พบผลลัพธ์ทั้งหมด 727 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2724/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงจัดหางานต่างประเทศ - ความผิดฐานฉ้อโกงและประกอบธุรกิจจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยเป็นผู้ติดต่อชักจูงให้ผู้เสียหายไปทำงานต่างประเทศและรับเงินบางส่วนจากผู้เสียหายไว้ ทั้งยังเป็นผู้เขียนแผนที่ให้ผู้เสียหายเดินทางไปหาพวกจำเลยที่ กรุงเทพฯ เมื่อผู้เสียหายไม่ได้เดินทางไปทำงาน จำเลยก็เป็นผู้ติดต่อกับพวกจำเลยเพื่อให้คืนเงินแก่ผู้เสียหายการกระทำของจำเลยเข้าลักษณะที่แบ่งแยกหน้าที่กันทำในระหว่างจำเลยกับพวก หาใช่เป็นแต่เพียงผู้แนะนำให้ผู้ประสงค์จะไปทำงานในต่างประเทศติดต่อกับผู้ที่จะจัดส่งเองโดยตรงเท่านั้นไม่และการที่จำเลยกับพวกรับเงินผู้เสียหายไปแล้วไม่ดำเนินการให้ผู้เสียหายได้เดินทางไปทำงาน ตามที่จำเลยกับพวกพูดรับรองไว้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยกับพวกไม่มีเจตนาที่จะจัดหางานให้แก่ผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง จำเลยกับพวกเคยส่งบุคคลอื่นไป ไต้หวัน โดยให้ถือหนังสือเดินทานักท่องเที่ยวแล้วมีนายจ้างมาคัดเลือกไปทำงานเมื่อไปถึง โดยจำเลยกับพวกไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจจัดหางานจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง จำเลยกับพวกจึงมีความผิดฐานร่วมกันประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2444/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฉ้อโกงต้องมีการหลอกลวงให้ได้ทรัพย์สิน การผิดสัญญาเล่นแชร์ไม่เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง
ความผิดฐานฉ้อโกงเป็นความผิดที่มีผลเกิดขึ้นต่างหากจากการกระทำ คือต้องเป็นการได้ไปซึ่งทรัพย์สินโดยการหลอกลวงการที่จำเลยได้ทรัพย์สินจากผู้เสียหายโดยการเล่นแชร์ ซึ่งเล่นกันจำนวน 90 มือ มีการประมูลแชร์และเก็บเงินจากผู้เล่นให้แก่ผู้ประมูลได้ถึง 57 มือแล้ว ต่อมาจำเลยซึ่งเป็นหัวหน้าวงผิดนัดไม่เก็บเงินจากผู้เล่นแชร์และไม่ดำเนินการประมูลแชร์ต่อไปตามหน้าที่ จึงเป็นการผิดสัญญาเล่นแชร์ซึ่งเป็นความผูกพันทางแพ่งการกระทำของจำเลยหาเป็นความผิดฐานฉ้อโกงไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2444/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฉ้อโกงต้องได้ทรัพย์สินมาโดยการหลอกลวง การผิดสัญญาแชร์ไม่ถือเป็นฉ้อโกง
ความผิดฐานฉ้อโกงเป็นความผิดที่มีผลเกิดขึ้นต่างหากจากการกระทำ คือต้องเป็นการได้ไปซึ่งทรัพย์สินโดยการหลอกลวง ดังนี้ การที่จำเลยได้ทรัพย์สินจากผู้เสียหายโดยการเล่นแชร์ ซึ่งเล่นกันจำนวน 90 มือ มีการประมูลแชร์และเก็บเงินจากผู้เล่นให้แก่ผู้ประมูลได้ถึง 57มือแล้ว ต่อมาจำเลยซึ่งเป็นหัวหน้าวงผิดนัด ไม่เก็บเงินจากผู้เล่นแชร์และไม่ดำเนินการประมูลแชร์ต่อไปตามหน้าที่ จึงเป็นการผิดสัญญาเล่นแชร์ซึ่งเป็นความผูกพันทางแพ่ง การกระทำของจำเลยหาเป็นความผิดฐานฉ้อโกงไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2274/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลอกลวงเอาสมุดเงินฝากของตนเองคืนจากเจ้าหนี้ ไม่ถือว่าฉ้อโกง เพราะเจ้าหนี้ไม่สามารถถอนเงินได้จริง
จำเลยกู้เงินโจทก์ไป 20,000 บาท ตกลงผ่อนชำระคืนเดือนละ4,000 บาท ในการนี้จำเลยมอบสมุดเงินฝากสะสมทรัพย์ของจำเลยพร้อมด้วยใบมอบฉันทะให้ถอนเงิน 5 ฉบับ ๆ ละ 4,000 บาท ให้แก่โจทก์เพื่อโจทก์ไปเบิกเงินมาชำระหนี้ดังกล่าว แม้ต่อมาจำเลยจะหลอกลวงโจทก์จนโจทก์หลงเชื่อมอบสมุดเงินฝากของจำเลยให้แก่จำเลยไปแต่จำเลยมีอำนาจสั่งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินตามใบมอบฉันทะให้ถอนเงินได้ทุกเมื่อทั้งยังปรากฏว่าในขณะที่จำเลยหลอกลวงเอาสมุดเงินฝากคืนไปจากโจทก์นั้น เงินในบัญชีธนาคารของจำเลยมีจำนวนไม่ถึง 4,000 บาท โจทก์ย่อมไม่อาจถอนเงินตามใบมอบฉันทะดังกล่าวได้ แม้โจทก์จะมีสมุดเงินฝากของจำเลยและจำเลยไม่สั่งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินก็ตาม การที่จำเลยหลอกลวงเอาสมุดเงินฝากของจำเลยเองไปจากโจทก์จึงไม่ทำให้จำเลยได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากโจทก์ และไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2274/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลอกลวงเอาสมุดเงินฝากของตนเองคืนจากเจ้าหนี้ ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง เพราะเจ้าหนี้ไม่สามารถถอนเงินได้จริง
จำเลยกู้เงินโจทก์ไป 20,000 บาท ตกลงผ่อนชำระคืนเดือนละ 4,000 บาท ในการนี้จำเลยมอบสมุดเงินฝากสะสมทรัพย์ของจำเลยพร้อมด้วยใบมอบฉันทะให้ถอนเงิน 5 ฉบับ ๆ ละ 4,000 บาท ให้แก่โจทก์ เพื่อโจทก์ไปเบิกเงินมาชำระหนี้ดังกล่าว แม้ต่อมาจำเลยจะหลอกลวงโจทก์จนโจทก์หลงเชื่อมอบสมุดเงินฝากของจำเลยให้แก่จำเลยไป แต่จำเลยมีอำนาจสั่งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินตามใบมอบฉันทะให้ถอนเงินได้ทุกเมื่อทั้งยังปรากฏว่าในขณะที่จำเลยหลอกลวงเอาสมุดเงินฝากคืนไปจากโจทก์นั้น เงินในบัญชีธนาคารของจำเลยมีจำนวนไม่ถึง 4,000 บาท โจทก์ย่อมไม่อาจถอนเงินตามใบมอบฉันทะดังกล่าวได้ แม้โจทก์จะมีสมุดเงินฝากของจำเลยและจำเลยไม่สั่งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินก็ตาม การที่จำเลยหลอกลวงเอาสมุดเงินฝากของจำเลยเองไปจากโจทก์จึงไม่ทำให้จำเลยได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากโจทก์ และไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง: การพิสูจน์เจตนาและบทบาทในการกระทำความผิดร่วม
คดีที่ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 แม้จำเลยจะฎีกาอ้างอิงข้อกฎหมายมาประกอบ แต่เป็นข้อกฎหมายที่จะนำไปสู่การวินิจฉัยในปัญหาที่ว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกระทำความผิดกับจำเลยอื่นหรือไม่ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามฎีกาเช่นกัน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ยืมและการหลอกลวงทางแพ่ง: การกระทำไม่ถึงขั้นฉ้อโกงหากมีเจตนาบังคับชำระหนี้ด้วยสัญญาและเช็ค
ผู้เสียหายยินยอมให้ ด.ภริยาจำเลยกู้ยืมเงินโดยมีอ.เป็นผู้ค้ำประกันเพราะมีเหตุจูงใจจากผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินถึง 50,000 บาท และการที่คู่กรณีทำหนังสือสัญญากู้ไว้เป็นหลักฐานเพราะถ้า ด. ผิดนัดผู้เสียหายก็สามารถบังคับตามสัญญากู้ได้ ไม่ใช่ผู้เสียหายให้กู้ยืมเนื่องจากเชื่อว่า ด. กับจำเลยจะนำเงินไปชำระหนี้ค่าปลูกบ้านและหนี้สหกรณ์ตามที่ ด. กับจำเลยกล่าวอ้างทั้งกรณีที่ผู้เสียหายยอมรับเช็คซึ่งมีจำนวนเงินเท่ากับในสัญญากู้จาก ด. ไว้แทนสัญญากู้แล้วคืนสัญญากู้ให้แก่ฝ่ายจำเลยไป ก็โดยผู้ที่เสียหายเห็นว่าการออกเช็คให้ยึดถือไว้นั้นเป็นหลักประกันที่ดีกว่าสัญญากู้ เพราะนอกจากจะฟ้องบังคับตามจำนวนเงินในเช็คอันเป็นความรับผิดในทางแพ่งแล้ว ผู้เสียหายยังมีสิทธิที่จะฟ้องในทางอาญาซึ่งเป็นช่องทางที่จะบีบบังคับให้ลูกหนี้รีบขวนขวายในการชำระหนี้ได้อีกทางหนึ่งด้วย พฤติการณ์แห่งความผูกพันระหว่างผู้เสียหายกับ ด. และจำเลยจึงเป็นมูลหนี้ในทางแพ่งโดยเฉพาะ หาใช่เป็นความรับผิดในทางอาญาไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสัมพันธ์ทางแพ่งจากการกู้ยืมเงินและการรับเช็คแทนสัญญากู้ ไม่เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง
ผู้เสียหายยินยอมให้ ด.ภริยาจำเลยกู้ยืมเงินโดยมีอ.เป็นผู้ค้ำประกัน เพราะมีเหตุจูงใจจากผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินถึง50,000 บาทและการที่คู่กรณีทำหนังสือสัญญากู้ไว้เป็นหลักฐานเพราะถ้า ด. ผิดนัด ผู้เสียหายก็สามารถบังคับตามสัญญากู้ได้ ไม่ใช่ผู้เสียหายให้กู้ยืมเนื่องจากเชื่อว่า ด. กับจำเลยจะนำเงินไปชำระหนี้ค่าปลูกบ้านและหนี้สหกรณ์ตามที่ ด. กับจำเลยกล่าวอ้างทั้งกรณีที่ผู้เสียหายยอมรับเช็คซึ่งมีจำนวนเงินเท่ากับในสัญญากู้จาก ด. ไว้แทนสัญญากู้แล้วคืนสัญญากู้ให้แก่ฝ่ายจำเลยไป ก็โดยที่ผู้เสียหาย เห็นว่าการออกเช็คให้ยึดถือไว้นั้นเป็นหลักประกันที่ดีกว่าสัญญากู้ เพราะนอกจากจะฟ้องบังคับตามจำนวนเงินในเช็คอันเป็นความผิดในทางแพ่งแล้ว ผู้เสียหายยังมีสิทธิที่จะฟ้องในทางอาญาซึ่งเป็นช่องทางที่จะบีบบังคับให้ลูกหนี้รีบขวนขวายในการชำระหนี้ได้อีกทางหนึ่งด้วย พฤติการณ์แห่งความผูกพันระหว่างผู้เสียหายกับ ด. และจำเลยจึงเป็นมูลหนี้ในทางแพ่งโดยเฉพาะหาใช่เป็นความรับผิดในทางอาญาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 814/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน: ศาลลงโทษตามกรรมเดียวได้หากฟ้องไม่ชัดเจน
เมื่อตามคำฟ้องโจทก์มิได้บรรยายรายละเอียดการกระทำของจำเลยให้ปรากฏพอที่จะให้เห็นว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยเป็นแต่ละกรรมแยกตามจำนวนผู้เสียหายนอกเหนือไปจากคำฟ้องหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 814/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องและการลงโทษจำเลยตามจำนวนผู้เสียหาย
เมื่อตาม คำฟ้องโจทก์มิได้บรรยายรายละเอียดการกระทำของจำเลยให้ปรากฏพอที่จะให้เห็นว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยเป็นแต่ละกรรมแยกตาม จำนวนผู้เสียหายนอกเหนือไปจากคำฟ้องหาได้ไม่.