คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 341

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 727 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4046/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงด้วยการหลอกลวงเอาเอกสารสัญญา แม้เป็นกระดาษแผ่นเดียว ก็ถือเป็นทรัพย์สินทางอาญาได้
ความผิดฐานฉ้อโกงตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 นอกจากจะเป็นการหลอกลวงผู้อื่นให้ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิแล้วยังบัญญัติว่า โดยการหลอกลวงนั้นทำให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้หลอกลวงหรือบุคคลที่สามด้วย เอกสารสัญญาแม้จะเป็นเพียงกระดาษแผ่นเดียวก็ถือว่าเป็นทรัพย์ เมื่อจำเลยหลอกลวงเอาเอกสารสัญญาของโจทก์ไป จึงเป็นความผิดฐานล้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3352/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงโดยหลอกลวงให้ส่งมอบเช็ค และเจตนาไม่ชำระหนี้
จำเลยมาบ้านผู้เสียหายทั้งสองแล้วขอดูเช็คจำนวน 11 ฉบับที่จำเลยมอบแก่ผู้เสียหายที่ 1 ไว้เพื่อชำระหนี้เงินกู้ว่ามียอดเงินรวมทั้งหมดเท่าใด ผู้เสียหายที่ 1 หลงเชื่อมอบเช็คทั้ง 11 ฉบับให้จำเลยดู จำเลยได้เอาเก็บใส่กระเป๋าทำทีรื้อค้นของในกระเป๋าอยู่ครู่หนึ่ง เสร็จแล้วบอกผู้เสียหายที่ 1 ว่าเช็คของจำเลยหมดขอมอบเช็คเอกสารหมาย จ.1 แก่ผู้เสียหายที่ 1 ไว้แทนซึ่งเป็นเช็คที่จำเลยทราบว่าผู้ออกเช็คเพิ่งถึงแก่ความตายโดยอุบัติเหตุในวันเดียวกันนั้น และบอกว่าวันที่ 3 พฤศจิกายน 2532 จำเลยจะนำเงินมาชำระให้โดยไม่ต้องนำเช็คเอกสารหมาย จ.1 ไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารโดยจำเลยยืนยันว่าเป็นเช็คที่ได้รับชำระหนี้มา ถึงวันนัดจำเลยไม่นำเงินมาชำระกลับบอกให้ผู้เสียหายทั้งสองนำเช็คดังกล่าวไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร ผู้เสียหายที่ 1 ให้ผู้เสียหายที่ 2นำเช็คดังกล่าวไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน2532 แล้ว ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ผู้เสียหายที่ 1จึงทวงถามเงินจากจำเลย จำเลยกลับเพิกเฉยพฤติการณ์ดังกล่าวถือว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตหลอกลวงผู้เสียหายที่ 1 ให้มอบเช็ค 11 ฉบับคืนให้จำเลยโดยจำเลยเจตนาที่จะไม่ชำระหนี้ตามเช็คดังกล่าวให้ผู้เสียหายที่ 1 มาแต่ต้น ในขณะที่กล่าวหลอกลวงผู้เสียหายที่ 1นั้น แล้วเป็นเหตุให้จำเลยได้ไปซึ่งเช็ค 11 ฉบับ อันเป็นเอกสารสิทธิถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินตามกฎหมายของผู้เสียหายที่ 1 ไปจากผู้เสียหายที่ 1 โดยจำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าผู้ออกเช็คถึงแก่ความตายไปก่อนแล้ว เช็คเอกสารหมาย จ.1 ไม่สามารถเรียกเก็บเงินจากธนาคารได้ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำขอให้จำเลยคืนเงินที่จำเลยฉ้อโกงผู้เสียหาย โจทก์ไม่อุทธรณ์คำขอดังกล่าวจึงยุติตั้งแต่ศาลชั้นต้นโจทก์จะขอให้จำเลยคืนเงินดังกล่าวในชั้นฎีกาอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3352/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงโดยหลอกลวงให้มอบเช็คที่เป็นเอกสารสิทธิของผู้เสียหาย
จำเลยมาบ้านผู้เสียหายทั้งสองแล้วขอดูเช็คจำนวน 11 ฉบับที่จำเลยมอบแก่ผู้เสียหายที่ 1 ไว้เพื่อชำระหนี้เงินกู้ว่ามียอดเงินรวมทั้งหมดเท่าใดผู้เสียหายที่ 1 หลงเชื่อมอบเช็คทั้ง 11 ฉบับให้จำเลยดู จำเลยได้เอาเก็บใส่กระเป๋าทำทีรื้อค้นของในกระเป๋าอยู่ครู่หนึ่ง เสร็จแล้วบอกผู้เสียหายที่ 1 ว่าเช็คของจำเลยหมด ขอมอบเช็คเอกสารหมาย จ.1 แก่ผู้เสียหายที่ 1 ไว้แทนซึ่งเป็นเช็คที่จำเลยทราบว่าผู้ออกเช็คเพิ่งถึงแก่ความตายโดยอุบัติเหตุในวันเดียวกันนั้น และบอกว่าวันที่ 3 พฤศจิกายน 2532 จำเลยจะนำเงินมาชำระให้โดยไม่ต้องนำเช็คเอกสาร-หมาย จ.1 ไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารโดยจำเลยยืนยันว่าเป็นเช็คที่ได้รับชำระหนี้มา ถึงวันนัดจำเลยไม่นำเงินมาชำระกลับบอกให้ผู้เสียหายทั้งสองนำเช็คดังกล่าวไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร ผู้เสียหายที่ 1 ให้ผู้เสียหายที่ 2 นำเช็คดังกล่าวไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2532 แล้ว ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ผู้เสียหายที่ 1 จึงทวงถามเงินจากจำเลย จำเลยกลับเพิกเฉยพฤติการณ์ดังกล่าวถือว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตหลอกลวงผู้เสียหายที่ 1 ให้มอบเช็ค11 ฉบับคืนให้จำเลยโดยจำเลยเจตนาที่จะไม่ชำระหนี้ตามเช็คดังกล่าวให้ผู้เสียหายที่ 1 มาแต่ต้น ในขณะที่กล่าวหลอกลวงผู้เสียหายที่ 1 นั้น แล้วเป็นเหตุให้จำเลยได้ไปซึ่งเช็ค 11 ฉบับ อันเป็นเอกสารสิทธิ ถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินตามกฎหมายของผู้เสียหายที่ 1 ไปจากผู้เสียหายที่ 1 โดยจำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าผู้ออกเช็คถึงแก่ความตายไปก่อนแล้ว เช็คเอกสารหมาย จ.1 ไม่สามารถเรียกเก็บเงินจากธนาคารได้ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำขอให้จำเลยคืนเงินที่จำเลยฉ้อโกงผู้เสียหาย โจทก์ไม่อุทธรณ์คำขอดังกล่าวจึงยุติตั้งแต่ศาลชั้นต้น โจทก์จะขอให้จำเลยคืนเงินดังกล่าวในชั้นฎีกาอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3286/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารราชการปลอมเพื่อฉ้อโกงประกันภัย ศาลลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมและพยายามฉ้อโกง
การที่จำเลยที่ 1 ใช้เอกสารราชการปลอมไปแสดงต่อโจทก์ร่วมว่า พนักงานสอบสวนไม่มีความขัดข้องในการที่จำเลยที่ 1 จะไปขอรับเงินค่าทดแทนความเสียหายจากบริษัทประกันภัยในการที่เกิดเพลิงไหม้อาคารของจำเลยที่ 1 นั้น เป็นการกระทำโดยมีเจตนาเพื่อฉ้อโกงเงินค่าสินไหมทดแทนความเสียหายในการที่อาคารที่จำเลยที่ 1 เอาประกันอัคคีภัยไว้กับโจทก์ร่วมเกิดเพลิงไหม้เสียหาย การกระทำความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมและความผิดฐานพยายามฉ้อโกงของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทซึ่งต้องลงโทษบทหนักตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3162/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ vs. ฉ้อโกง กรณีลูกจ้างธนาคารแก้ไขข้อมูลเงินฝาก
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของธนาคารโจทก์ร่วม สาขาพะเยาตำแหน่งเจ้าหน้าที่อำนวยการบริการ และเป็นผู้ควบคุมเงินฝากไม่เกิน 1,000,000 บาท และมีอำนาจอนุมัติให้ถอนเงินในวงเงินไม่เกิน 500,000 บาท จำเลยที่ 2 เดิมเป็นลูกค้าของโจทก์ร่วมเปิดบัญชีสะสมทรัพย์ที่สาขาสะพานใหม่ดอนเมืองจำเลยที่ 2 ได้โอนบัญชีเงินฝากดังกล่าวซึ่งมีเงินต้น12,015,.66 บาท และดอกเบี้ย 39.82 บาท ไปฝากต่อที่สาขาพะเยา จำเลยที่ 1 ได้อนุมัติให้จำเลยที่ 2 เปิดบัญชีได้ และจำเลยที่ 1 ได้บันทึกรายการลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ระบุว่าจำเลยที่ 2 มีเงินฝากเงินต้น 12,015.66 บาทและดอกเบี้ย 398,200 บาท มากกว่าความเป็นจริง ต่อมาจำเลยที่ 2 ได้ถอนเงินจากบัญชีจำนวน 200,000 บาท และ ต่อมาถอนอีก 202,000 บาท โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ ลงลายมือชื่ออนุมัติ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการหลอกลวง ให้โจทก์ร่วมหลงเชื่อว่าจำเลยที่ 2 มีเงินฝากในบัญชีคือ ดอกเบี้ยมากกว่าความเป็นจริง มิใช่เป็นการหลอกลวงให้โจทก์ร่วม ส่งมอบเงินให้แก่จำเลยทั้งสอง จึงไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง แต่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2581/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นทนายความ ปลอมแปลงเอกสารเพื่อหลอกลวงเอาเงินจากผู้เสียหาย
จำเลยมิได้จดทะเบียนเป็นทนายความ แต่บอกแก่โจทก์ร่วมว่า จำเลยมีอาชีพทนายความ โจทก์ร่วมจึงปรึกษาจำเลยเรื่องจะดำเนินคดีแก่นาง ส.และนายส. และมอบเอกสารกับค่าจ้างว่าความให้จำเลยไป แต่จำเลยไม่ได้ดำเนินคดีให้โจทก์ร่วมและต่อมาจำเลยแจ้งแก่โจทก์ร่วมว่าได้ฟ้องนาง ส. และนาย ส.แล้วกับทำสำเนาคำฟ้องนางส.และนายส.อันเป็นเอกสารปลอมมอบให้โจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม การปลอมและใช้เอกสารปลอมดังกล่าวมีเหตุเกี่ยวเนื่องจากการที่จำเลยรับจะดำเนินคดีให้โจทก์ร่วม แต่ไม่สามารถดำเนินคดีให้ได้จำเลยจึงมีเจตนาที่แท้จริงคือปลอมเอกสารสำเนาคำฟ้องเพื่อแสดงให้โจทก์ร่วมเห็นว่าจำเลยได้ดำเนินการตามที่ได้หลอกลวงโจทก์ร่วมไว้เพื่อฉ้อโกงเอาเงินของโจทก์ร่วมนั่นเองแม้การกระทำจะต่างวาระกัน การกระทำผิดของจำเลยก็เป็นความผิดกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2581/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยฉ้อโกงโดยอ้างเป็นทนายความ ปลอมเอกสารคำฟ้องเพื่อหลอกลวงโจทก์
จำเลยมิได้จดทะเบียนเป็นทนายความ แต่บอกแก่โจทก์ร่วมว่าจำเลยมีอาชีพทนายความ โจทก์ร่วมจึงปรึกษาจำเลยเรื่องจะดำเนินคดีแก่นาง ส.และนาย ส. และมอบเอกสารกับค่าจ้างว่าความให้จำเลยไป แต่จำเลยไม่ได้ดำเนินคดีให้โจทก์ร่วม และต่อมาจำเลยแจ้งแก่โจทก์ร่วมว่าได้ฟ้องนาง ส. และนาย ส.แล้ว กับทำสำเนาคำฟ้องนาง ส.และนาย ส.อันเป็นเอกสารปลอมมอบให้โจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม การปลอมและใช้เอกสารปลอมดังกล่าวมีเหตุเกี่ยวเนื่องจากการที่จำเลยรับจะดำเนินคดีให้โจทก์ร่วม แต่ไม่สามารถดำเนินคดีให้ได้ จำเลยจึงมีเจตนาที่แท้จริงคือปลอมเอกสารสำเนาคำฟ้องเพื่อแสดงให้โจทก์ร่วมเห็นว่าจำเลยได้ดำเนินการตามที่ได้หลอกลวงโจทก์ร่วมไว้เพื่อฉ้อโกงเอาเงินของโจทก์ร่วมนั่นเอง แม้การกระทำจะต่างวาระกัน การกระทำผิดของจำเลยก็เป็นความผิดกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทตาม ป.อ. มาตรา 90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1500/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงให้เข้าใจผิดเพื่อหวังผลประโยชน์ และการยอมความมีเงื่อนไขที่ไม่ทำให้สิทธิในการฟ้องอาญา ระงับ
จำเลยเพียงแต่หลอกลวงผู้เสียหายว่า จำเลยจะช่วยติดต่อให้ผู้เสียหายเข้าทำงานเป็นสารวัตรทหารได้โดยไม่ต้องสอบเท่านั้นผู้เสียหายหลงเชื่อจึงให้เงินแก่จำเลยไป ไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายให้เงินจำเลยไปเพื่อให้จำเลยนำไปให้ข้าราชการทหารคนใดกระทำการอย่างใดอันมิชอบด้วยหน้าที่ จึงถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายใช้ให้ผู้ใดกระทำผิดกฎหมาย ผู้เสียหายจึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายมีสิทธิร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีนี้ได้ ผู้เสียหายและจำเลยได้ทำบันทึกกันไว้ว่า ถ้าจำเลยนำเงินมาคืนผู้เสียหายภายในกำหนด ผู้เสียหายก็จะไม่เอาเรื่องทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา มิใช่เป็นการยอมความโดยสิ้นเชิง หากแต่เป็นการยอมความโดยมีเงื่อนไข การยอมความในลักษณะเช่นนี้จะมีผลให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปต่อเมื่อจำเลยชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1500/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงให้เสียทรัพย์และการยอมความมีเงื่อนไข ไม่ทำให้สิทธิฟ้องอาญาขาดอายุ
จำเลยเพียงแต่หลอกลวงผู้เสียหายว่าจำเลยจะช่วยติดต่อให้เข้าทำงานเป็นสารวัตรทหารได้โดยไม่ต้องสอบเท่านั้น ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงให้เงินแก่จำเลยไปไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายให้เงินจำเลยไปเพื่อให้จำเลยนำไปให้ข้าราชการทหารคนใดกระทำการอย่างใดอันมิชอบด้วยหน้าที่ จึงถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายใช้ให้ผู้ใดกระทำผิดกฎหมายผู้เสียหายจึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย มีสิทธิร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีได้ ผู้เสียหายและจำเลยได้ทำบันทึกกันไว้ ถ้าจำเลยนำเงินมาคืนผู้เสียหายภายในกำหนด ผู้เสียหายก็จะไม่เอาเรื่องทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา เป็นการยอมความโดยมีเงื่อนไขที่ให้จำเลยชำระเงินคืนผู้เสียหายเสียก่อน ผู้เสียหายจึงจะไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยแต่เมื่อปรากฏว่าจำเลยมิได้ชำระเงินคืนแก่ผู้เสียหายจึงมิใช่เป็นการยอมความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1229/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงคำรับรองว่าจะชำระหนี้แทนแล้วไม่ชำระ ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง หากไม่มีเจตนาทุจริตตั้งแต่แรก
องค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341ต้องประกอบด้วยผู้หลอกลวงมีเจตนาทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งและผลการหลอกลวงนั้นทำให้ผู้หลอกลวงได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง หรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยให้คำรับรองต่อโจทก์ต่อหน้าพนักงานสอบสวนว่าจะชำระหนี้แทนนาง ส. และขอให้โจทก์ถอนคำร้องทุกข์เป็นคำมั่นสัญญาที่จำเลยจะปฏิบัติในอนาคต คำรับรองดังกล่าวจึงไม่ใช่ข้อความเท็จ เพราะโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีความตั้งใจมาแต่แรกขณะให้คำรับรองว่าจะไม่ปฏิบัติตามนั้น ฟ้องโจทก์จึงขาดองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง
of 73