คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 341

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 727 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2146/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานฉ้อโกงหลายกรรมต่างกัน แม้ออกเช็คชำระราคารวม แต่การส่งมอบสินค้าแต่ละครั้งถือเป็นความผิดสำเร็จ
สิทธิฎีกาของคู่ความนั้นจะต้องพิจารณาเป็นกระทงความผิดไปศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ลงโทษจำคุกจำเลยฐานฉ้อโกงกระทงละ 2 ปีรวม 3 กระทง เป็น 6 ปี และจำคุกฐานใช้เอกสารปลอมอีกกระทงหนึ่งมีกำหนด 3 ปี รวม 9 ปี ดังนี้ จำเลยต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
การที่จำเลยหลอกลวงให้ผู้เสียหายส่งสินค้าให้ 3 ครั้งและออกเช็คปลอมชำระราคาให้ในคราวเดียวการกระทำของจำเลยเป็นความผิดสำเร็จทุกครั้งที่ผู้เสียหายส่งมอบสินค้าให้การกระทำของจำเลย จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องคดีฉ้อโกงทรัพย์: เพียงพอหรือไม่ และรายละเอียดใดที่จำเป็น
ในการฟ้องคดีด้วยวาจา โจทก์ได้บรรยายในบันทึกหลักฐานการฟ้องคดีด้วยวาจาและบันทึกคำฟ้องว่า จำเลยนี้โดยทุจริต ได้ใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าเป็นตัวแทนของบริษัท พ. จะส่งคนงานไปทำงานต่างประเทศโดยขอเบิกเงินจากผู้เสียหาย 150,000 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงมอบเงินจำนวนดังกล่าวให้ผู้เสียหายไป ซึ่งความจริงจำเลยมิได้เป็นตัวแทนบริษัท พ. แต่อย่างใด ดังนี้ เป็นการบรรยายฟ้องครบองค์ความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา341 และถูกต้องตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ มาตรา 19 วรรคสองแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องบรรยายว่าผู้เสียหายมีความเกี่ยวข้องกับบริษัท พ. หรือจำเลยอย่างไร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3585/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายข้าวเปลือก จ่ายเงินล่วงหน้า จำเลยไม่มีข้าวขาย ไม่เป็นฉ้อโกง หากเป็นเพียงการผิดสัญญา
ผู้เสียหายกับจำเลยได้ติดต่อซื้อขายข้าวเปลือกกันมาก่อนหลายปี ผู้เสียหายเคยไปเอาข้าวเปลือกจากจำเลยมาก่อนแล้วชำระเงินในภายหลัง บางครั้งผู้เสียหายก็ให้เงินจำเลยไปก่อนแล้วไปเอาข้าวเปลือกในภายหลัง วันเกิดเหตุจำเลยไปบอกขายข้าวเปลือก 10 เกวียนให้แก่ผู้เสียหาย และขอรับเงินล่วงหน้าไปก่อน ซึ่งผู้เสียหายได้จ่ายเงินล่วงหน้าให้แก่จำเลยไป 20,000 บาท โดยยังไม่ได้ตกลงราคาและจำเลยไม่ได้บอกว่ามีข้าวเปลือกอยู่แล้วพฤติการณ์ระหว่างผู้เสียหายกับจำเลยเป็นการปฏิบัติต่อกันตามปกติในการซื้อขายข้าวเปลือก แม้ต่อมาจำเลยไม่มีข้าวเปลือกขายให้แก่ผู้เสียหายภายในกำหนดเวลาที่ตกลงกันและไม่อาจคืนเงินที่รับมาให้แก่ผู้เสียหายได้ ก็เป็นเรื่องที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้แก่ผู้เสียหายเท่านั้น การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3585/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายข้าวเปลือกไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง หากเป็นการผิดสัญญาซื้อขาย ไม่ได้มีเจตนาหลอกลวงตั้งแต่แรก
ผู้เสียหายกับจำเลยได้ติดต่อซื้อขายข้าวเปลือกกันมาก่อนหลายปี ผู้เสียหายเคยไปเอาข้าวเปลือกจากจำเลยมาก่อนแล้วชำระเงินในภายหลัง บางครั้งผู้เสียหายก็ให้เงินจำเลยไปก่อนแล้วไปเอาข้าวเปลือกในภายหลัง วันเกิดเหตุจำเลยไปบอกขายข้าวเปลือก 10 เกวียนให้แก่ผู้เสียหาย และขอรับเงินล่วงหน้าไปก่อน ซึ่งผู้เสียหายได้จ่ายเงินล่วงหน้าให้แก่จำเลยไป 20,000 บาท โดยยังไม่ได้ตกลงราคาและจำเลยไม่ได้บอกว่ามีข้าวเปลือกอยู่แล้ว พฤติการณ์ระหว่างผู้เสียหายกับจำเลยเป็นการปฏิบัติต่อกันตามปกติในการซื้อขายข้าวเปลือก แม้ต่อมาจำเลยไม่มีข้าวเปลือกขายให้แก่ผู้เสียหายภายในกำหนดเวลาที่ตกลงกันและไม่อาจคืนเงินที่รับมาให้แก่ผู้เสียหายได้ ก็เป็นเรื่องที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้แก่ผู้เสียหายเท่านั้น การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2922/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพยายามฉ้อโกงต้องมีการได้ทรัพย์สินไปจากผู้เสียหาย สัญญาต่างตอบแทนยังไม่ถือเป็นการได้ทรัพย์สิน
จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายว่าบริษัท บ. จะยุบตัวแทนจำหน่ายเบียร์แห่งหนึ่ง จำเลยสามารถติดต่อให้ผู้เสียหายเป็นตัวแทนของบริษัท บ. ได้ โดยจำเลยขอค่าสมนาคุณเป็นเงินจำนวนหนึ่ง แต่สัญญาจ่ายค่าสมนาคุณระบุว่าจะจ่ายค่าสมนาคุณก็ต่อเมื่อผู้เสียหายได้ทำสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายเบียร์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นลักษณะของสัญญาต่างตอบแทน ดังนั้นแม้ผู้เสียหายจะหลงเชื่อคำหลอกลวงของจำเลย และลงลายมือชื่อในหนังสือสัญญาจ่ายค่าสมนาคุณให้จำเลยไป จำเลยก็ไม่ได้ทรัพย์สินไปจากผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานพยายามฉ้อโกง
โจทก์ฟ้องจำเลยหลายคนว่าร่วมกันกระทำความผิดฐานเดียวกัน จำเลยที่ 1 และที่ 3 อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ลงโทษ แต่จำเลยที่ 2 มิได้อุทธรณ์ คดีเฉพาะจำเลยที่ 2 จึงถึงที่สุด เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด ซึ่งเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้อุทธรณ์ให้มิต้องถูกรับโทษด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2922/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพยายามฉ้อโกงต้องมีการได้ทรัพย์สินไปจากผู้อื่น สัญญาต่างตอบแทนยังไม่ถือเป็นการได้ทรัพย์สิน
จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายว่าบริษัท บ. จะยุบตัวแทนจำหน่ายเบียร์แห่งหนึ่งจำเลยสามารถติดต่อให้ผู้เสียหายเป็นตัวแทนของบริษัท บ. ได้ โดยจำเลยขอค่าสมนาคุณเป็นเงินจำนวนหนึ่งแต่สัญญาจ่ายค่าสมนาคุณระบุว่าจะจ่ายค่าสมนาคุณก็ต่อเมื่อผู้เสียหายได้ทำสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายเบียร์เรียบร้อยแล้วซึ่งเป็นลักษณะของสัญญาต่างตอบแทนดังนั้นแม้ผู้เสียหายจะหลงเชื่อคำหลอกลวงของจำเลยและลงลายมือชื่อในหนังสือสัญญาจ่ายค่าสมนาคุณให้จำเลยไป จำเลยก็ไม่ได้ทรัพย์สินไปจากผู้เสียหายการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานพยายามฉ้อโกง
โจทก์ฟ้องจำเลยหลายคนว่าร่วมกันกระทำความผิดฐานเดียวกันจำเลยที่ 1 และที่ 3 อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ลงโทษแต่จำเลยที่ 2 มิได้อุทธรณ์ คดีเฉพาะจำเลยที่ 2 จึงถึงที่สุด เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดซึ่งเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดีศาลฎีกาย่อมพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้อุทธรณ์ให้มิต้องถูกรับโทษด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1005/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: ใช้เอกสารปลอมเพื่อฉ้อโกง
การที่จำเลยใช้เอกสารราชการปลอมเพื่อฉ้อโกงเอาทรัพย์สินของโจทก์ร่วมเป็นการกระทำผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับปากแล้วไม่ทำตาม ไม่เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง หากไม่มีเจตนาหลอกลวงตั้งแต่แรก
โจทก์บรรยายฟ้องเป็นใจความว่า จำเลยนำความเท็จมากล่าวหลอกลวงแก่ประชาชนและโจทก์ โดยจำเลยจัดพิมพ์หนังสือบันทึกเหตุการณ์เขมรฆ่าโหดคนไทย 30 ศพการจำหน่ายหนังสือดังกล่าวจำเลยโฆษณาแก่ประชาชนและโจทก์ว่า จำเลยจะนำเงินรายได้ไปช่วยซื้ออาวุธให้ราษฎรชายแดนคุ้มครองหมู่บ้าน เป็นเหตุให้โจทก์หลงเชื่อตกลงซื้อหนังสือดังกล่าว 2 เล่ม เป็นเงิน40 บาท จำเลยจำหน่ายหนังสือดังกล่าวได้เงิน 200,000บาท จำเลยได้รับเงินค่าหนังสือจากโจทก์แล้วกลับนำเงินดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวและผู้อื่น ไม่นำไปซื้ออาวุธเพื่อแจกจ่ายราษฎรชายแดน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ดังนี้ ข้อความที่ปรากฏในฟ้องแสดงเพียงว่าจำเลยรับจะทำอะไรแล้วไม่ทำตามรับเท่านั้นการไม่ทำตามรับดังที่โจทก์ฟ้องไม่ใช่ความผิดฐานฉ้อโกง แม้ในฟ้องจะมีคำว่าจำเลยนำความเท็จมากล่าวหลอกลวงแก่ประชาชนและโจทก์ แต่เมื่ออ่านฟ้องโดยตลอดจะพบว่าไม่มีการหลอกลวงอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 245/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องไม่ชัดเจน ขาดรายละเอียดสำคัญ ศาลยกฟ้องและไม่รับอุทธรณ์ความเท็จ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาความผิดฐานรีดเอาทรัพย์และฉ้อโกง โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกรวม 4 คนได้ข่มขืนใจโจทก์ให้ยอมให้หรือยอมจะให้ ธนาคารกสิกรไทยจำกัด สาขาน่าน ได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยขู่ว่าจะเปิดเผยความลับซึ่งการเปิดเผยนั้นจะทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายและหลอกลวงโจทก์ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อความซึ่งควรบอกให้แจ้งโดยการขู่และหลอกลวงดังกล่าวทำให้โจทก์จำต้องทำเอกสารสิทธิคือหนังสือรับสภาพหนี้ 1 ฉบับ รับว่าจะชำระเงินให้ธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาน่าน จำนวน 80,000 บาท ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ดังนี้ ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ดังกล่าว ความลับซึ่งการเปิดเผยจะทำให้โจทก์เสียหายนั้นเป็นความลับเรื่องใดหาปรากฏไม่ และที่กล่าวหาว่าจำเลยฉ้อโกง หลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งนั้น ข้อความใดเป็นความเท็จและความจริงเป็นอย่างไรก็มิได้ปรากฏในคำบรรยายฟ้อง ฟ้องของโจทก์จึงเคลือบคลุมไม่บรรยายมาพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี เป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
การอุทธรณ์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องนั้นต้องอยู่ในบังคับแห่งบทบัญญัติว่าด้วยการอุทธรณ์ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3112/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีเล่นแชร์เปียหวยไม่ใช่ความผิดอาญา พนักงานอัยการไม่มีสิทธิเรียกเงินคืนแทนผู้เสียหายได้
พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงกับขอให้คืนเงินที่จำเลยได้ไปจากการฉ้อโกงแก่ผู้เสียหาย เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่ามิใช่เป็นเรื่องฉ้อโกง แต่เป็นเรื่องผู้เสียหายและจำเลยสมัครใจเล่นแชร์ต่อกัน ซึ่งเป็นเรื่องความรับผิดทางแพ่งล้วน ๆ หาใช่เป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาไม่ ดังนี้ เงินที่ผู้เสียหายชำระค่าแชร์ให้แก่จำเลยไป จึงมิใช่ทรัพย์สินที่ผู้เสียหายสูญเสียไปเนื่องจากการกระทำผิด พนักงานอัยการไม่มีสิทธิที่จะเรียกเงินเช่นนี้แทนผู้เสียหายได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43
of 73