พบผลลัพธ์ทั้งหมด 52 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1735/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระค่าเช่า และการบอกเลิกสัญญาเช่าที่มิชอบด้วยกฎหมาย
การที่ผู้ให้เช่าไปเก็บค่าเช่าจากผู้เช่าตลอดมา เป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้ให้เช่ามิได้ถือเด็ดขาดว่าผู้เช่าจะต้องชำระค่าเช่า ณ สำนักงานหรือที่อยู่ของผู้ให้เช่าตามสัญญาเช่า เมื่อผู้ให้เช่าไม่ไปเก็บค่าเช่าจากผู้เช่าจะว่าผู้เช่าผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าไม่ได้ ต่อมามีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เช่าผู้เช่าขอชำระค่าเช่าที่ค้างชำระให้แก่ผู้รับโอน แต่ผู้รับโอนไม่ยอมรับชำระ ผู้เช่าจึงส่งค่าเช่านั้นทางธนาณัติไปให้ผู้รับโอน ผู้รับโอนก็ไม่รับอีก ดังนี้ ถือว่าผู้เช่ามิได้ผิดนัดชำระค่าเช่า
การที่ผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาเช่า อาจกระทำได้ในกรณีที่ผู้เช่าผิดสัญญาเช่า. หรือทำผิดหน้าที่ตามกฎหมายในเรื่องเช่าหรือในกรณีอื่นซึ่งเกี่ยวกับเรื่องการเช่าโดยตรง ส่วนการที่ผู้เช่าไม่ไปให้ความยินยอมในการที่ผู้ให้เช่ารังวัดแบ่งแยกที่ดินที่เช่านั้น ไม่เกี่ยวกับการเช่าจึงไม่เป็นเหตุที่ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเช่าได้ และกรณีนี้ก็มิใช่เรื่องที่ผู้เช่าต้องสงวนทรัพย์สินที่เช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 553 แต่อย่างใด
การที่ผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาเช่า อาจกระทำได้ในกรณีที่ผู้เช่าผิดสัญญาเช่า. หรือทำผิดหน้าที่ตามกฎหมายในเรื่องเช่าหรือในกรณีอื่นซึ่งเกี่ยวกับเรื่องการเช่าโดยตรง ส่วนการที่ผู้เช่าไม่ไปให้ความยินยอมในการที่ผู้ให้เช่ารังวัดแบ่งแยกที่ดินที่เช่านั้น ไม่เกี่ยวกับการเช่าจึงไม่เป็นเหตุที่ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเช่าได้ และกรณีนี้ก็มิใช่เรื่องที่ผู้เช่าต้องสงวนทรัพย์สินที่เช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 553 แต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2725/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการชำระหนี้นอกศาล: ศาลไม่เพิกถอนยึดทรัพย์หากเจ้าหนี้ปฏิเสธการรับชำระหนี้
โจทก์นำยึดทรัพย์ของจำเลยเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอม จำเลยอ้างส่งใบรับเงินและว่าได้ชำระหนี้ให้โจทก์ไปตามที่มีการตกลงกันนอกศาล โดยโจทก์ลดจำนวนหนี้ให้ด้วย เมื่อโจทก์ปฏิเสธและต่อสู้ว่าเป็นลายเซ็นชื่อโจทก์ผู้รับเงินปลอม กรณีย่อมไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295 ซึ่งบัญญัติให้เจ้าพนักงานบังคับคดีถอนการบังคับคดี ศาลจึงจะมีคำสั่งเพิกถอนการยึดทรัพย์หาได้ไม่ กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยถึงใบรับเงินและการชำระหนี้ของจำเลย ซึ่งจะเป็นประการใดก็เป็นเรื่องของจำเลยจะไปว่ากล่าวกันต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2725/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ตามคำพิพากษาและการเพิกถอนการยึดทรัพย์: หลักฐานการชำระหนี้ต้องเป็นการวางเงินต่อศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดี
โจทก์นำยึดทรัพย์ของจำเลยเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอม จำเลยอ้างส่งใบรับเงินและว่าได้ชำระหนี้ให้โจทก์ไปตามที่มีการตกลงกันนอกศาล โดยโจทก์ลดจำนวนหนี้ให้ด้วย เมื่อโจทก์ปฏิเสธและต่อสู้ว่าเป็นลายเซ็นชื่อโจทก์ผู้รับเงินปลอม กรณีย่อมไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295 ซึ่งบัญญัติให้เจ้าพนักงานบังคับคดีถอนการบังคับคดี. ศาลจึงจะมีคำสั่งเพิกถอนการยึดทรัพย์หาได้ไม่ กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยถึงใบรับเงินและการชำระหนี้ของจำเลย. ซึ่งจะเป็นประการใดก็เป็นเรื่องของจำเลยจะไปว่ากล่าวกันต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998-1000/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระค่าเช่าและการฟ้องขับไล่: การส่งค่าเช่าให้ผู้ให้เช่าเดิมไม่ถือเป็นการชำระหนี้ที่ถูกต้องต่อผู้รับโอนสิทธิ
ตามสัญญาเช่าที่จำเลยทำไว้กับผู้ให้เช่าเดิม จำเลยมีหน้าที่ที่จะต้องนำเงินค่าเช่าไปชำระให้แก่โจทก์ ฉะนั้น การที่จำเลยส่งค่าเช่าไปชำระแก่โจทก์และทนายโจทก์ทางธนาณัติโจทก์และทนายโจทก์ไม่ยอมรับ ถือได้ว่าจำเลยยังมิได้ปฏิบัติการชำระหนี้โดยชอบ
เมื่อจำเลยตกเป็นฝ่ายผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า 2 คราวติดกัน เมื่อโจทก์ได้ให้ผู้แทนบอกกล่าวเลิกการเช่า จำเลยไม่ออกไป โจทก์จึงฟ้องขับไล่ได้
ในคดีก่อนศาลวินิจฉัยว่า การเช่าของจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ เห็นได้ว่าศาลในคดีนั้นมิได้วินิจฉัยหรือชี้ขาดในเรื่องค่าเช่า โจทก์จึงฟ้องคดีนี้เรียกค่าเช่าที่ค้างได้
จำเลยมีหน้าที่ชำระค่าเช่าแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิในค่าเช่าไป การที่จำเลยชำระค่าเช่าให้แก่ผู้ให้เช่าเดิม จึงจะยกเป็นข้อต่อสู้ไม่ชำระค่าเช่าแก่โจทก์หาได้ไม่
ข้อที่ว่าสัญญาเช่าได้เปลี่ยนแปลงแล้วเพราะที่ปฏิบัติมา เจ้าของผู้ให้เช่าเป็นผู้มาเก็บค่าเช่าเองโดยมิได้ถือเอาตามสัญญา จำเลยไม่ได้ยกข้อเท็จจริงอันนี้ขึ้นต่อสู้เป็นประเด็นไว้ และฟ้องก็ไม่ได้บรรยายว่าผู้ให้เช่าเป็นผู้ไปเก็บค่าเช่าเองจริง จึงไม่มีประเด็นจะต้องวินิจฉัย
เมื่อจำเลยตกเป็นฝ่ายผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า 2 คราวติดกัน เมื่อโจทก์ได้ให้ผู้แทนบอกกล่าวเลิกการเช่า จำเลยไม่ออกไป โจทก์จึงฟ้องขับไล่ได้
ในคดีก่อนศาลวินิจฉัยว่า การเช่าของจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ เห็นได้ว่าศาลในคดีนั้นมิได้วินิจฉัยหรือชี้ขาดในเรื่องค่าเช่า โจทก์จึงฟ้องคดีนี้เรียกค่าเช่าที่ค้างได้
จำเลยมีหน้าที่ชำระค่าเช่าแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิในค่าเช่าไป การที่จำเลยชำระค่าเช่าให้แก่ผู้ให้เช่าเดิม จึงจะยกเป็นข้อต่อสู้ไม่ชำระค่าเช่าแก่โจทก์หาได้ไม่
ข้อที่ว่าสัญญาเช่าได้เปลี่ยนแปลงแล้วเพราะที่ปฏิบัติมา เจ้าของผู้ให้เช่าเป็นผู้มาเก็บค่าเช่าเองโดยมิได้ถือเอาตามสัญญา จำเลยไม่ได้ยกข้อเท็จจริงอันนี้ขึ้นต่อสู้เป็นประเด็นไว้ และฟ้องก็ไม่ได้บรรยายว่าผู้ให้เช่าเป็นผู้ไปเก็บค่าเช่าเองจริง จึงไม่มีประเด็นจะต้องวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดนัดชำระค่าเช่า แม้ผู้ให้เช่ามิได้เรียกเก็บเอง และผลของการโอนสิทธิเช่า
เมื่อไม่ปรากฏว่าได้มีการตกลงกันให้ฝ่ายผู้ให้เช่าไปเก็บค่าเช่าจากผู้เช่า ผู้เช่าจึงมีหน้าที่ไปชำระค่าเช่า ณ ภูมิลำเนาผู้ให้เช่า ฉะนั้น การที่ผู้ให้เช่าไม่ไปเก็บค่าเช่าจึงไม่เป็นข้อแก้ตัวให้ผู้เช่าพ้นความรับผิดในการผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดนัดชำระค่าเช่าและการรับโอนสิทธิหน้าที่จากสัญญาเช่าเดิม ผู้เช่ามีหน้าที่ชำระค่าเช่า ณ ภูมิลำเนาผู้ให้เช่า
เมื่อไม่ปรากฏว่าได้มีการตกลงกันให้ฝ่ายผู้ให้เช่าไปเก็บค่าเช่าจากผู้เช่าผู้เช่าจึงมีหน้าที่ไปชำระค่าเช่า ณ ภูมิลำเนาของผู้ให้เช่าฉะนั้น การที่ผู้ให้เช่าไม่ไปเก็บค่าเช่าจึงไม่เป็นข้อแก้ตัวให้ผู้เช่าพ้นความรับผิดในการผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการนำสืบพยานในประเด็นสัญญาประนีประนอม และสถานที่ชำระหนี้
ศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาวันชี้สองสถานเพียงว่า ประเด็นเรื่องบอกกล่าวนี้ โจทก์กล่าวอ้าง จำเลยปฏิเสธโจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบก่อน ได้นัดสืบพยานโจทก์ไป เช่นนี้ หาใช่ศาลกะให้คู่ความนำสืบเพียงประเด็นเดียวไม่ หากจำเลยให้การต่อสู้ไว้ประเด็นอื่นอีก จำเลยก็นำสืบได้
สัญญามิได้มีข้อกำหนดชัดเจนว่า ให้ชำระเงิน ณ ที่ใด คู่ความย่อมสืบได้ว่ามีการตกลงในเรื่องนี้ไว้อย่างไรอีกต่างหาก ไม่เป็นการสืบเพิ่มเติมเอกสารและหากได้ความว่ามีการตกลงชำระเงินกัน ณ สถานที่แห่งอื่นแล้ว ก็ไม่ต้องนำเงินชำระ ณ ภูมิลำเนาปัจจุบันของเจ้าหนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 324
ระบุพยานว่า ชื่อ "นายซ้ง" แต่พยานเบิกความว่ามีชื่อว่า "ซัง" อีกชื่อหนึ่งก็ไม่เป็นผิดตัวเป็นคนละคนแต่อย่างใด
สัญญามิได้มีข้อกำหนดชัดเจนว่า ให้ชำระเงิน ณ ที่ใด คู่ความย่อมสืบได้ว่ามีการตกลงในเรื่องนี้ไว้อย่างไรอีกต่างหาก ไม่เป็นการสืบเพิ่มเติมเอกสารและหากได้ความว่ามีการตกลงชำระเงินกัน ณ สถานที่แห่งอื่นแล้ว ก็ไม่ต้องนำเงินชำระ ณ ภูมิลำเนาปัจจุบันของเจ้าหนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 324
ระบุพยานว่า ชื่อ "นายซ้ง" แต่พยานเบิกความว่ามีชื่อว่า "ซัง" อีกชื่อหนึ่งก็ไม่เป็นผิดตัวเป็นคนละคนแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระค่าเช่าและการผิดนัด: เจ้าของบ้านต้องเป็นผู้รับเอง หากเคยรับเองมาตลอด
การที่โจทก์ไปเก็บค่าเช่าจากจำเลยตลอดมา 10 ปีตั้งแต่เช่ากันมา เป็นการแสดงเจตนาไว้ว่า โจทก์จะเป็นผู้ไปเก็บค่าเช่าเอาจากจำเลยเอง เมื่อโจทก์ไปไม่เก็บ จะหาว่าจำเลยผิดนัดหาได้ไม่
(อ้างฎีกาที่ 728/2496)
จำเลยขอชำระค่าเช่า แต่โจทก์ไม่ยอมรับ จำเลยจึงจัดส่งค่าเช่าทางธนาณัติให้โจทก์ โจทก์ก็ไม่ไปรับ ดังนี้ถือว่าจำเลยไม่เป็นผู้ผิดนัดชำระค่าเช่า
(อ้างฎีกาที่ 728/2496)
จำเลยขอชำระค่าเช่า แต่โจทก์ไม่ยอมรับ จำเลยจึงจัดส่งค่าเช่าทางธนาณัติให้โจทก์ โจทก์ก็ไม่ไปรับ ดังนี้ถือว่าจำเลยไม่เป็นผู้ผิดนัดชำระค่าเช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระค่าเช่าทางอื่น และผลของการไม่ไปรับเงินค่าเช่าของผู้ให้เช่า ทำให้จำเลยไม่เป็นผู้ผิดนัด
การที่โจทก์ไปเก็บค่าเช่าจากจำเลยตลอดมา 10 ปี ตั้งแต่เช่ากันมาเป็นการแสดงเจตนาไว้ว่า โจทก์จะเป็นผู้ไปเก็บค่าเช่าเอาจากจำเลยเองเมื่อโจทก์ไม่ไปเก็บ จะหาว่าจำเลยผิดนัดหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่728/2496)
จำเลยขอชำระค่าเช่า แต่โจทก์ไม่ยอมรับจำเลยจึงจัดส่งค่าเช่าทางธนาณัติให้โจทก์ โจทก์ก็ไม่ไปรับดังนี้ถือว่าจำเลยไม่เป็นผู้ผิดนัดชำระค่าเช่า
จำเลยขอชำระค่าเช่า แต่โจทก์ไม่ยอมรับจำเลยจึงจัดส่งค่าเช่าทางธนาณัติให้โจทก์ โจทก์ก็ไม่ไปรับดังนี้ถือว่าจำเลยไม่เป็นผู้ผิดนัดชำระค่าเช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่ากำหนดเงื่อนไขชำระค่าเช่าและสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทันที หากผิดสัญญา การบอกเลิกสัญญาไม่ต้องอาศัยบทบัญญัติมาตรา 560
สัญญาเช่า มีข้อความกำหนดการชำระค่าเช่ากันว่าถ้าผู้เก็บค่าเช่ามิได้ไปเก็บค่าเช่า จนล่วงพ้นวันที่ 7 ของเดือนนั้นไปแล้ว ผู้เช่าจะต้องนำค่าเช่าประจำเดือนนั้นไปชำระ ณ สำนักงานของผู้ให้เช่าภายในวันที่ 10 ของเดือนนั้น และมีอีกข้อหนึ่งว่า ถ้าผู้เช่าประพฤติผิดสัญญานี้ในข้อหนึ่งข้อใด ผู้ให้เช่าทรงไว้ซึ่งสิทธิจะบอกเลิกเพิกถอนสัญญาเช่าได้ทันทีโดยมิต้องบอกกล่าวล่วงหน้าให้ผู้เช่าทราบก็ได้ ดังนี้ เมื่อผู้เช่างดส่งค่าเช่าถึง 3 เดือน ผู้ให้เช่าจึงบอกเลิกสัญญาเช่า โดยไม่ต้องบอกกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 560 ได้ เพราะความในมาตรา 560 นี้ จะยกมาใช้ได้ต่อเมื่อมิได้มีข้อสัญญาดังกล่าวต่อกัน