐานข่มขืน แม้ยังมิได้ลงมือกระทำ แต่เตรียมการและรอเพื่อกระทำความผิด ถือเป็นผู้ร่วมกระทำผิด
พวกของจำเลยคนหนึ่งกำลังข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ส่วนจำเลยถอดกางเกงขายาว เสื้อ และหมวกวางไว้ คงนุ่งแต่กางเกงในตัวเดียวนั่งคอยข่มขืนกระทำชำเราอยู่ข้างผู้เสียหายพร้อมที่จะเข้ากระทำการข่มขืนเป็นคนต่อไป แม้จำเลยจะยังไม่ทันลงมือข่มขืนก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ร่วมกระทำผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนโดยมีอาวุธร่วมกระทำผิด: โทษหนักกว่า แม้จำเลยไม่มีอาวุธ
จำเลยข่มขืนชำเราหญิง โดยพวกของจำเลยมีปืนบังคับไม่ให้คนอื่นช่วยหญิง จำเลยร่วมกระทำกับพวกที่มีอาวุธปืนจำเลยต้องรับโทษหนักขึ้นตาม มาตรา 276 วรรค 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2413/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเราเด็กสำเร็จความผิด แม้ไม่มีร่องรอยบาดเจ็บที่ช่องคลอด
จำเลยเอาของลับใส่เข้าไปในของลับผู้เสียหายอายุ 13 ปี 11 วัน ดันโดยแรง ผู้เสียหายรู้สึกว่าของลับของจำเลยเข้าไปลึกขนาดช่วงนิ้วมือนั้น ดังนี้ ของลับจำเลยได้ล่วงล้ำเข้าไปในของลับผู้เสียหายแล้วจึงเป็นความผิดสำเร็จ หาจำเป็นจะต้องมีรอยฉีกขาดที่ช่องคลอด ปากมดลูก หรือที่เยื่อพรหมจารีด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2413/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเราสำเร็จความผิด แม้ไม่มีรอยฉีกขาด
จำเลยเอาของลับใส่เข้าไปในของลับผู้เสียหายอายุ 13 ปี 11 วัน ดันโดยแรง ผู้เสียหายรู้สึกว่าของลับของจำเลยเข้าไปลึกขนาดช่วงนิ้วมือนั้น ดังนี้ ของลับจำเลยได้ล่วงล้ำเข้าไปในของลับผู้เสียหายแล้ว จึงเป็นความผิดสำเร็จ หาจำเป็นจะต้องมีรอยฉีกขาดที่ช่องคลอดปากมดลูก หรือที่เยื่อพรหมจารีด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2249/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาพาผู้เสียหายไปกระทำอนาจารและข่มขืนต่อเนื่องกัน ถือเป็นกรรมเดียว
จำเลยมีเจตนาพาผู้เสียหายไปเพื่อกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา จำเลยกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเราทั้งในคืนแรกและคืนที่สอง เป็นการกระทำต่อเนื่องกันจากเจตนาเดิมนั้นเองแยกออกจากกันมิได้ การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2249/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาต่อเนื่องในการกระทำอนาจารและข่มขืน: ถือเป็นกรรมเดียว
จำเลยมีเจตนาพาผู้เสียหายไปเพื่อกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา จำเลยกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเราทั้งในคืนแรกและคืนที่สอง เป็นการกระทำต่อเนื่องกันจากเจตนาเดิมนั่นเองแยกออกจากกันมิได้ การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: บุกรุกเพื่อข่มขืนกระทำชำเรา ศาลลงโทษได้เพียงกรรมเดียว
การที่จำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายแล้วจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย นั้น เห็นได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดษฐานบุกรุกและข่มขืนกระทำชำเราต่อเนื่องกัน โดยมีเจตนาอันแท้จริงเพื่อข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเป็นสำคัญ การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน และจำเลยรับสารภาพตามฟ้องก็ตาม ศาลก็ลงโทษจำเลยทุกกระทงไม่ได้