พบผลลัพธ์ทั้งหมด 727 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 848/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์โดยใช้อุบายหลอกลวงของลูกเขยต่อพ่อตาแม่ยาย ไม่ถือเป็นฉ้อโกง
จำเลยได้เสียกับบุตรสาวของผู้เสียหายแล้วพากันมาอยู่บ้านผู้เสียหายได้ 7-8 วัน จำเลยบอกผู้เสียหายว่าจะไปซื้อข้าวสารมาเก็บไว้กินในฤดูทำนา รุ่งขึ้นจำเลยเอาโคของผู้เสียหายเทียมเกวียนจะไปซื้อข้าวสาร ภริยาผู้เสียหายไปกับจำเลยด้วย เมื่อถึงที่หมายจำเลยปลดโคจากเกวียนแล้วก็แยกไป ต่อมาไม่นานจำเลยกลับมาถามภริยาผู้เสียหายว่า วัวกินน้ำแล้วหรือยัง ประเดี๋ยวข้าวสารจะมาแล้วภริยาผู้เสียหายว่ายัง จำเลยจึงนำโคไปอ้างว่าจะนำไปให้กินน้ำ แล้วก็นำโคไปขายเสียพร้อมทั้งมอบตั๋วพิมพ์รูปพรรณโคให้ผู้ซื้อไปด้วย ดังนี้ พฤติการณ์ของจำเลยส่อให้เห็นความทุจริตของจำเลยตั้งแต่ลอบเอาตั๋วพิมพ์รูปพรรณไปแล้ว เมื่อพิเคราะห์ถึงความสัมพันธ์ระหว่างจำเลยกับผู้เสียหายฉันลูกเขยพ่อตาแม่ยาย จำเลยจะเอาโคไปใช้ได้ตามพลการของจำเลยโดยการวิสาสะหาจำต้องขอรับอนุญาตหรือความยินยอมดังเช่นบุคคลอื่นไม่ การที่จำเลยใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายและภริยานั้น มิใช่เพื่อให้ผู้เสียหายและภริยายอมส่งมอบโคให้จำเลย หากเป็นแต่เพียงอุบายในการที่จำเลยจะพาโคไปได้แนบเนียนขึ้นเท่านั้น การที่จำเลยเอาโคไปหาใช่ผลโดยตรงจากการหลอกลวงไม่ จำเลยจึงมีผิดฐานลักทรัพย์ หาผิดฐานฉ้อโกงไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงจากการหลอกลวงทางการค้า: การกระทำทุจริตตั้งแต่ต้นเป็นสำคัญ
การที่จำเลยโดยทุจริตกล่าวเท็จหลอกลวงโจทก์ว่ามีร้านขายปลีกต้องการบุหรี่ จำเลยรับจะนำไปส่งให้และนำเงินมาชำระแทนโจทก์หลงเชื่อมอบบุหรี่ให้จำเลยไปจำเลยกลับเอาไปขายต่ำกว่าราคาและเมื่อถึงกำหนดส่งเงิน จำเลยหลบหน้าไม่นำส่ง ทั้งต่อมายังปฏิเสธว่าไม่ได้รับบุหรี่ไปจากโจทก์นั้น ย่อมเป็นความผิดฐานฉ้อโกง มิใช่เป็นเรื่องผิดสัญญาหรือยักยอกไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงจากการหลอกลวงขายบุหรี่: การกระทำโดยทุจริตตั้งแต่ต้น ย่อมเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ไม่ใช่ผิดสัญญาหรือยักยอก
การที่จำเลยโดยทุจริตกล่าวเท็จหลอกลวงโจทก์ว่ามีร้านขายปลีกต้องการบุหรี่ จำเลยรับจะนำไปส่งให้แลนำเงินมาชำระแทน โจทก์หลงเชื่อมอบบุหรี่ให้จำเลยไป จำเลยกลับเอาไปขายต่ำกว่าราคา และเมื่อถึงกำหนดส่งเงิน จำเลยหลบหน้าไม่นำส่ง ทั้งต่อมายังปฏิเสธว่าไม่ได้รับบุหรี่ไปจากโจทก์นั้น ย่อมเป็นความผิดฐานฉ้อโกง มิใช่เป็นเรื่องผิดสัญญาหรือยักยอกไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 151/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษในความผิดฉ้อโกงและการจำกัดสิทธิในการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 265, 266, 268 และ 341 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามบทมาตราที่โจทก์ฟ้อง แต่ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 266 ซึ่งเป็นบทหนัก ให้จำคุก 4 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลย 2 ปี 8 เดือนศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341 กระทงเดียว ให้จำคุกจำเลย 2 ปี ลดโทษให้ 1ใน 3 คงจำคุก 1 ปี 4 เดือนเช่นนี้ความผิดฐานฉ้อโกงมีการแก้ไขเฉพาะโทษและเป็นการแก้ไขเล็กน้อยจำเลยจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในความผิดฐานฉ้อโกงไม่ได้ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1667/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการซื้อขายรถยนต์ที่มีคำสั่งห้ามโอน การกระทำไม่ถึงขั้นฉ้อโกง
การที่จำเลยนำรถยนต์ของจำเลยซึ่งศาลได้มีคำสั่งห้ามชั่วคราวมิให้โอนขายหรือจำหน่ายในคดีหนึ่งอยู่แล้วไปทำสัญญาซื้อขายกับโจทก์โดยรับรองกับโจทก์ว่ารถยนต์ดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยผู้เดียวไม่ โดยนำไปขายหรือจำนำหรือทำสัญญาใดผูกพันรถยนต์ดังกล่าวเลย แล้วจำเลยไม่ส่งมอบรถยนต์ดังกล่าวให้โจทก์นั้น การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 928/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องทุกข์ไม่ใช่เอกสารสิทธิ การหลอกลวงให้ถอนคำร้องทุกข์ไม่เป็นความผิดตาม ม.341 อาญา
คำร้องทุกข์ของผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ไม่ใช่เอกสารสิทธิตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1(9) ฉะนั้น แม้จะได้ความว่าจำเลยเจตนาทุจริตหลอกลวงให้ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ก็ดี ก็ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 928/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องทุกข์ไม่ใช่เอกสารสิทธิ การหลอกลวงให้ถอนคำร้องทุกข์ไม่เป็นความผิดฉ้อโกง
คำร้องทุกข์ของผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่ใช่เอกสารสิทธิตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1(9)ฉะนั้นแม้จะได้ความว่าจำเลยเจตนาทุจริตหลอกลวงให้ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ก็ดี ก็ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 340/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบสินบนเพื่อช่วยเหลือคดีอาญาทำให้โจทก์ตกเป็นผู้กระทำผิดไปด้วย และไม่มีอำนาจฟ้อง
การที่จำเลยกล่าวข้อความเท็จหลอกลวงโจทก์ว่า จำเลยเป็นผู้ใกล้ชิดกับพนักงานอัยการและผู้พิพากษาเรียกร้องเอาเงินโจทก์เพื่อจะนำไปให้พนักงานอัยการและผู้พิพากษาเพื่อให้ช่วยเหลือบุตรของโจทก์หลุดพ้นคดีอาญาโจทก์หลงเชื่อว่าเป็นความจริงได้มอบเงินให้จำเลยไปนั้น การกระทำของโจทก์เป็นการร่วมกับจำเลยในการนำสินบนไปให้เจ้าพนักงานอันอาจถือได้แล้วว่าโจทก์เป็นผู้ใช้ให้จำเลยกระทำความผิด
โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายที่จะนำคดีมาฟ้องร้องได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 40/2505)
โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายที่จะนำคดีมาฟ้องร้องได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 40/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานกรรโชกข่มขืนใจเอาทรัพย์สินและการสนับสนุนความผิด
ป.กับส. ไปหลอกลวงผู้เสียหายว่าเป็นเจ้าพนักงาน ขอค้นบ้าน และค้นได้แป้งเชื้อสุรา แล้วคุมตัวผู้เสียหายไปมอบให้ ด. ที่บ้านของ ป. ด.หลอกลวงผู้เสียหายว่าเป็นเจ้าพนักงานสรรพสามิต บอกให้ผู้เสียหายเสียค่าปรับ ถ้าไม่เอาเงินมาเสียจะจับส่งอำเภอ แล้วผู้เสียหายถูกคุมไปหายืมเงิน พบข. ซึ่งเป็นกำนัน ได้เล่าเรื่องให้ฟัง ข. พูดส่งเสริมให้ผู้เสียหายเสียเงินให้ที่นั่น ผู้เสียหายเอาเงินให้ ช. รับเงินเอาไว้แล้วบอกให้ผู้เสียหายกลับได้ วันนั้นเอง ช. ไปร่วมรับประทานอาหารและแบ่งเงินให้ ป. ส. และ ด. การกระทำของ ป. ส. และด. เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145, 310 และ 337 ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341 ด้วย และการกระทำของ ช. ก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 341 เช่นเดียวกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 4 ฐานฉ้อโกง ด. กับ ช. จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยไม่ใช่ความผิดฐานฉ้อโกงด้วย ก็เป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลอุทธรณ์มีอำนาจที่จะพิพากษายกฟ้องความผิดฐานนี้ตลอดถึงจำเลยที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วย
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพและฉ้อโกง กับขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงินที่จำเลยรับไปจากผู้เสียหายด้วย เมื่อวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว ศาลย่อมพิพากษาให้ยกคำขอให้คืนหรือใช้เงินนี้เสียด้วย (แม้โจทก์จะฎีกาฝ่ายเดียว ขอให้ลงโทษฐานฉ้อโกง จำเลยไม่ได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้)
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 4 ฐานฉ้อโกง ด. กับ ช. จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยไม่ใช่ความผิดฐานฉ้อโกงด้วย ก็เป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลอุทธรณ์มีอำนาจที่จะพิพากษายกฟ้องความผิดฐานนี้ตลอดถึงจำเลยที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วย
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพและฉ้อโกง กับขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงินที่จำเลยรับไปจากผู้เสียหายด้วย เมื่อวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว ศาลย่อมพิพากษาให้ยกคำขอให้คืนหรือใช้เงินนี้เสียด้วย (แม้โจทก์จะฎีกาฝ่ายเดียว ขอให้ลงโทษฐานฉ้อโกง จำเลยไม่ได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานกรรโชกและการสนับสนุนความผิด ไม่ใช่ฉ้อโกง ศาลแก้ฟ้องฐานฉ้อโกงและยกคำขอคืนเงิน
ป.กับส. ไปหลอกลวงผู้เสียหายว่าเป็นเจ้าพนักงาน ขอค้นบ้าน และค้นได้แป้งเชื้อสุราแล้วคุมตัวผู้เสียหายไปมอบให้ ด. ที่บ้านของป. ด.หลอกลวงผู้เสียหายว่าเป็นเจ้าพนักงานสรรพสามิต บอกให้ผู้เสียหายเสียค่าปรับ ถ้าไม่เอาเงินมาเสียจะจับส่งอำเภอ แล้วผู้เสียหายถูกคุมไปหายืมเงิน พบ ช.ซึ่งเป็นกำนันได้เล่าเรื่องให้ฟังช.พูดส่งเสริมให้ผู้เสียหายเสียเงินให้ที่นั่น ผู้เสียหายเอาเงินให้ ช. รับเงินไว้แล้วบอกให้ผู้เสียหายกลับได้ วันนั้นเอง ช. ไปร่วมรับประทานอาหารและแบ่งเงินให้ ป.ส.และด. การกระทำของป.ส.และด. เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145,310 และ 337 ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341 ด้วย และการกระทำของช. ก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 341 เช่นเดียวกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 4 ฐานฉ้อโกง ด. กับช. จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่ใช่ความผิดฐานฉ้อโกงด้วย ก็เป็นเหตุในลักษณะคดีศาลอุทธรณ์มีอำนาจที่จะพิพากษายกฟ้องความผิดฐานนี้ตลอดถึงจำเลยที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วย
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพและฉ้อโกงกับขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงินที่จำเลยรับไปจากผู้เสียหายด้วย เมื่อวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว ศาลย่อมพิพากษาให้ยกคำขอให้คืนหรือใช้เงินนี้เสียด้วย (แม้โจทก์จะฎีกาฝ่ายเดียวขอให้ลงโทษฐานฉ้อโกง จำเลยไม่ได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้)
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 4 ฐานฉ้อโกง ด. กับช. จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่ใช่ความผิดฐานฉ้อโกงด้วย ก็เป็นเหตุในลักษณะคดีศาลอุทธรณ์มีอำนาจที่จะพิพากษายกฟ้องความผิดฐานนี้ตลอดถึงจำเลยที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วย
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพและฉ้อโกงกับขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงินที่จำเลยรับไปจากผู้เสียหายด้วย เมื่อวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว ศาลย่อมพิพากษาให้ยกคำขอให้คืนหรือใช้เงินนี้เสียด้วย (แม้โจทก์จะฎีกาฝ่ายเดียวขอให้ลงโทษฐานฉ้อโกง จำเลยไม่ได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้)