พบผลลัพธ์ทั้งหมด 151 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2856/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน: แม้สร้างเพื่อสาธารณประโยชน์ ก็ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้สร้าง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าเมรุ เผาศพเป็นของโจทก์สร้างไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ให้ประชาชนใช้เผาศพร่วมกัน การบรรยายฟ้องดังกล่าวชี้ ให้เห็นว่าเมรุ เผาศพของโจทก์ใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง ไม่ว่าโจทก์จะใช้ทำประโยชน์ส่วนตัวหรือให้ประชาชนใช้ร่วมกันก็ยังคงเป็นของโจทก์อยู่นั่นเอง ดังนี้โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้องตามนัยแห่ง ป.วิ.อ. มาตรา 2(4) ประกอบมาตรา 28(2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3413-3415/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับโอนเช็คพิพาทโดยไม่สุจริต ทำให้ขาดอำนาจฟ้องคดีอาญา
การที่โจทก์รับโอนเช็คพิพาทจากส.ทั้งที่ไม่มีมูลหนี้ต่อกันโดยยอมให้ ส.ยืมมือโจทก์นำเช็คพิพาทมาฟ้อง คดีอาญาแก่จำเลยเป็นการรับโอน เช็คพิพาทโดยไม่สุจริตโจทก์ย่อมไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่ เป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 28(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3413-3415/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับโอนเช็คพิพาทโดยไม่สุจริต ทำให้ขาดอำนาจฟ้องคดีอาญา
การที่โจทก์รับโอนเช็คพิพาทจาก ส. ทั้งที่ไม่มีมูลหนี้ต่อกัน โดยยอมให้ ส.ยืมมือโจทก์นำเช็คพิพาทมาฟ้องคดีอาญาแก่จำเลย เป็นการรับโอน เช็คพิพาทโดยไม่สุจริต โจทก์ย่อมไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่เป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2847/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักย้ายทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับคดี ถือเป็นการกระทำโดยตรงต่อเจ้าของทรัพย์สิน ผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องอาญา
โจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถแท็กซี่คันพิพาท ได้ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องเรียกรถดังกล่าวคืนจากจำเลยต่อศาลแพ่งพร้อมกับขอให้ศาลมีคำสั่งยึดรถนั้นไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ศาลแพ่งได้มีคำสั่งตามคำขอของโจทก์ทั้งสอง แต่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดรถแท็กซี่ดังกล่าวไม่ได้ เพราะจำเลย ยักย้ายรถไปไว้ที่อื่น โจทก์ทั้งสองย่อมเสียหายโดยตรง กรณีเช่นนี้จำเลยยักย้ายรถไปไว้ที่อื่นก่อนที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะไปยึด จึงมิใช่เป็นการกระทำต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี แต่เป็นการกระทำต่อโจทก์ทั้งสองโดยตรง โจทก์ทั้งสองจึงเป็น ผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 187ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2847/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในรถ, การยักย้ายทรัพย์สินหลีกเลี่ยงการยึด, โจทก์เป็นผู้เสียหายโดยตรง, อำนาจฟ้องคดีอาญา
โจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถแท็กซี่คันพิพาท ได้ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องเรียกรถดังกล่าวคืนจากจำเลยต่อศาลแพ่ง พร้อมกับขอให้ศาลมีคำสั่งยึดรถนั้นไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาศาลแพ่งได้มีคำสั่งตามคำขอของโจทก์ทั้งสอง แต่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดรถแท็กซี่ดังกล่าวไม่ได้เพราะจำเลย ยักย้ายรถไปไว้ที่อื่น โจทก์ทั้งสองย่อมเสียหายโดยตรงกรณีเช่นนี้จำเลยยักย้ายรถไปไว้ที่อื่นก่อนที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะไปยึด จึงมิใช่เป็นการกระทำต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี แต่เป็นการกระทำต่อโจทก์ทั้งสองโดยตรง โจทก์ทั้งสองจึงเป็น ผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 187ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1704/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจัดการทรัพย์สินร่วม การขายสินสมรสโดยไม่ยินยอม และความรับผิดทางอาญาจากการแจ้งข้อมูลเท็จ
หลังจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่ตรวจชำระใหม่ ใช้บังคับแล้ว เมื่อไม่ปรากฏว่าได้ทำสัญญาก่อนสมรสในเรื่องทรัพย์สิน ไว้เป็นพิเศษ อำนาจการจัดการที่ดินสินสมรสระหว่างโจทก์ซึ่งเป็นสามี และจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นภรรยาตามฟ้องซึ่งรวมถึงอำนาจการจำหน่ายด้วย ย่อมเป็นอำนาจของโจทก์และจำเลยที่ 1 รวมกันตามมาตรา 1476 และมาตรา 1477 แม้จำเลยที่ 1 จะมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ในโฉนดแต่ผู้เดียว จำเลยที่ 1 ก็ไม่มีอำนาจทำนิติกรรมขายโดยโจทก์ไม่ยินยอม การที่จำเลยที่ 1 แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานที่ดินว่าจำเลยที่ 1เป็นหญิงหม้ายหย่ากับสามี ยังไม่มีสามีใหม่เจ้าพนักงานที่ดิน จึงจดทะเบียนโอนขายที่ดินตามฟ้องให้แก่จำเลยที่ 2 ย่อมทำให้โจทก์ ได้รับความเสียหาย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องในข้อหาดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 898/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเบิกความเท็จ: ผู้เสียหายจากการเบิกความเท็จในคดีแพ่งมีสิทธิฟ้องอาญา
พี่ชายโจทก์ซื้อที่ดินและลำรางจากจำเลยเมื่อพี่ชายโจทก์ถึงแก่กรรมโจทก์กับพวกได้รับมรดกที่ดินและลำรางดังกล่าวต่อมาปรากฏว่าลำรางที่ซื้อจากจำเลยเป็นลำรางสาธารณะโจทก์กับพวกจึงฟ้องเรียกราคาลำรางและค่าเสียหายจากจำเลยจำเลยเบิกความเท็จต่อศาลในคดีดังกล่าวว่าไม่ได้ขายลำรางโจทก์ย่อมเป็นผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการที่จำเลยเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(4)โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานเบิกความเท็จได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 898/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเบิกความเท็จ: ผู้เสียหายจากการเบิกความเท็จในคดีแพ่งมีสิทธิฟ้องอาญา
พี่ชายโจทก์ซื้อที่ดินและลำรางจากจำเลย เมื่อพี่ชายโจทก์ถึงแก่กรรมโจทก์กับพวกได้รับมรดกที่ดินและลำรางดังกล่าว ต่อมาปรากฏว่าลำรางที่ซื้อจากจำเลยเป็นลำรางสาธารณะ โจทก์กับพวกจึงฟ้องเรียกราคาลำรางและค่าเสียหายจากจำเลย จำเลยเบิกความเท็จต่อศาลในคดีดังกล่าวว่าไม่ได้ขายลำราง โจทก์ย่อมเป็นผู้ได้รับความเสียหาย เนื่องจากการที่จำเลยเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานเบิกความเท็จได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3571/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาตลาดหลักทรัพย์: ผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องจำเลยได้ตามกฎหมาย
พระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 ไม่มีบทบัญญัติใดห้ามประชาชนซึ่งได้รับความเสียหายเป็นโจทก์ฟ้อง ในความผิดทางอาญา และการประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ก็เพื่อ คุ้มครองประโยชน์ของประชาชนส่วนรวม โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวมาตรา 21,42 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 183/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รับเช็คเป็นผู้เสียหายแต่เพียงผู้เดียว แม้ผู้ส่งมอบเช็คจะมีข้อตกลงกับผู้รับเช็คก่อนหน้านี้
การที่โจทก์ส่งมอบเช็คพิพาทชำระหนี้ให้แก่ ก. ถือได้ว่าโจทก์ได้ส่งมอบเช็คให้แก่ ก. ไปแล้วทั้งฉบับ ก.จึงเป็นผู้ทรงเช็คนั้นทั้งฉบับ ส่วนที่โจทก์มีข้อตกลงกับ ก. อย่างไร (โจทก์อ้างว่าชำระหนี้ไม่เต็มจำนวนเงินในเช็ค) นั้น เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับ ก. เมื่อ ก.เป็นผู้ที่นำเช็คพิพาทไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ก. ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คจึงเป็นผู้เสียหายแต่ผู้เดียว โจทก์หาใช่ผู้เสียหายด้วยไม่
(โปรดดูคำพิพากษาฎีกาที่ 671/2516 เทียบเคียง)
(โปรดดูคำพิพากษาฎีกาที่ 671/2516 เทียบเคียง)